ธุรกิจมือถือ 'ใครได้-ใครเสีย' หลัง 'แจส' ยกธงขาว
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559
หลังจากบริษัท แจสโมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (JASMBB) บริษัทในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS ไม่จ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ในระบบ 4 จี ถือว่าเป็นการปิดฉากบทบาททางธุรกิจมือถือลงทันที
บรรดานักวิเคราะห์ประเมินผลที่เกิดขึ้นใหม่ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและสถานะของแต่ละบริษัท โดยจากการสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าระยะสั้น จะเป็นผลดีกับราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทมือถือ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมจะไม่รุนแรงไปจากเดิมเพราะไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาร่วมวง แต่ระยะยาวขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมต้นทุนของแต่ละราย
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าการที่ JASMBB ไม่จ่ายค่าใบอนุญาต ทำให้หุ้น 3 ผู้เล่นรายใหญ่ที่เหลือน่าสนใจ แม้จะเป็นระยะสั้น เพราะในระยะกลาง-ยาว การแข่งขันในอุตสาหกรรมก็ยังรุนแรง และแต่ละรายก็มีปัญหา
บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ADVANC ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการดึงลูกค้า 2จี ที่หมดอายุลงให้ย้ายมา 3จี ไม่เสียไปให้ค่ายอื่น
บริษัททรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE โดยเฉพาะบริษัททรูฯ มีภาระค่าใบอนุญาตที่ประมูลได้ไปสูง และยังขาดทุนไปอีกหลายปี
ส่วน บริษัทจัสมินยังต้องระวังเรื่องบทลงโทษ ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)จะมาแตะธุรกิจเดิมหรือไม่ เช่น Internet Broadband ของ TTTB เพราะจะไปกระทบต่อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน(JASIF) ได้ เพราะ TTTB เป็นผู้เช่าหลัก แม้ก่อนหน้ามีกรรมการ กสทช.หนึ่งรายที่กล่าวว่าไม่กระทบ
ส่วนบริษัทจัสมินเทเลคอม จำกัด(มหาชน) JTS ก็ได้รับผลลบไม่ได้วางโครงข่าย 4จีแล้ว
หวั่นแจสโมบายถูกฟ้องล้มละลาย
ด้าน บล.ทรีนีตี้ ให้ความเห็นว่าหลังจาก JASMB เลือกที่จะไม่ไปวางหลักประกัน ผลที่จะตามมา คือ 1. Bank Guarantee ที่วางไปตอนครั้งเข้าประมูลจำนวน 644 ล้านบาทจะถูกยึดทันที 2.อาจจะต้องเสียค่าปรับในการดำเนินการจัดประมูลใหม่ 3.ค่าเสียหายที่ทำให้รัฐ สูญเสียโอกาสซึ่งอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับราคาที่ JASMB ประมูลไปที่ 75,654 ล้านบาท
ในส่วนนี้ทาง กสทช. คงต้องมีการดำเนินการฟ้องร้องให้ JASMB เป็นผู้ชำระค่าเสียหายทั้งหมด
กรณี เลวร้ายสุดคือ JASMB ล้มละลาย ด้วยทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 11 ม.ค. 2559 มีทุนจดทะเบียน 20,000 ล้านบาท ด้วยการที่ JASMB บริษัทจดทะเบียนจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นคือ จัสมิน ดังนั้น ผลกระทบต่อจัสมิน ที่จะได้รับในกรณีที่ JASMB ถูกฟ้องล้มละลายคือ 20,000 ล้านบาท ตามทุนจดทะเบียนที่ได้จดไว้ ตามกฎหมายล้มละลาย ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบในสัดส่วนของทุนจดทะเบียนที่ตนถือเท่านั้น (ประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1096 อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่าๆ กัน โดยมีผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบ มูลค่าของหุ้นที่ตนถือ)
