คือตอนนี้เรารู้สึกเสียใจ หมดหวัง สิ้นกำลังใจอย่างแรงคะ เนื่องจากเราติดวิชาหนึ่งที่เพื่อนส่วนใหญ่เค้าไม่ติดกัน
แล้วเป็นตัวต่อสามตัว แต่เรายังติดตัวแรกอยู่เลย ที่เราไม่ผ่านเพราะ 1 รอบแรกลงไม่ทันเพื่อนกลุ่มใหญ่ห้องเต็ม
รอบที่ 2 ซัมเมอร์ รอบนี้ความไม่ตั้งใจเรียนล้วนๆ แต่ก็มั่นใจกว่าตัวเองพอทำได้ (อาจจะเป็นเพราะอาจารย์จับได้ว่า
แอบเล่นโทรศัพท์เวลาเรียน) รอบที่ 2 นี่ F กันหลายคนคะผ่านน้อยมาก แต่พวกที่ติดคือไปแก้กันเทอม 1 หมดแต่เรา
ดันออกฝึกงานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพราะเราติดตัวนี้ตัวเดียวอีกอย่างเรายื่นเรื่องฝึกงานไปหมดแล้ว เทอมที่ผ่านมาจึงไม่ได้ลง
เทอมนี้เลยมาลงเพราะคิดว่า ถ้าไม่ลงจบช้าแน่ ๆ ตัวต่ออีก 2 ตัว เทอมนี้เราตั้งใจเรียนมาก เพราะคิดว่าต้องผ่านให้ได้
จนวันนี้คะแนนออก คือเราลงเรียน 9 ตัวเทอมนี้เพราะอยากเร่งจบ เราไม่กังวลวิชานี้เลย เพราะสอบรอบแรกมักได้คะแนนเยอะ
เรามั่นใจว่าเกิน 50 แน่นอน ปรากฏว่าว่าเราได้คะแนน 25/150 โหเรานี้น้ำตาร่วงเลยคะ รีบเดินออกห้องมาร้องไห้คือ
ชีวิตมันพังทลายไปทุกอย่างความหวังจะจบ 4 ครึ่ง - 5 ปี มันพังไปในพริบตา เพื่อนจะจบไปทำงานกันหมดแล้ว
นี่ฉันยังต้องมาติด F เรียนอีกสามเทอมเลยหรอ T_T (ขออาจารย์ดูคะแนนแล้วแต่อาจารย์ยังไม่ว่างให้ดู คิดว่าพรุ่งนี้
จะไปขอดูอีกครั้งภาวนาให้เพื่อนฟังคะแนนมาผิดมันไม่จริงใช่ไหม !!! )
ปัญหาจากนี้ก็คือถ้าเราได้คะแนน แค่ 25 จริงๆ ถ้าเราติด F เราจะทำยังไงจะจบ 6 ปีจริงหรอมันเป็นอะไรที่เสียเวลาสำหรับเรา
มากเลยคะ ส่วนตัวเราคิดไว้เราว่าเราจบมาจะไม่ทำงานด้านนี้เด็ดขาด เรารู้สึกทุกข์มากทุกวันนี้ การได้มาเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ
ถ้าจบไปต้องมาทนทำงานด้านนี้อีกเราต้องทุกข์จนตายแน่ ๆ ใจจริงเราอยากลาออกมากค่ะ อยากลาออกมานานแล้ว ติดที่พ่อกับแม่
อยากให้เราจบปริญญา ตรงนี้คือเหตุผลทำให้เราทนอยู่มาจนถึงปี 4 เราเรียนไม่เก่งเลย ชนิดแก้สมการยังไม่เป็น สูตรตรีโกนก็เน่า
แต่ดันมาเรียนคณะที่ต้องเก่งคิด คำนวณ เพราะตอนนั้นเพื่อนชวนมาเรียนคะ แต่คนชวนดันไม่มาสอบเฉย แต่เราก็ดันสอบติดคะ
แต่ที่เรียนก็เพราะอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ เวลาไปพูดกับใครเค้าก็จะได้ชมลูก (ลึกๆรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่คนอื่นชมเราต่อหน้าพ่อแม่)
วันนี้เราคิดถึงคำพูดของเพื่อนเราคนหนึ่งเลยคะที่เค้าตัดสินใจซิ่วตอนปีสอง เพราะไปเรียนสาขาที่ไม่ใช่ เราก็บอกเค้านะคะว่าให้ทนไป
เดี๋ยวก็จบคิดถึงพ่อแม่ไว้ เพื่อนก็บอกเราว่า เราเรียนเราทุกข์นะ พ่อแม่ไม่ใช่มาเรียนมาทุกข์ด้วย จนทุกวันนี้เราคิดถึงคำพูดนี้ทุกครั้ง
