นี่คือบทสัมภาษณ์ ที่คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้
ได้พูดถึงการบริหารจัดการทีม และเป็นเหตุผลหนึ่งที่อาจส่งผลให้สโมสรประสบผลสำเร็จ
นอกเหนือจากความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลองฟังกันดูน่ะครับ
เครดิตโดย มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/79623
จากคลิปที่ได้ฟัง ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าวัฒนธรรมการบริหารทีมฟุตบอล ที่ผู้บริหารลงมาคลุกคลีพูดคุย
และรับฟังความคิดเห็น หรือปัญหาของนักฟุตบอล ทำให้บรรยากาศในทีมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง
ทำให้นักเตะทุกคนรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ และได้พูดคุยในสิ่งที่อยากระบาย ช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งในทีมมีน้อย
เพราะหากมีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับผู้บริหารได้ อย่างเข้าใจ ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นนักในการบริหาร
ทีมฟุตบอลในยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษ
การซื้อนักเตะที่ใช้เทคโนโลยีในการคำนวนสถิติความสามารถต่างๆ เพื่อหาตัวเลขวิเคราะห์ก่อนตัดสินในซื้อ
มากกว่าการที่จะเลือกซื้อด้วยชื่อเสียงของนักเตะหรือฟอร์มการเล่นที่คนมองว่านักเตะคนนี้ดี ควรซื้อ
แต่เลือกพิจารณาโดยคำนวนเอาตัวเลขมาจับ ถือว่ามีความคิดที่ค่อนข้างจะประสบผลสำเร็จกับนักเตะที่ซื้อมา
แม้จะมีผิดพลาดบ้างแต่ก็น้อย
การลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ช่วยเพิ่มความฟิตของร่างกาย
สร้างความแข็งแรง และลดปัญหาการบาดเจ็บ ซึ่งฤดูกาลนี้ ตักเตะเลสเตอร์ก็ไม่ค่อยพบเรื่องปัญหาการบาดเจ็บของร่างกาย
ซึ่งได้ข่าวว่าเลสเตอร์มีห้องเย็นที่เรียกว่า ICE CHAMBER ใช้ความเย็นรักษาอาการบาดเจ็บ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
รองประธานสโมสรบอกว่า ลงทุนซื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลก่อน และใช้ได้ผลดีมาก ใครเจ็บพาเข้าห้องเย็น
แช่ที่อุณหภูมิ -60 องศาเซลเซียส 30 วินาที จากนั้นซ้ำอีกรอบ (ซึ่งผมเคยอ่านเจอมา แต่คงราคาคงแพงมาก รู้สึกเจ้าโด้จิ๋ว จะมีเครื่องนี้ใช้ส่วนตัวด้วย)
หลักการเหล่านี้หากสโมสรในไทยลีค หรือแม้แต่การคัดเลือกนักเตะทีมชาติ นำมาประยุคใช้ผมว่าก็จะช่วย
ยกระดับลีคของประเทศไทยได้ และจะส่งผลดีกับทีมชาติด้วย พูดกันตรงๆ ผมก็ดูไทยลีคพอสมควร ส่วนใหญ่กองเชียร์
ก็จะบอกว่า คนนั้นเก่ง คนนั้นดี แต่ยังไม่ค่อยมีการพูดถึงสถิติตัวเลขต่างๆ โดยรวมกันมากนัก ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้
ก็ต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ดีด้วย ถึงจะวิเคราะห์สถิติของนักเตะแต่ละคนได้แม่นยำ ซึ่งในอนาคตทีมในลีค
หรือทีมชาติของเรา อาจจะนำมาใช้พัฒนาได้น่ะครับ
ที่ผมพูดไปเป็นแค่การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ แค่เห็นว่าอะไรน่าสนใจก็น่าจะลองนำมาประยุกต์ใช้เหมาะ
กับการทำทีมฟุตบอลบ้านเรา เพื่อช่วยยกระดับฟุตบอลของเราให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับครับ

ประธานสโมรสรลงมาร่วมดีใจฉลองแชมป์ ตอนได้ขึ้นมาพรีเมียร์ลีคกับนักเตะอย่างเป็นกันเอง
ในไทยลีคอาจมีให้เห็น แต่ในอังกฤษไม่ค่อยเจอน่ะครับแบบนี้