ในส่วนของการที่ กสทช. จะฟ้องจัสมินซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JASMB จะต้องให้รับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้นคงต้องติดตามว่าจะมีแง่มุมทางกฎหมายที่จะ เอาผิดได้หรือไม่ ในส่วนของธุรกิจ 3BB ของจัสมินนั้น ฝ่ายวิจัย เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบในการถูกเพิกถอน ใบอนุญาตในการประกอบ Broadband เพราะถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกับ JASMB (3BB ดำเนินงานภายใต้บริษัท TTTI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTTBB ซึ่งมีบริษัท อคิวเมนท์ (ACU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS อีกที)
แนวทางต่อไปที่ กสทช. จะทำคือเตรียมนำคลื่นออกมาประมูลอีกครั้งใน 4 เดือนข้างหน้า โดยราคาเริ่มต้นประมูลจะเป็นที่ราคา 75,654 ล้านบาท ซึ่งด้วยราคาดังกล่าวนั้นไม่สร้างแรงจูงใจต่อทั้ง 3 บริษัทที่เหลือในการเข้าประมูล และหากต้องเลื่อนออกไปอีก 1 ปี ก็ไม่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูลอีกหรือไม่
ทรูฯ ได้รับผลกระทบมากสุด
ทั้งนี้มองว่า บริษัททรูเป็นบริษัทที่ ได้รับ ผลกระทบมากสุดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มองราคาประมูลที่จ่ายไปสูงเกินจริงและส่งผลต่อกำไรในอนาคตของบริษัทอย่างแน่ นอน น่าจะเห็นผลขาดทุนต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน มองว่าเป็นไปได้ยากที่ กสทช. จะมีการคืนเงินบางส่วนให้กับ ทรูหรือมีการเปิดประมูลใหม่ใน Slot นี้ ซึ่งอาจทำให้ ทรูต้องจ่ายเงินตามกำหนดเดิม
ในส่วนของบริษัทจัสมิน ฝ่ายวิจัยให้ Valuation ของธุรกิจ Broadband ซึ่งคำนวณไว้อยู่ที่ 4.82 บาท รวมผลของ (รวมผลของ Penalty) แต่ตลาดอาจจะมีการ Discount ด้วยเรื่องของ ธรรมาภิบาลของบริษัทในกรณีที่ไม่ยอมจ่ายค่าใบอนุญาต ประเมินกรณีเลวร้าย CG Discount ที่ 25%
เพิ่มมูลค่าหุ้นบริษัทใหญ่
ด้านบล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่าฝ่ายวิจัยได้ปรับมูลค่าหุ้นมือถือขึ้นยกแผง หลังจัสมินไม่เข้าสู่ธุรกิจมือถือ สรุปว่าไม่ยอมจ่ายค่าใบอนุญาต 4จี คลื่น 900 เมกะเฮิตรซ์ ตามกำหนด ซึ่งมีผลดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวม กล่าวคือ ไม่มีรายที่ 4 เข้ามาแข่งขันในธุรกิจมือถือ ทำให้ประเด็นที่เคยกังวลว่าจะกดดันให้การเติบโตในระยะยาวของผู้ประกอบการ ทุกรายลดลงนั้นได้จางหายไป
เชื่อว่าในการประชุมคลื่นความถี่ รอบถัดๆ ไปจัสมินไม่น่าจะกล้าเข้ามาแข่งขันอีก จึงทำให้นักวิเคราะห์กลุ่มไอซีที กลับมาทบทวน เพิ่มอัตราการเติบโตในระยะยาวขึ้นจากเดิม 1% เพราะได้ถูกลดลงไป 1% ในช่วงที่คาดว่า จัสมินจะเข้ามาในอุตสาหกรรมเป็นรายที่ 4 ซึ่งทำให้มูลค่าพื้นฐานของแต่ละรายเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยยังคงสมมติฐานประมาณการกำไร/ขาดทุนเท่าเดิม ดังนี้
หุ้น แอดวานซ์ เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 12.3% บนสมมติฐานเติบโต 3% รวมทั้งหุ้น อินทัช ปรับเพิ่มขึ้น 10.6% ตามสัดส่วนการถือหุ้น แอดวานซ์ 40.45%
หุ้นดีแทค เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 22.5% ภายใต้สมมติฐานเติบโต 2.5% และทรูฯ เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 11.8% ภายใต้สมมติฐานเติบโต 2.5% ส่วนจัสมินต้องกลับมามุ่งทำธุรกิจเดิม ที่คุ้นเคย แม้จะถูกยึดเงินประกันกว่า 600 ล้านบาท แต่มีข้อดีคือไม่ต้องมีภาระเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายจำนวนสูงๆ
ฝ่ายวิจัยกลับไปใช้ประมาณการเดิมที่เน้นธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรประมาณปีละ 3.0 -4.0 พันล้านบาท พร้อมกลับไปใช้มูลค่าหุ้นเฉพาะธุรกิจเดิมจะอยู่ที่ราว 5 บาท และ แผนการซื้อหุ้นคืนก็กำหนดที่ราว 5 บาท จึงคาดว่าราคาหุ้นจัสมิน มีโอกาสขยับขึ้นในระยะสั้น