เรารู้สึกทุกข์มากๆ กับการเรียนทุกวันนี้ เราไม่มีเพื่อนเลย(ที่จริงใจ) คือดูผิวเผินก็มีแหละคะ แลดูมีเพื่อนเยอะ แต่ลึกๆเรารู้ว่าทุกคนล้วน
ใส่หน้ากาก รอซ้ำที่ครั้งที่ล้ม พอมีผลประโยชน์ก็อยู่รวมกัน พอไม่มีนี่เฟสยังไม่ทักมาเลยคะ (แต่เพื่อนดีๆก็มีคะ แต่ที่สนิทไม่มี)
ตอนนี้ใจหนึ่งเราก็อยากซิ่วคะ แต่ที่แน่ๆ พ่อแม่ไม่ยอม ญาติทั้งหลายก็ด้วย รวมถึงฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ (เป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ไม่กล้าซิ่วสงสารพ่อแม่) ทุกครั้งที่เราติด F เรามักจะหายเงินมาเรียนซัมเมอร์เอง หรือจ่ายค่ากินอยู่เอง ทุกปิดเทอมเราก็มักจะหางานทำ
ยกเว้นที่ซัมเมอร์ วิชาหนัก ๆ ก็ไม่ทำค่ะเลือกประหยัดเงินเอา เราเรียนไม่เก่ง และเราขี้เกียจคะ ตอนปี 1 ใหม่ๆ เกรดเราเน่ามากจนมาปี 2
ซัมเมอร์นั้นพ่อต้องไปกู้เงินมาส่งควายเรียนเจอค่าปรับจ่าช้าอีก 500 ทั้งๆที่บ้านตอนนั้นแทบไม่มีกินมาก แต่เราดันไปติด F 2 ตัวอีกวิชา
เกรดไม่ออกเพราะดันไปลงไม่ถูกเงื่อนไข (ให้แต่ปี 4 ลง) เราร้องไห้หนักมาก บอกพ่อแม่จะลาออก แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมขอให้ทนไป
พอเราทำใจได้สักพักเราก็ฮึดสู้คะ จากนั้นเกรดก็ดีขึ้น เริ่มรู้ทางหนีทีไล่ ขยันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เต็มใจเรียนอยู่ดี คือเรียนเพื่อไปสอบ
สอบเพื่อให้มันผ่านๆ จบๆ ไป เกรดดีนิดหน่อย แบบเจอ F แล้วไม่โดนไทน์ แต่ก็ฝืนแหละคะ เราเห็นเพื่อนเราที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง
เวลาว่างของเค้า เค้านั่งดูคลิปดูข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการสร้างพวกจักรกล ผิดกับเราที่ แทบไม่ชายตาดูเลยคะ ดูเฉพาะเวาลาจะเอามา
สอบเท่านั้น กับเพื่อนอีกคนสมัยมัธยม ตอนนั้นไปทำโปรเจคที่บ้านเพื่อน ห้องของคนๆ นั้นมีแต่อุปกรณ์ ช่างทั้งนั้นเลย เค้าสร้าง
โดรนเล่นเองด้วยคะ เค้าบอกว่าพวกนี้คือของเล่นของเค้า เราเลยรู้ตัวคะ ว่านี้ไม่ใช่ทางของเรา เราไม่เคยแม่แต่จะชอบมัน
เราเกลียดด้วยซ้ำ การเรียนให้จบมันคือภาระ ที่ไม่อยากจะทำสำหรับเรา จับหนังสือมาอ่านทีนี้ทำใจอยู่นานคะ แต่บางเรื่อง
ทดลองทำโจทย์ก็สนุกดี แต่โดยรวมก็ยังรู้สึกแย่คะ
ตอนนี้เราคิดหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วคะ ว่าจบมาถ้าไม่ทำงานด้านนี้ จะไปทำอะไรเพราะเราคิดว่าจบมาหางานยากชัว ๆ ทรานสคริปก็เน่า
และดูจากตอนฝึกงานทำให้เราคิดได้ว่า 1.ยิ่งเส้นใหญ่เกรดเริ่มจะไม่มีผล 2.คุณต้องมีไอเดียที่เจ๋งและเก่งจริงๆที่จะชนะข้อที่ 1 ให้ได้
อีกอย่างเราไม่อยากเป็นลูกจ้างคะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ยามดีกับเพื่อนร่วมงานกับเจ้านายมันก็ดี แต่ถ้ายามทะเลาะ ละ ความคิดไม่ถูกหูละ