เบื้องหลังควมสำเร็จที่แท้จริง จากปากของรองประธานสโมสรเลสเตอร์
ได้พูดถึงการบริหารจัดการทีม และเป็นเหตุผลหนึ่งที่อาจส่งผลให้สโมสรประสบผลสำเร็จ
นอกเหนือจากความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลองฟังกันดูน่ะครับ
เครดิตโดย มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/79623
จากคลิปที่ได้ฟัง ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าวัฒนธรรมการบริหารทีมฟุตบอล ที่ผู้บริหารลงมาคลุกคลีพูดคุย
และรับฟังความคิดเห็น หรือปัญหาของนักฟุตบอล ทำให้บรรยากาศในทีมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง
ทำให้นักเตะทุกคนรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ และได้พูดคุยในสิ่งที่อยากระบาย ช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งในทีมมีน้อย
เพราะหากมีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับผู้บริหารได้ อย่างเข้าใจ ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นนักในการบริหาร
ทีมฟุตบอลในยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษ
การซื้อนักเตะที่ใช้เทคโนโลยีในการคำนวนสถิติความสามารถต่างๆ เพื่อหาตัวเลขวิเคราะห์ก่อนตัดสินในซื้อ
มากกว่าการที่จะเลือกซื้อด้วยชื่อเสียงของนักเตะหรือฟอร์มการเล่นที่คนมองว่านักเตะคนนี้ดี ควรซื้อ
แต่เลือกพิจารณาโดยคำนวนเอาตัวเลขมาจับ ถือว่ามีความคิดที่ค่อนข้างจะประสบผลสำเร็จกับนักเตะที่ซื้อมา
แม้จะมีผิดพลาดบ้างแต่ก็น้อย
การลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ช่วยเพิ่มความฟิตของร่างกาย
สร้างความแข็งแรง และลดปัญหาการบาดเจ็บ ซึ่งฤดูกาลนี้ ตักเตะเลสเตอร์ก็ไม่ค่อยพบเรื่องปัญหาการบาดเจ็บของร่างกาย
ซึ่งได้ข่าวว่าเลสเตอร์มีห้องเย็นที่เรียกว่า ICE CHAMBER ใช้ความเย็นรักษาอาการบาดเจ็บ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา
รองประธานสโมสรบอกว่า ลงทุนซื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลก่อน และใช้ได้ผลดีมาก ใครเจ็บพาเข้าห้องเย็น
แช่ที่อุณหภูมิ -60 องศาเซลเซียส 30 วินาที จากนั้นซ้ำอีกรอบ (ซึ่งผมเคยอ่านเจอมา แต่คงราคาคงแพงมาก รู้สึกเจ้าโด้จิ๋ว จะมีเครื่องนี้ใช้ส่วนตัวด้วย)
หลักการเหล่านี้หากสโมสรในไทยลีค หรือแม้แต่การคัดเลือกนักเตะทีมชาติ นำมาประยุคใช้ผมว่าก็จะช่วย
ยกระดับลีคของประเทศไทยได้ และจะส่งผลดีกับทีมชาติด้วย พูดกันตรงๆ ผมก็ดูไทยลีคพอสมควร ส่วนใหญ่กองเชียร์
ก็จะบอกว่า คนนั้นเก่ง คนนั้นดี แต่ยังไม่ค่อยมีการพูดถึงสถิติตัวเลขต่างๆ โดยรวมกันมากนัก ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้
ก็ต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ดีด้วย ถึงจะวิเคราะห์สถิติของนักเตะแต่ละคนได้แม่นยำ ซึ่งในอนาคตทีมในลีค
หรือทีมชาติของเรา อาจจะนำมาใช้พัฒนาได้น่ะครับ
ที่ผมพูดไปเป็นแค่การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ แค่เห็นว่าอะไรน่าสนใจก็น่าจะลองนำมาประยุกต์ใช้เหมาะ
กับการทำทีมฟุตบอลบ้านเรา เพื่อช่วยยกระดับฟุตบอลของเราให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับครับ
ประธานสโมรสรลงมาร่วมดีใจฉลองแชมป์ ตอนได้ขึ้นมาพรีเมียร์ลีคกับนักเตะอย่างเป็นกันเอง
ในไทยลีคอาจมีให้เห็น แต่ในอังกฤษไม่ค่อยเจอน่ะครับแบบนี้