แต่อย่างไรก็ตามยังไม่รวมความ เสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น กรณีที่ กสทช. เตรียมฟ้องร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมในอนาคต หากการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ได้มูลค่าต่ำกว่าที่ เคยทำสถิติไว้
เล็งปรับกำไรมือถือขึ้น
ด้าน บล.บัวหลวง ประเมินว่าจากกรณีที่จัสมินไม่จ่ายค่าใบอนุญาต ได้สร้างความประหลาดใจและมีแนวโน้มจะปรับประมาณการกำไรบริษัทแอดวานซ์ บริษัทดีแทค และทรูฯ ขึ้น จากการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาด จะรุนแรงน้อยลงกว่าสมมุติฐานเดิม
ส่วนกรณี จัสมินนั้น คาดว่าจะมีปัญหาในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมในอนาคต
ปัจจุบัน จัสมิน มีใบอนุญาตโทรคมนาคมอยู่ 27 ใบ แบ่งเป็น อินเทอร์เน็ตไลเซนส์ TTTBB (หมดอายุ 22 กพ.2026) TTTI (หมด 19 มิย.2019) และอื่นๆ TTTI (nine non-frequency use licenses ended 27 Jan 2028 and eight TV licenses ended 27 Jan 2018), Jastel (four licenses (ended during 2019-24), JiNet (one license) and Acumen's VSAT license (one license)
คาดว่าใน ระยะยาวหลังปี 2569 ไลเซนส์ TTTBB หมดอายุ จะมีความเสี่ยงต่อรายได้ JASIF ถ้าไม่มีคนเช่าต่อ หรือ ถ้ามีคนเช่าต่อแต่ลูกค้าใช้น้อยลง คาดว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของ JASIF อย่างมีนัย
มูลค่าเหมาะสมของ JASIF จะลดลง เหลือ 6.60 บาท ถ้าเป็นกรณีเลวร้ายสุด อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรของกองทุนพื้นฐาน
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 2)
ธุรกิจมือถือ 'ใครได้-ใครเสีย' หลัง 'แจส' ยกธงขาว
ธุรกิจมือถือ 'ใครได้-ใครเสีย' หลัง 'แจส' ยกธงขาว
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559
หลังจากบริษัท แจสโมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (JASMBB) บริษัทในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS ไม่จ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ในระบบ 4 จี ถือว่าเป็นการปิดฉากบทบาททางธุรกิจมือถือลงทันที
บรรดานักวิเคราะห์ประเมินผลที่เกิดขึ้นใหม่ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและสถานะของแต่ละบริษัท โดยจากการสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าระยะสั้น จะเป็นผลดีกับราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทมือถือ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมจะไม่รุนแรงไปจากเดิมเพราะไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาร่วมวง แต่ระยะยาวขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมต้นทุนของแต่ละราย
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าการที่ JASMBB ไม่จ่ายค่าใบอนุญาต ทำให้หุ้น 3 ผู้เล่นรายใหญ่ที่เหลือน่าสนใจ แม้จะเป็นระยะสั้น เพราะในระยะกลาง-ยาว การแข่งขันในอุตสาหกรรมก็ยังรุนแรง และแต่ละรายก็มีปัญหา
บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ADVANC ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการดึงลูกค้า 2จี ที่หมดอายุลงให้ย้ายมา 3จี ไม่เสียไปให้ค่ายอื่น
บริษัททรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE โดยเฉพาะบริษัททรูฯ มีภาระค่าใบอนุญาตที่ประมูลได้ไปสูง และยังขาดทุนไปอีกหลายปี