เหนื่อยคะคงไม่ต่างจากการเรียน ที่จะต้องมาตามใจอาจารย์ //ข้ามโมเม้นนี้ไปนะคะ คือตอนนี้เราทำงานออนไลน์อย่างหนึ่ง
คิดว่าถ้าเราจบคงออกมาทำแบบจริงจัง ตอนนี้ได้ประมาณ 15000 ต่อเดือนค่ะ และคิดว่าถ้าทำเต็มตัวคงได้เยอะกว่านี้ขึ้นมาอีก
ตอนนี้เราแก้ปัญหา การจบช้ามาอีกเทอม โดยการจ่ายค่าเทอมเองเราสต็อกเงินไว้แล้ว 20,000 จากเงินเก็บและเงินที่ได้จากทำ
งานออน์ไลน์รวมกัน ตั้งแต่นี้ไปค่ากินคงไม่ขอพ่อแม่แล้วคะ ออกเอง อาจจะขอค่าหอนิด ๆ หน่อยหากขัดสนจริง ๆ ไม่อยากกู้ กยศแล้ว
แต่ลึกๆ ก็ยังกลัวติดขัดคะ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
เฮ้อออ ขอโทษที่บ่นยาวและเราเรื่องตัวเองให้ฟังนะคะ ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ตัดสินใจไม่ถูกเลย ถ้าต้องเรียนเป็น 6 ปี จริงเราเสียดาย
เงินคะแทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่น ต่อยอดทำธุรกิจ เรียนภาษา ทำอะไรที่อยากทำ กลับต้องเอามาใช้จ่ายค่าเทอมอีก จะซิ่วก็ช้าไปไหม
พ่อแม่ไม่ยอมอีก ใจก็อยากออกไปเรียน มสธ เพื่อนเอาวุฒิไว้เผื่อ วันไหนไม่มีงานทำก็ยังพอมีวุฒิไว้สมัครงานได้ แต่ก็เสียดายเรียนมา 4 ปี
แล้ว ถ้าจะซิ่วจริงๆ ก็คงได้เปิดใจคุยกับพ่อแม่แหละคะ ใครมีคำแนะนำดี ๆ ก็ช่วยหน่อยนะคะ อาจจะพิมงง ๆ ไปบ้างก็ขออภัยด้วย
เรียนมาจนปี 4 เทอม 2 แต่เหมือนจะจบช้ากว่าเพื่อน อีกหลายเทอมช่วยแนะนำทีคะ
แล้วเป็นตัวต่อสามตัว แต่เรายังติดตัวแรกอยู่เลย ที่เราไม่ผ่านเพราะ 1 รอบแรกลงไม่ทันเพื่อนกลุ่มใหญ่ห้องเต็ม
รอบที่ 2 ซัมเมอร์ รอบนี้ความไม่ตั้งใจเรียนล้วนๆ แต่ก็มั่นใจกว่าตัวเองพอทำได้ (อาจจะเป็นเพราะอาจารย์จับได้ว่า
แอบเล่นโทรศัพท์เวลาเรียน) รอบที่ 2 นี่ F กันหลายคนคะผ่านน้อยมาก แต่พวกที่ติดคือไปแก้กันเทอม 1 หมดแต่เรา
ดันออกฝึกงานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพราะเราติดตัวนี้ตัวเดียวอีกอย่างเรายื่นเรื่องฝึกงานไปหมดแล้ว เทอมที่ผ่านมาจึงไม่ได้ลง
เทอมนี้เลยมาลงเพราะคิดว่า ถ้าไม่ลงจบช้าแน่ ๆ ตัวต่ออีก 2 ตัว เทอมนี้เราตั้งใจเรียนมาก เพราะคิดว่าต้องผ่านให้ได้
จนวันนี้คะแนนออก คือเราลงเรียน 9 ตัวเทอมนี้เพราะอยากเร่งจบ เราไม่กังวลวิชานี้เลย เพราะสอบรอบแรกมักได้คะแนนเยอะ
เรามั่นใจว่าเกิน 50 แน่นอน ปรากฏว่าว่าเราได้คะแนน 25/150 โหเรานี้น้ำตาร่วงเลยคะ รีบเดินออกห้องมาร้องไห้คือ
ชีวิตมันพังทลายไปทุกอย่างความหวังจะจบ 4 ครึ่ง - 5 ปี มันพังไปในพริบตา เพื่อนจะจบไปทำงานกันหมดแล้ว
นี่ฉันยังต้องมาติด F เรียนอีกสามเทอมเลยหรอ T_T (ขออาจารย์ดูคะแนนแล้วแต่อาจารย์ยังไม่ว่างให้ดู คิดว่าพรุ่งนี้
