จากข่าววันนี้
มื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มี.ค.59 พ.ต.ต.มาโนช เยี่ยมเจริญ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจาก น.ส.มนิษา สุธัญญารักษ์ อายุ 33 ปี ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ อยู่บ้านเลขที่ 2 ถนนอินทวโรรส ซอย 3 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ถูกคนร้ายลักลอบดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย แล้วไปกดเงินที่ต่างประเทศ ดูดเอาเงินในบัญชีของตนไปจนหมดเกลี้ยงบัญชี
จากการสอบสวน น.ส.มนิษา ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับข้อความ SMS แจ้งเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือว่า ตนได้ถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ จำนวน 4,400 บาท แต่ยังไม่ทราบว่าประเทศไหน ทั้งๆ ที่บัตรตนอยู่ที่เชียงใหม่ จึงโทรไปติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของทางธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จะตรวจสอบข้อมูลให้ พร้อมแนะนำให้ตนตัดบัตรเอทีเอ็มให้ขาด 2 ท่อน และไปแจ้งความกับตำรวจเอาไว้เป็นหลักฐานก่อน ส่วนทางธนาคารจะได้ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ได้มี นายณัฐพจน์ คันธวิวรรณ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 396 ถนนเจริญราษฎร์ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มาแจ้งความกับสารวัตรสอบสวนคนเดียวกันว่า ถูกคนร้ายถอนเงินออกจากไปบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 4,597 บาท เมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.59 ไปจนหมดบัญชี จากการโทรไปสอบถามทางคอลเซ็นเตอร์ธนาคาร พบว่าเงินถูกถอนไปจากตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ ทางธนาคารจึงให้มาแจ้งความเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ทางสารวัตรสอบสวนได้รับแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานทั้งสองราย คาดว่าคนร้ายอาจจะนำเครื่องสกิมเมอร์มาแอบติดตั้งดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็มตามตู้ต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะนำข้อมูลไปทำบัตรปลอมกดเงินออกในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องรอให้ทางธนาคารต้นสังกัดมาแจ้งความ เพื่อจะได้สอบสวนต่อไป.
cr.
http://www.thairath.co.th/content/596086
ผมสงสัยว่าการที่ผู้ร้ายใช้เครื่องดูดข้อมูลทางการเงินไปแล้วไปเถิกถอนเงินจากธนาคาร เงินดังกล่าวที่ถูกถอนไป
จะเป็นเงินของเจ้าของบัญชีหรือเงินของธนาคาร ใครเป็นผู้เสัยหายกันแน่อะครับ
เพราะกรณีที่มีคนแอบอ้างหรือปลอมเอกสารแล้วหลอกลวงเบิกเงินจากธนาคาร เคยเห็นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นเงินของธนาคาร เจ้าของบัญชีไม่มีสิทธิฟ้อง
แล้วถ้าเป็นอย่างกรณีนี้ ยังเป็นเงินของธนาคารอยู่หรือป่าวครับ
สงสัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการถอนเงินจากธนาคาร
มื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มี.ค.59 พ.ต.ต.มาโนช เยี่ยมเจริญ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจาก น.ส.มนิษา สุธัญญารักษ์ อายุ 33 ปี ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ อยู่บ้านเลขที่ 2 ถนนอินทวโรรส ซอย 3 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ถูกคนร้ายลักลอบดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย แล้วไปกดเงินที่ต่างประเทศ ดูดเอาเงินในบัญชีของตนไปจนหมดเกลี้ยงบัญชี
จากการสอบสวน น.ส.มนิษา ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับข้อความ SMS แจ้งเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือว่า ตนได้ถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ จำนวน 4,400 บาท แต่ยังไม่ทราบว่าประเทศไหน ทั้งๆ ที่บัตรตนอยู่ที่เชียงใหม่ จึงโทรไปติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของทางธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จะตรวจสอบข้อมูลให้ พร้อมแนะนำให้ตนตัดบัตรเอทีเอ็มให้ขาด 2 ท่อน และไปแจ้งความกับตำรวจเอาไว้เป็นหลักฐานก่อน ส่วนทางธนาคารจะได้ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ได้มี นายณัฐพจน์ คันธวิวรรณ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 396 ถนนเจริญราษฎร์ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มาแจ้งความกับสารวัตรสอบสวนคนเดียวกันว่า ถูกคนร้ายถอนเงินออกจากไปบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 4,597 บาท เมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.59 ไปจนหมดบัญชี จากการโทรไปสอบถามทางคอลเซ็นเตอร์ธนาคาร พบว่าเงินถูกถอนไปจากตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ ทางธนาคารจึงให้มาแจ้งความเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ทางสารวัตรสอบสวนได้รับแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานทั้งสองราย คาดว่าคนร้ายอาจจะนำเครื่องสกิมเมอร์มาแอบติดตั้งดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็มตามตู้ต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะนำข้อมูลไปทำบัตรปลอมกดเงินออกในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องรอให้ทางธนาคารต้นสังกัดมาแจ้งความ เพื่อจะได้สอบสวนต่อไป.
cr. http://www.thairath.co.th/content/596086
ผมสงสัยว่าการที่ผู้ร้ายใช้เครื่องดูดข้อมูลทางการเงินไปแล้วไปเถิกถอนเงินจากธนาคาร เงินดังกล่าวที่ถูกถอนไป
จะเป็นเงินของเจ้าของบัญชีหรือเงินของธนาคาร ใครเป็นผู้เสัยหายกันแน่อะครับ
เพราะกรณีที่มีคนแอบอ้างหรือปลอมเอกสารแล้วหลอกลวงเบิกเงินจากธนาคาร เคยเห็นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นเงินของธนาคาร เจ้าของบัญชีไม่มีสิทธิฟ้อง
แล้วถ้าเป็นอย่างกรณีนี้ ยังเป็นเงินของธนาคารอยู่หรือป่าวครับ