[หนังโรงเรื่องที่ 129]Batman v Superman: Dawn of Justice-ปาร์ตี้เด็กกำพร้า ; (Zack Snyder,2016) by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนน : 10/10 (ใจนี่แอบเตรียมให้ 11/12 มาจากบ้านแล้ว แต่ให้ไม่ลงจริงๆ)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
** รีวิวในฐานะติ่งแบทแมน แต่ไม่ใช่แฟนคอมิกจำพวก DC/Marvel
เรื่องย่อ : ต่อเนื่องจาก Man of Steel ในเหตุการณ์ที่ซุปเปอร์แมน-คลาร์ค เคนท์(Henry Cavill)ได้ต่อกรกับนายพลซ็อดเพื่อปกป้องโลกนั้น ก็ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตนับพันในเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบก็คือ แบทแมน-บรูซ เวย์น(Ben Affleck) ก็ได้เกิดความหวาดหวั่นในพลังอันไร้ขีดจำกัดของซุปเปอร์แมนว่าอาจเป็นภัยกับมนุษยชาติขึ้นมาซักวัน ... จนเกิดเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งในเวลาต่อมาโดยมีจอมบงการอย่าง เล็กซ์ ลูเธอร์(Jesse Eisenberg)ชักจูงการต่อสู้นี้อยู่เบื้องหลัง
.
ความฟักอัพแรกของหนังเรื่องนี้ที่เป็นที่โจษจันกันไปทั่วนั้นเกิดจากความ 'ล้นปลิ้น' ของหนังที่เกิดจากการบิ้วเรื่องราวสร้อยของตัวละครเอกทั้งสองตัวอย่างแบท-ซุปชนิดที่ว่าเกินพอดี อาจจะเพราะด้วยทิฐิของหนัง DC ที่มีจุดขายอยู่ที่ความดาร์คของเนื้อเรื่อง ทำให้หนังมันมีความ 'วานนาบีจะดาร์ค' มากจนเกินงาม, เห็นได้ชัดจาก 1 ชั่วโมงแรกของหนังที่เกิดอาการยืดยาดย้วยเยี้ยว...เออ! นั่นแหละ คือมันโอ้เอ้ปาดประเด็นของตัวเองไปทางซ้ายทีขวาทีจนคนดูเริ่มลุกออกไปเข้าห้องน้ำแล้วเรายังไม่ได้พล็อตอะไรติดมือมาเลย
.
คือไม่รู้ว่าผู้กำกับ-ซไนเดอร์คิดอะไรอยู่ถึงได้ท้าวความไปถึงจุดกำเนิดแบทแมนซะลึกขนาดนั้นเพียงเพื่อจะเอาปมมาขยี้ตอนท้ายแว้บนึง แถมยังค่อยๆปูเรื่องโดยการไต่สลับไปมาระหว่างพระเอกทั้งสองคนว่ากินขี้ปี้นอนกันยังไง-มีผลัดมาพูดประโยคหล่อกันคนละประโยคสองประโยคบ้างที่พอมาดูดีๆอีกทีมันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับเนื้อเรื่องขนาดนั้นนี่หว่า แถมปัญหาอีกอย่างคือการเล่าเนื้อเรื่องหลักจริงๆในช่วงแรกที่มันฟังไม่รู้เรื่อง! คือเอาใครมาเดินเรื่องไม่เอา ดันเอาเจสซี-ไอเซนเบิร์กในบทเนิร์ดมาเล่า(ปกติตานี่ก็พูดเร็วไฟแลบอยู่แล้ว) คือยอมรับเลยว่าขนาดผู้เขียนที่มีประสบการณ์โยงเรื่องหนังพอสมควรแล้วยังเคว้งไปหลายช่วงเลย ดังนั้นที่พูดมาทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่าส่วนที่หลายๆคนไม่ชอบกับหนังเรื่องนี้ก็คือ 'ความหลวม' ของพล็อตที่มันมาแบบงงๆไม่สมจริงผสมกับอาการน้ำท่วมทุ่งชนิดชวนหาวนอนเหลือเกิน
.