จะไปขอดูอีกครั้งภาวนาให้เพื่อนฟังคะแนนมาผิดมันไม่จริงใช่ไหม !!! )
ปัญหาจากนี้ก็คือถ้าเราได้คะแนน แค่ 25 จริงๆ ถ้าเราติด F เราจะทำยังไงจะจบ 6 ปีจริงหรอมันเป็นอะไรที่เสียเวลาสำหรับเรา
มากเลยคะ ส่วนตัวเราคิดไว้เราว่าเราจบมาจะไม่ทำงานด้านนี้เด็ดขาด เรารู้สึกทุกข์มากทุกวันนี้ การได้มาเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ
ถ้าจบไปต้องมาทนทำงานด้านนี้อีกเราต้องทุกข์จนตายแน่ ๆ ใจจริงเราอยากลาออกมากค่ะ อยากลาออกมานานแล้ว ติดที่พ่อกับแม่
อยากให้เราจบปริญญา ตรงนี้คือเหตุผลทำให้เราทนอยู่มาจนถึงปี 4 เราเรียนไม่เก่งเลย ชนิดแก้สมการยังไม่เป็น สูตรตรีโกนก็เน่า
แต่ดันมาเรียนคณะที่ต้องเก่งคิด คำนวณ เพราะตอนนั้นเพื่อนชวนมาเรียนคะ แต่คนชวนดันไม่มาสอบเฉย แต่เราก็ดันสอบติดคะ
แต่ที่เรียนก็เพราะอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ เวลาไปพูดกับใครเค้าก็จะได้ชมลูก (ลึกๆรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่คนอื่นชมเราต่อหน้าพ่อแม่)
วันนี้เราคิดถึงคำพูดของเพื่อนเราคนหนึ่งเลยคะที่เค้าตัดสินใจซิ่วตอนปีสอง เพราะไปเรียนสาขาที่ไม่ใช่ เราก็บอกเค้านะคะว่าให้ทนไป
เดี๋ยวก็จบคิดถึงพ่อแม่ไว้ เพื่อนก็บอกเราว่า เราเรียนเราทุกข์นะ พ่อแม่ไม่ใช่มาเรียนมาทุกข์ด้วย จนทุกวันนี้เราคิดถึงคำพูดนี้ทุกครั้ง
เรารู้สึกทุกข์มากๆ กับการเรียนทุกวันนี้ เราไม่มีเพื่อนเลย(ที่จริงใจ) คือดูผิวเผินก็มีแหละคะ แลดูมีเพื่อนเยอะ แต่ลึกๆเรารู้ว่าทุกคนล้วน
ใส่หน้ากาก รอซ้ำที่ครั้งที่ล้ม พอมีผลประโยชน์ก็อยู่รวมกัน พอไม่มีนี่เฟสยังไม่ทักมาเลยคะ (แต่เพื่อนดีๆก็มีคะ แต่ที่สนิทไม่มี)
ตอนนี้ใจหนึ่งเราก็อยากซิ่วคะ แต่ที่แน่ๆ พ่อแม่ไม่ยอม ญาติทั้งหลายก็ด้วย รวมถึงฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ (เป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ไม่กล้าซิ่วสงสารพ่อแม่) ทุกครั้งที่เราติด F เรามักจะหายเงินมาเรียนซัมเมอร์เอง หรือจ่ายค่ากินอยู่เอง ทุกปิดเทอมเราก็มักจะหางานทำ
ยกเว้นที่ซัมเมอร์ วิชาหนัก ๆ ก็ไม่ทำค่ะเลือกประหยัดเงินเอา เราเรียนไม่เก่ง และเราขี้เกียจคะ ตอนปี 1 ใหม่ๆ เกรดเราเน่ามากจนมาปี 2
ซัมเมอร์นั้นพ่อต้องไปกู้เงินมาส่งควายเรียนเจอค่าปรับจ่าช้าอีก 500 ทั้งๆที่บ้านตอนนั้นแทบไม่มีกินมาก แต่เราดันไปติด F 2 ตัวอีกวิชา
เกรดไม่ออกเพราะดันไปลงไม่ถูกเงื่อนไข (ให้แต่ปี 4 ลง) เราร้องไห้หนักมาก บอกพ่อแม่จะลาออก แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมขอให้ทนไป
พอเราทำใจได้สักพักเราก็ฮึดสู้คะ จากนั้นเกรดก็ดีขึ้น เริ่มรู้ทางหนีทีไล่ ขยันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เต็มใจเรียนอยู่ดี คือเรียนเพื่อไปสอบ
