คือผมคิดเล่นๆนะครับว่าถ้า กสทช. ใช้วิธีการประมูลคลื่นแบบนี้จะดีกว่าหรือเปล่า
--------------------------------------------------------------------------------------------
วิธีการเดิมของ กสทช. คือ การประมูลใบอนุญาติ โดยเพิ่มเท่าไรก็ได้ ใครให้ราคาสูงสุดก็รับไป (กล่าวแบบคร่าว)
ตีเลขกลมๆล่าสุดคือ 7หมื่นล้าน
--------------------------------------------------------------------------------------------
แต่ถ้าอีกวิธีนึง (วิธีที่ผมคิดเล่นๆเอง) คือใช้วิธียึดราคาใบอนุญาติที่มูลค่าใดมูลค่าหนึ่งเช่น
ผมกำหนดว่า ใบอนุญาติ 1 ใบ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท
และไปสู้กันในเรื่องราคาแพคเกจ
เช่นเริ่มประมูลว่า ราคา "แพงที่สุด" ของแพคเกจคือ
- อินเตอร์เน็ต 1 กิ๊ก 100 บาท
- ค่าโทร นาทีละ 1 บาท
และเคาะราคาแข่งกันลดราคาแพคเกจลงไปเรื่อยๆเช่น
- อินเตอร์เน็ต 1 กิ๊ก 99 บาท 98 บาท หรือ 97 บาท ก็เคาะลดราคาลงไป
- ค่าโทร นาทีละ 99 สตางค์ 98 สตางค์ หรือ 97 สตางค์ ก็เคาะราคาลงไป
ผมเข้าใจว่าค่าแพคเกจปัจจุบันที่ราคาสูงๆนั้น เฉลี่ยแล้ว เน็ต 1 กิ๊กอาจจะไม่ถึง 100 บาท
แต่ในที่นี้หมายถึงแพคเกจที่แพงที่สุดที่คุณอาจจะสมัครไว้และใช้เมื่อไรก็ได้ ไม่มีกำหนดว่าต้องใช้ภายในวันที่เท่าไร
คือพูดง่ายๆว่าแพงสุดยังไงก็ไม่เกินราคาที่ประมูล
------------------------------------------------------------------------------
และรายละเอียดอื่นๆเช่น
- โทรหา call center ต้องฟรีเท่านั้น
- call center ที่โทรไปต้องเป็นคนรับสายทันที ไม่ต้องกดปุ่มหรือฟังโฆษณาใดๆอีก
- และ call center ต้องรับสายใน 5 นาที หรือ อื่นๆ
แล้วแต่เราจะกำหนดลงไป
------------------------------------------------------------------------------
มองในมุมนึงในแง่ข้อดี
- คนได้ใบอนุญาติไปในราคาที่ไม่สูงก็ไม่ต้องไปสู้กันในราคาที่แพงมาก
- มีการสร้างานเพิ่มขึ้น เพราะอินเตอร์เน็ตมีราคาถูก เข้าถึงได้ง่าย
- สร้างความเข้มแข็งให้ระบบอินเตอร์เน็ต เพราะถ้าราคาถูกเข้าถึงได้ง่าย ค่ายมือถือต่างๆก็จะขยายโครงข่าย และต่อให้ใบอนุญาติหมดอายุ
จะมีผู้รับใบอนุญาติรายเก่าหรือรายใหม่หรือไม่ แต่เสาที่ตั้งไว้ก็ยังอยู่
- เมื่อเข้าถึงชนบทได้ง่าย คุณภาพการศึกษาและคุณภาพสาธารณสุขก็จะสูงขึ้นเพราะการเข้าถึงของเครือข่าย
-----------------------------------------------------------------------------
มองในมุมข้อเสีย
- ผมมองเห็นข้อเดียวคือรัฐได้เงินน้อย คือ 7 หมื่นล้าน กับ 4 หมื่นล้าน มันก็ต่างกันมาก
- ไม่มีอะไรการันตีว่าที่ผมพูดมาจะเป็นจริง แต่เงินส่วนต่าง 3 หมื่นล้าน จับต้องได้ชัวร์ๆกว่า
แต่ผมก็ยังมองว่าถึงบได้เงินน้อย แต่สามารถเรียกเก็บได้ในรูป vat ที่จะมีการตื่นตัวของธุรกิจสื่อสาร
และมีการสร้างอาชีพ
พอราคาถูก ก็จะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มีการจ้างงาน หรืออื่นๆที่ให้รัฐสามารถเก็บรายได้ได้ในรูป vat
-----------------------------------------------------------------------------
อันนี้ผมก็เคยคิดเล่นๆไว้ไม่ได้อะไรมาก
ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ
ขอบคุณครับ
[กระทู้ชวนคุย] ถ้า กสทช. ใช้วิธีการประมูลแบบนี้จะดีกว่าหรือเปล่าครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------
วิธีการเดิมของ กสทช. คือ การประมูลใบอนุญาติ โดยเพิ่มเท่าไรก็ได้ ใครให้ราคาสูงสุดก็รับไป (กล่าวแบบคร่าว)
ตีเลขกลมๆล่าสุดคือ 7หมื่นล้าน
--------------------------------------------------------------------------------------------
แต่ถ้าอีกวิธีนึง (วิธีที่ผมคิดเล่นๆเอง) คือใช้วิธียึดราคาใบอนุญาติที่มูลค่าใดมูลค่าหนึ่งเช่น
ผมกำหนดว่า ใบอนุญาติ 1 ใบ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท
และไปสู้กันในเรื่องราคาแพคเกจ
เช่นเริ่มประมูลว่า ราคา "แพงที่สุด" ของแพคเกจคือ
- อินเตอร์เน็ต 1 กิ๊ก 100 บาท
- ค่าโทร นาทีละ 1 บาท
และเคาะราคาแข่งกันลดราคาแพคเกจลงไปเรื่อยๆเช่น
- อินเตอร์เน็ต 1 กิ๊ก 99 บาท 98 บาท หรือ 97 บาท ก็เคาะลดราคาลงไป
- ค่าโทร นาทีละ 99 สตางค์ 98 สตางค์ หรือ 97 สตางค์ ก็เคาะราคาลงไป
ผมเข้าใจว่าค่าแพคเกจปัจจุบันที่ราคาสูงๆนั้น เฉลี่ยแล้ว เน็ต 1 กิ๊กอาจจะไม่ถึง 100 บาท
แต่ในที่นี้หมายถึงแพคเกจที่แพงที่สุดที่คุณอาจจะสมัครไว้และใช้เมื่อไรก็ได้ ไม่มีกำหนดว่าต้องใช้ภายในวันที่เท่าไร
คือพูดง่ายๆว่าแพงสุดยังไงก็ไม่เกินราคาที่ประมูล
------------------------------------------------------------------------------
และรายละเอียดอื่นๆเช่น
- โทรหา call center ต้องฟรีเท่านั้น
- call center ที่โทรไปต้องเป็นคนรับสายทันที ไม่ต้องกดปุ่มหรือฟังโฆษณาใดๆอีก
- และ call center ต้องรับสายใน 5 นาที หรือ อื่นๆ
แล้วแต่เราจะกำหนดลงไป
------------------------------------------------------------------------------
มองในมุมนึงในแง่ข้อดี
- คนได้ใบอนุญาติไปในราคาที่ไม่สูงก็ไม่ต้องไปสู้กันในราคาที่แพงมาก
- มีการสร้างานเพิ่มขึ้น เพราะอินเตอร์เน็ตมีราคาถูก เข้าถึงได้ง่าย
- สร้างความเข้มแข็งให้ระบบอินเตอร์เน็ต เพราะถ้าราคาถูกเข้าถึงได้ง่าย ค่ายมือถือต่างๆก็จะขยายโครงข่าย และต่อให้ใบอนุญาติหมดอายุ
จะมีผู้รับใบอนุญาติรายเก่าหรือรายใหม่หรือไม่ แต่เสาที่ตั้งไว้ก็ยังอยู่
- เมื่อเข้าถึงชนบทได้ง่าย คุณภาพการศึกษาและคุณภาพสาธารณสุขก็จะสูงขึ้นเพราะการเข้าถึงของเครือข่าย
-----------------------------------------------------------------------------
มองในมุมข้อเสีย
- ผมมองเห็นข้อเดียวคือรัฐได้เงินน้อย คือ 7 หมื่นล้าน กับ 4 หมื่นล้าน มันก็ต่างกันมาก
- ไม่มีอะไรการันตีว่าที่ผมพูดมาจะเป็นจริง แต่เงินส่วนต่าง 3 หมื่นล้าน จับต้องได้ชัวร์ๆกว่า
แต่ผมก็ยังมองว่าถึงบได้เงินน้อย แต่สามารถเรียกเก็บได้ในรูป vat ที่จะมีการตื่นตัวของธุรกิจสื่อสาร
และมีการสร้างอาชีพ
พอราคาถูก ก็จะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มีการจ้างงาน หรืออื่นๆที่ให้รัฐสามารถเก็บรายได้ได้ในรูป vat
-----------------------------------------------------------------------------
อันนี้ผมก็เคยคิดเล่นๆไว้ไม่ได้อะไรมาก
ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ
ขอบคุณครับ