... แต่ในขณะที่เรากำลังหมดหวังนั้น พอหนังมาถึงคิวบู๊ในช่วงหลังปุ๊ป! ก็เกิดปาฏิหารย์ขึ้นราวกับพึ่งมีคนไปปลุกผู้กำกับให้มาถ่ายหนังจริงๆจังๆซักที, คือดีกรีความมันส์ของหนังนี่ไต่ขึ้นสูงสุดหยุดไม่อยู่ชนิดกราฟแตกไม่เกรงใจใคร ซึ่งต้องขออัญชลี-วันทา-อภิวาทมา ณ ทีนี้กับฝีมือในการกำกับคิวบู๊ของซไนเดอร์จริงๆ ขอยอมรับเลยว่าผู้เขียนตื่นตากับเทคนิคการเล่นภาพ-มุมกล้องที่โฉบเฉี่ยวดุดันเหลือเกินราวกับดูหนังการ์ตูน ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังคงงานอาร์ตไว้ในฉากต่อสู้ธีมหมองๆได้อย่างสวยงามเป็นที่สุด เรียกได้ว่าหนังตบหน้าบรรดาคนดูที่กำลังง่วงได้ดังฉาด และฉายแวว comeback ได้อย่างสวยงาม
.
เบ็น เอฟเฟลค ตีบทแบทแมนผู้เกรี้ยวกราดด้วยการแสดงออกทางสีหน้าที่จริงจังราวเป็นตูดได้แตกฉลุยและทรงเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับพ่อเฮนรี่ คาวิลล์ที่ยังคงความหล่อล่ำกระชากใจในทรงผม wet look ได้แบบเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ขอชื่นชมนิดนึงในแง่ของการสื่ออารมณ์ที่ดีขึ้น-ดูลึกขึ้น ทำให้ติ่งแบทแมนอย่างข้าพเจ้าเผลอเห็นใจได้อยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าตานี่มันสายอ้อนแม่ยกชัดๆ
.
แต่ที่ปังที่สุดจนเบียดพ่อหนุ่มทั้งสองคนตกเวทีไปแบบไม่ปราณีก็คงหนีไม่พ้นขุ่นแม่ 'วันเดอร์วูแมน' (Gal Gadot) ที่ออกฉากมาทีไรก็เล่นเอาผู้เขียนวางตาไม่ลงจริงๆ คือนางสวยมากกกกก-สวยแบบชิกๆไม่ต้องเข้าฉากเยอะก็เก๋ได้ คือถ้าอยู่เดลี่พลาเน็ตก็อยากจะไปสัมภาษน์ว่า 'ทั้งตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเปิดอกเปิดหลังหรอคะ?' แบบจริงจังซักที ... ความปังของนางนี่ขนาดมาในคอสตูมเชยๆของวันเดอร์วูแมนยังสวยได้เลย คนอาไร๊เล่นหูเล่นตาเก่งเหลือเกินแม่คุณ
.
ถ้าว่ากันโดยภาพรวมก็พอจะสรุปได้ว่า Batman v Superman เนี่ยมันเป็นส่วนผสมที่ไม่ค่อยลงตัวอันเกิดจากความ'พยายามเกินไป'ของหนัง ทั้งๆที่มันก็ออกมาในลักษณะของฮีโร่เยาวชนจำพวกเดียวกับหนัง Marvel นี่แหละ ซึ่งความไม่หนักแน่นในจุดยืนก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจจากคนดูที่คาดหวังไว้สูง แต่เอาจริงๆในส่วนของคิวบู๊ซึ่งเป็นจุดขายของผู้กำกับก็ยังเป็นอะไรที่เอ็นจอยได้ไม่ยาก เผลอๆจะมันส์กันจนลืมหายใจด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าใครที่อ่านรีวิวแล้วเกิดความรู้สึกลังเลก็จงไปดูเถิด หนังสนุกอยู่นะ คุ้ม!
ป.ล.สิ่งที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้คือซาวแทร็กแน่นๆของ Hans Zimmer คือมันเทพมาก เทพจนเกิดความรู้สึกว่า 'มันดีเกินหนังว่ะ' ซึ่งในหลายๆฉากที่ชวนเราขนลุกนั้นก็ต้องยกผลประโยชน์ให้หัตถ์เทวดาอย่างแกนี่แหละ
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...