สอบเพื่อให้มันผ่านๆ จบๆ ไป เกรดดีนิดหน่อย แบบเจอ F แล้วไม่โดนไทน์ แต่ก็ฝืนแหละคะ เราเห็นเพื่อนเราที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง
เวลาว่างของเค้า เค้านั่งดูคลิปดูข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการสร้างพวกจักรกล ผิดกับเราที่ แทบไม่ชายตาดูเลยคะ ดูเฉพาะเวาลาจะเอามา
สอบเท่านั้น กับเพื่อนอีกคนสมัยมัธยม ตอนนั้นไปทำโปรเจคที่บ้านเพื่อน ห้องของคนๆ นั้นมีแต่อุปกรณ์ ช่างทั้งนั้นเลย เค้าสร้าง
โดรนเล่นเองด้วยคะ เค้าบอกว่าพวกนี้คือของเล่นของเค้า เราเลยรู้ตัวคะ ว่านี้ไม่ใช่ทางของเรา เราไม่เคยแม่แต่จะชอบมัน
เราเกลียดด้วยซ้ำ การเรียนให้จบมันคือภาระ ที่ไม่อยากจะทำสำหรับเรา จับหนังสือมาอ่านทีนี้ทำใจอยู่นานคะ แต่บางเรื่อง
ทดลองทำโจทย์ก็สนุกดี แต่โดยรวมก็ยังรู้สึกแย่คะ
ตอนนี้เราคิดหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วคะ ว่าจบมาถ้าไม่ทำงานด้านนี้ จะไปทำอะไรเพราะเราคิดว่าจบมาหางานยากชัว ๆ ทรานสคริปก็เน่า
และดูจากตอนฝึกงานทำให้เราคิดได้ว่า 1.ยิ่งเส้นใหญ่เกรดเริ่มจะไม่มีผล 2.คุณต้องมีไอเดียที่เจ๋งและเก่งจริงๆที่จะชนะข้อที่ 1 ให้ได้
อีกอย่างเราไม่อยากเป็นลูกจ้างคะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ยามดีกับเพื่อนร่วมงานกับเจ้านายมันก็ดี แต่ถ้ายามทะเลาะ ละ ความคิดไม่ถูกหูละ
เหนื่อยคะคงไม่ต่างจากการเรียน ที่จะต้องมาตามใจอาจารย์ //ข้ามโมเม้นนี้ไปนะคะ คือตอนนี้เราทำงานออนไลน์อย่างหนึ่ง
คิดว่าถ้าเราจบคงออกมาทำแบบจริงจัง ตอนนี้ได้ประมาณ 15000 ต่อเดือนค่ะ และคิดว่าถ้าทำเต็มตัวคงได้เยอะกว่านี้ขึ้นมาอีก
ตอนนี้เราแก้ปัญหา การจบช้ามาอีกเทอม โดยการจ่ายค่าเทอมเองเราสต็อกเงินไว้แล้ว 20,000 จากเงินเก็บและเงินที่ได้จากทำ
งานออน์ไลน์รวมกัน ตั้งแต่นี้ไปค่ากินคงไม่ขอพ่อแม่แล้วคะ ออกเอง อาจจะขอค่าหอนิด ๆ หน่อยหากขัดสนจริง ๆ ไม่อยากกู้ กยศแล้ว
แต่ลึกๆ ก็ยังกลัวติดขัดคะ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
เฮ้อออ ขอโทษที่บ่นยาวและเราเรื่องตัวเองให้ฟังนะคะ ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ตัดสินใจไม่ถูกเลย ถ้าต้องเรียนเป็น 6 ปี จริงเราเสียดาย
เงินคะแทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่น ต่อยอดทำธุรกิจ เรียนภาษา ทำอะไรที่อยากทำ กลับต้องเอามาใช้จ่ายค่าเทอมอีก จะซิ่วก็ช้าไปไหม
พ่อแม่ไม่ยอมอีก ใจก็อยากออกไปเรียน มสธ เพื่อนเอาวุฒิไว้เผื่อ วันไหนไม่มีงานทำก็ยังพอมีวุฒิไว้สมัครงานได้ แต่ก็เสียดายเรียนมา 4 ปี
แล้ว ถ้าจะซิ่วจริงๆ ก็คงได้เปิดใจคุยกับพ่อแม่แหละคะ ใครมีคำแนะนำดี ๆ ก็ช่วยหน่อยนะคะ อาจจะพิมงง ๆ ไปบ้างก็ขออภัยด้วย