ส่วน บริษัทจัสมินยังต้องระวังเรื่องบทลงโทษ ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)จะมาแตะธุรกิจเดิมหรือไม่ เช่น Internet Broadband ของ TTTB เพราะจะไปกระทบต่อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน(JASIF) ได้ เพราะ TTTB เป็นผู้เช่าหลัก แม้ก่อนหน้ามีกรรมการ กสทช.หนึ่งรายที่กล่าวว่าไม่กระทบ
ส่วนบริษัทจัสมินเทเลคอม จำกัด(มหาชน) JTS ก็ได้รับผลลบไม่ได้วางโครงข่าย 4จีแล้ว
หวั่นแจสโมบายถูกฟ้องล้มละลาย
ด้าน บล.ทรีนีตี้ ให้ความเห็นว่าหลังจาก JASMB เลือกที่จะไม่ไปวางหลักประกัน ผลที่จะตามมา คือ 1. Bank Guarantee ที่วางไปตอนครั้งเข้าประมูลจำนวน 644 ล้านบาทจะถูกยึดทันที 2.อาจจะต้องเสียค่าปรับในการดำเนินการจัดประมูลใหม่ 3.ค่าเสียหายที่ทำให้รัฐ สูญเสียโอกาสซึ่งอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับราคาที่ JASMB ประมูลไปที่ 75,654 ล้านบาท
ในส่วนนี้ทาง กสทช. คงต้องมีการดำเนินการฟ้องร้องให้ JASMB เป็นผู้ชำระค่าเสียหายทั้งหมด
กรณี เลวร้ายสุดคือ JASMB ล้มละลาย ด้วยทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 11 ม.ค. 2559 มีทุนจดทะเบียน 20,000 ล้านบาท ด้วยการที่ JASMB บริษัทจดทะเบียนจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นคือ จัสมิน ดังนั้น ผลกระทบต่อจัสมิน ที่จะได้รับในกรณีที่ JASMB ถูกฟ้องล้มละลายคือ 20,000 ล้านบาท ตามทุนจดทะเบียนที่ได้จดไว้ ตามกฎหมายล้มละลาย ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบในสัดส่วนของทุนจดทะเบียนที่ตนถือเท่านั้น (ประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1096 อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่าๆ กัน โดยมีผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบ มูลค่าของหุ้นที่ตนถือ)
ในส่วนของการที่ กสทช. จะฟ้องจัสมินซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JASMB จะต้องให้รับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้นคงต้องติดตามว่าจะมีแง่มุมทางกฎหมายที่จะ เอาผิดได้หรือไม่ ในส่วนของธุรกิจ 3BB ของจัสมินนั้น ฝ่ายวิจัย เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบในการถูกเพิกถอน ใบอนุญาตในการประกอบ Broadband เพราะถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกับ JASMB (3BB ดำเนินงานภายใต้บริษัท TTTI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTTBB ซึ่งมีบริษัท อคิวเมนท์ (ACU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS อีกที)
แนวทางต่อไปที่ กสทช. จะทำคือเตรียมนำคลื่นออกมาประมูลอีกครั้งใน 4 เดือนข้างหน้า โดยราคาเริ่มต้นประมูลจะเป็นที่ราคา 75,654 ล้านบาท ซึ่งด้วยราคาดังกล่าวนั้นไม่สร้างแรงจูงใจต่อทั้ง 3 บริษัทที่เหลือในการเข้าประมูล และหากต้องเลื่อนออกไปอีก 1 ปี ก็ไม่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูลอีกหรือไม่
ทรูฯ ได้รับผลกระทบมากสุด
ทั้งนี้มองว่า บริษัททรูเป็นบริษัทที่ ได้รับ ผลกระทบมากสุดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มองราคาประมูลที่จ่ายไปสูงเกินจริงและส่งผลต่อกำไรในอนาคตของบริษัทอย่างแน่ นอน น่าจะเห็นผลขาดทุนต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน มองว่าเป็นไปได้ยากที่ กสทช. จะมีการคืนเงินบางส่วนให้กับ ทรูหรือมีการเปิดประมูลใหม่ใน Slot นี้ ซึ่งอาจทำให้ ทรูต้องจ่ายเงินตามกำหนดเดิม
ในส่วนของบริษัทจัสมิน ฝ่ายวิจัยให้ Valuation ของธุรกิจ Broadband ซึ่งคำนวณไว้อยู่ที่ 4.82 บาท รวมผลของ (รวมผลของ Penalty) แต่ตลาดอาจจะมีการ Discount ด้วยเรื่องของ ธรรมาภิบาลของบริษัทในกรณีที่ไม่ยอมจ่ายค่าใบอนุญาต ประเมินกรณีเลวร้าย CG Discount ที่ 25%