[หนังโรงเรื่องที่ 129]Batman v Superman: Dawn of Justice-ปาร์ตี้เด็กกำพร้า by เพจตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 129]Batman v Superman: Dawn of Justice-ปาร์ตี้เด็กกำพร้า ; (Zack Snyder,2016) by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนน : 10/10 (ใจนี่แอบเตรียมให้ 11/12 มาจากบ้านแล้ว แต่ให้ไม่ลงจริงๆ)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
** รีวิวในฐานะติ่งแบทแมน แต่ไม่ใช่แฟนคอมิกจำพวก DC/Marvel
เรื่องย่อ : ต่อเนื่องจาก Man of Steel ในเหตุการณ์ที่ซุปเปอร์แมน-คลาร์ค เคนท์(Henry Cavill)ได้ต่อกรกับนายพลซ็อดเพื่อปกป้องโลกนั้น ก็ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตนับพันในเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบก็คือ แบทแมน-บรูซ เวย์น(Ben Affleck) ก็ได้เกิดความหวาดหวั่นในพลังอันไร้ขีดจำกัดของซุปเปอร์แมนว่าอาจเป็นภัยกับมนุษยชาติขึ้นมาซักวัน ... จนเกิดเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งในเวลาต่อมาโดยมีจอมบงการอย่าง เล็กซ์ ลูเธอร์(Jesse Eisenberg)ชักจูงการต่อสู้นี้อยู่เบื้องหลัง
.
ความฟักอัพแรกของหนังเรื่องนี้ที่เป็นที่โจษจันกันไปทั่วนั้นเกิดจากความ 'ล้นปลิ้น' ของหนังที่เกิดจากการบิ้วเรื่องราวสร้อยของตัวละครเอกทั้งสองตัวอย่างแบท-ซุปชนิดที่ว่าเกินพอดี อาจจะเพราะด้วยทิฐิของหนัง DC ที่มีจุดขายอยู่ที่ความดาร์คของเนื้อเรื่อง ทำให้หนังมันมีความ 'วานนาบีจะดาร์ค' มากจนเกินงาม, เห็นได้ชัดจาก 1 ชั่วโมงแรกของหนังที่เกิดอาการยืดยาดย้วยเยี้ยว...เออ! นั่นแหละ คือมันโอ้เอ้ปาดประเด็นของตัวเองไปทางซ้ายทีขวาทีจนคนดูเริ่มลุกออกไปเข้าห้องน้ำแล้วเรายังไม่ได้พล็อตอะไรติดมือมาเลย
.
คือไม่รู้ว่าผู้กำกับ-ซไนเดอร์คิดอะไรอยู่ถึงได้ท้าวความไปถึงจุดกำเนิดแบทแมนซะลึกขนาดนั้นเพียงเพื่อจะเอาปมมาขยี้ตอนท้ายแว้บนึง แถมยังค่อยๆปูเรื่องโดยการไต่สลับไปมาระหว่างพระเอกทั้งสองคนว่ากินขี้ปี้นอนกันยังไง-มีผลัดมาพูดประโยคหล่อกันคนละประโยคสองประโยคบ้างที่พอมาดูดีๆอีกทีมันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับเนื้อเรื่องขนาดนั้นนี่หว่า แถมปัญหาอีกอย่างคือการเล่าเนื้อเรื่องหลักจริงๆในช่วงแรกที่มันฟังไม่รู้เรื่อง! คือเอาใครมาเดินเรื่องไม่เอา ดันเอาเจสซี-ไอเซนเบิร์กในบทเนิร์ดมาเล่า(ปกติตานี่ก็พูดเร็วไฟแลบอยู่แล้ว) คือยอมรับเลยว่าขนาดผู้เขียนที่มีประสบการณ์โยงเรื่องหนังพอสมควรแล้วยังเคว้งไปหลายช่วงเลย ดังนั้นที่พูดมาทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่าส่วนที่หลายๆคนไม่ชอบกับหนังเรื่องนี้ก็คือ 'ความหลวม' ของพล็อตที่มันมาแบบงงๆไม่สมจริงผสมกับอาการน้ำท่วมทุ่งชนิดชวนหาวนอนเหลือเกิน
.
... แต่ในขณะที่เรากำลังหมดหวังนั้น พอหนังมาถึงคิวบู๊ในช่วงหลังปุ๊ป! ก็เกิดปาฏิหารย์ขึ้นราวกับพึ่งมีคนไปปลุกผู้กำกับให้มาถ่ายหนังจริงๆจังๆซักที, คือดีกรีความมันส์ของหนังนี่ไต่ขึ้นสูงสุดหยุดไม่อยู่ชนิดกราฟแตกไม่เกรงใจใคร ซึ่งต้องขออัญชลี-วันทา-อภิวาทมา ณ ทีนี้กับฝีมือในการกำกับคิวบู๊ของซไนเดอร์จริงๆ ขอยอมรับเลยว่าผู้เขียนตื่นตากับเทคนิคการเล่นภาพ-มุมกล้องที่โฉบเฉี่ยวดุดันเหลือเกินราวกับดูหนังการ์ตูน ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังคงงานอาร์ตไว้ในฉากต่อสู้ธีมหมองๆได้อย่างสวยงามเป็นที่สุด เรียกได้ว่าหนังตบหน้าบรรดาคนดูที่กำลังง่วงได้ดังฉาด และฉายแวว comeback ได้อย่างสวยงาม
.
เบ็น เอฟเฟลค ตีบทแบทแมนผู้เกรี้ยวกราดด้วยการแสดงออกทางสีหน้าที่จริงจังราวเป็นตูดได้แตกฉลุยและทรงเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับพ่อเฮนรี่ คาวิลล์ที่ยังคงความหล่อล่ำกระชากใจในทรงผม wet look ได้แบบเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ขอชื่นชมนิดนึงในแง่ของการสื่ออารมณ์ที่ดีขึ้น-ดูลึกขึ้น ทำให้ติ่งแบทแมนอย่างข้าพเจ้าเผลอเห็นใจได้อยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าตานี่มันสายอ้อนแม่ยกชัดๆ
.
แต่ที่ปังที่สุดจนเบียดพ่อหนุ่มทั้งสองคนตกเวทีไปแบบไม่ปราณีก็คงหนีไม่พ้นขุ่นแม่ 'วันเดอร์วูแมน' (Gal Gadot) ที่ออกฉากมาทีไรก็เล่นเอาผู้เขียนวางตาไม่ลงจริงๆ คือนางสวยมากกกกก-สวยแบบชิกๆไม่ต้องเข้าฉากเยอะก็เก๋ได้ คือถ้าอยู่เดลี่พลาเน็ตก็อยากจะไปสัมภาษน์ว่า 'ทั้งตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเปิดอกเปิดหลังหรอคะ?' แบบจริงจังซักที ... ความปังของนางนี่ขนาดมาในคอสตูมเชยๆของวันเดอร์วูแมนยังสวยได้เลย คนอาไร๊เล่นหูเล่นตาเก่งเหลือเกินแม่คุณ
.
ถ้าว่ากันโดยภาพรวมก็พอจะสรุปได้ว่า Batman v Superman เนี่ยมันเป็นส่วนผสมที่ไม่ค่อยลงตัวอันเกิดจากความ'พยายามเกินไป'ของหนัง ทั้งๆที่มันก็ออกมาในลักษณะของฮีโร่เยาวชนจำพวกเดียวกับหนัง Marvel นี่แหละ ซึ่งความไม่หนักแน่นในจุดยืนก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจจากคนดูที่คาดหวังไว้สูง แต่เอาจริงๆในส่วนของคิวบู๊ซึ่งเป็นจุดขายของผู้กำกับก็ยังเป็นอะไรที่เอ็นจอยได้ไม่ยาก เผลอๆจะมันส์กันจนลืมหายใจด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าใครที่อ่านรีวิวแล้วเกิดความรู้สึกลังเลก็จงไปดูเถิด หนังสนุกอยู่นะ คุ้ม!
ป.ล.สิ่งที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้คือซาวแทร็กแน่นๆของ Hans Zimmer คือมันเทพมาก เทพจนเกิดความรู้สึกว่า 'มันดีเกินหนังว่ะ' ซึ่งในหลายๆฉากที่ชวนเราขนลุกนั้นก็ต้องยกผลประโยชน์ให้หัตถ์เทวดาอย่างแกนี่แหละ
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...