เพิ่มมูลค่าหุ้นบริษัทใหญ่
ด้านบล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่าฝ่ายวิจัยได้ปรับมูลค่าหุ้นมือถือขึ้นยกแผง หลังจัสมินไม่เข้าสู่ธุรกิจมือถือ สรุปว่าไม่ยอมจ่ายค่าใบอนุญาต 4จี คลื่น 900 เมกะเฮิตรซ์ ตามกำหนด ซึ่งมีผลดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวม กล่าวคือ ไม่มีรายที่ 4 เข้ามาแข่งขันในธุรกิจมือถือ ทำให้ประเด็นที่เคยกังวลว่าจะกดดันให้การเติบโตในระยะยาวของผู้ประกอบการ ทุกรายลดลงนั้นได้จางหายไป
เชื่อว่าในการประชุมคลื่นความถี่ รอบถัดๆ ไปจัสมินไม่น่าจะกล้าเข้ามาแข่งขันอีก จึงทำให้นักวิเคราะห์กลุ่มไอซีที กลับมาทบทวน เพิ่มอัตราการเติบโตในระยะยาวขึ้นจากเดิม 1% เพราะได้ถูกลดลงไป 1% ในช่วงที่คาดว่า จัสมินจะเข้ามาในอุตสาหกรรมเป็นรายที่ 4 ซึ่งทำให้มูลค่าพื้นฐานของแต่ละรายเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยยังคงสมมติฐานประมาณการกำไร/ขาดทุนเท่าเดิม ดังนี้
หุ้น แอดวานซ์ เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 12.3% บนสมมติฐานเติบโต 3% รวมทั้งหุ้น อินทัช ปรับเพิ่มขึ้น 10.6% ตามสัดส่วนการถือหุ้น แอดวานซ์ 40.45%
หุ้นดีแทค เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 22.5% ภายใต้สมมติฐานเติบโต 2.5% และทรูฯ เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 11.8% ภายใต้สมมติฐานเติบโต 2.5% ส่วนจัสมินต้องกลับมามุ่งทำธุรกิจเดิม ที่คุ้นเคย แม้จะถูกยึดเงินประกันกว่า 600 ล้านบาท แต่มีข้อดีคือไม่ต้องมีภาระเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายจำนวนสูงๆ
ฝ่ายวิจัยกลับไปใช้ประมาณการเดิมที่เน้นธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรประมาณปีละ 3.0 -4.0 พันล้านบาท พร้อมกลับไปใช้มูลค่าหุ้นเฉพาะธุรกิจเดิมจะอยู่ที่ราว 5 บาท และ แผนการซื้อหุ้นคืนก็กำหนดที่ราว 5 บาท จึงคาดว่าราคาหุ้นจัสมิน มีโอกาสขยับขึ้นในระยะสั้น
แต่อย่างไรก็ตามยังไม่รวมความ เสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น กรณีที่ กสทช. เตรียมฟ้องร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมในอนาคต หากการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ได้มูลค่าต่ำกว่าที่ เคยทำสถิติไว้
เล็งปรับกำไรมือถือขึ้น
ด้าน บล.บัวหลวง ประเมินว่าจากกรณีที่จัสมินไม่จ่ายค่าใบอนุญาต ได้สร้างความประหลาดใจและมีแนวโน้มจะปรับประมาณการกำไรบริษัทแอดวานซ์ บริษัทดีแทค และทรูฯ ขึ้น จากการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาด จะรุนแรงน้อยลงกว่าสมมุติฐานเดิม
ส่วนกรณี จัสมินนั้น คาดว่าจะมีปัญหาในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมในอนาคต
ปัจจุบัน จัสมิน มีใบอนุญาตโทรคมนาคมอยู่ 27 ใบ แบ่งเป็น อินเทอร์เน็ตไลเซนส์ TTTBB (หมดอายุ 22 กพ.2026) TTTI (หมด 19 มิย.2019) และอื่นๆ TTTI (nine non-frequency use licenses ended 27 Jan 2028 and eight TV licenses ended 27 Jan 2018), Jastel (four licenses (ended during 2019-24), JiNet (one license) and Acumen's VSAT license (one license)
คาดว่าใน ระยะยาวหลังปี 2569 ไลเซนส์ TTTBB หมดอายุ จะมีความเสี่ยงต่อรายได้ JASIF ถ้าไม่มีคนเช่าต่อ หรือ ถ้ามีคนเช่าต่อแต่ลูกค้าใช้น้อยลง คาดว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของ JASIF อย่างมีนัย
มูลค่าเหมาะสมของ JASIF จะลดลง เหลือ 6.60 บาท ถ้าเป็นกรณีเลวร้ายสุด อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรของกองทุนพื้นฐาน
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 2)