ทนร้อนมาหลายวัน แอร์ก็เลยกำหนดล้างมาหลายเดือน ซึ่งปกติจะเรียกช่างมาล้างทุกๆ 6 เดือน
เผอิญที่ผ่านมายังไม่สะดวก พอสะดวก โทรเรียกมาล้าง ช่างก็คิวแน่นเอี้ยด จะมานอนทนร้อนก็ใช่เรื่อง กับอุณหภูมิห้องช่วงกลางวัน 37 องศา เปิดแอร์ 23 แต่ทำความเย็นได้แค่ 33 กลางคืนก็ 30 องศาเปิดแอร์ 22 ทำความเย็นได้แค่ 28-29 องศา แถมเสียงน้ำแข็งลั่นโป๊ะเป๊ะๆให้ฟังเล่น
เลยตัดสินใจทำในสิ่งที่อยากลองทำมานาน คือล้างแอร์ด้วยตัวเอง หลังจากใช้เวลา 1 คืนทำรีเสิร์ชเรื่องการล้างแอร์เอง ทั้งใน pantip นี่ก็ดี youtube ก็ดี เห็นแล้วก็ไม่ยาก แต่ติดตรงอุปกรณ์ว่าต้องไปซื้อไปหา ราคาก็ไม่ถูก ถ้าซื้อมาแล้วทำออกมาไม่เข้าท่า ก็จะเสียเงินฟรี
ก็มาได้ข้อมูลจากใน pantip เห็นว่าใช้ถังพ่นยาฆ่าแมลงมาแทนหัวฉีดแรงดันสูงได้อยู่ ราคาก็แค่ 250 บาท (ร้านที่ไปขายอยู่ 350 บาท) เลยออกไปหาซื้อทันที แต่ไปๆมาๆ ดันได้อีกตัวที่วางอยู่ข้างๆ เป็นกระบอกฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเหมือนกัน แต่ถูกกว่า และขนาดเล็กกว่า ถามพนักงานได้ความว่าความแรงของน้ำจะอันใหญ่เล็กก็ไม่ต่างกัน ต่างกันแค่ปริมาณความจุที่ใส่น้ำ อันใหญ่ก็ไม่ต้องเติมน้ำบ่อยๆ สรุปเลยซื้อกระบอกเล็กๆ หมดไป 59 บาทขาดตัว ถ้าไม่เข้าที เอาไปฉีดเล่นสงกรานต์ก็ยังพอไหว และผลก็ออกมาตามในวิดีโอนี้ครับ
ตอนที่ซื้อกลับมา พูดตามตรงว่าก็ไม่แน่ใจว่าจะเวิร์ค เพราะมันไม่แรงเหมือนที่ช่างเขาฉีด
แต่พอใช้จริง มันแรงเพียงพอที่จะเอาฝุ่นออกได้หมดแน่นอนครับ และที่สำคัญไม่ทำให้แผงฟินล้มระเนระนาด แบบที่ช่างทำกับแอร์ผมด้วย
ในวิดีโอ เนื่องจากเป็นการล้างแอร์ครั้งแรก จึงยังไม่ค่อยชำนาญ อาจมีบางขั้นตอนที่ข้ามไปบ้าง แต่ไม่สำคัญ เช่นพวกถอดตามจุดต่างๆ ซึ่งแอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกันพอสมควรในการแกะ ซึ่งตอนที่ล้างจริงๆ ล้างไปก็ถอดบางส่วนเพิ่มที่ตอนแรกไม่ได้ถอด ซึ่งจริงๆผมถอดออกมาหมดเลยทั้งบานสวิง ซึ่งติดกับถาดน้ำทิ้ง ตรงนี้พอถอดออกมาได้ เห็นคราบฝุ่นที่เป็นเมือกดูโสโครกอย่างน่าตกใจมาก ต้องยกไปรีบขัดทันที
**อีกอย่างที่วิดีโอนี้ไม่ได้บอกคือส่วนของกรงกะรอกที่ตอนฉีดล้างต้องคอยจับประคองไว้ไม่ให้หมุน ไม่งั้นจะเกิดไฟฟ้าย้อนเข้าแผงวงจร ทำให้เสียหายได้ อันนี้สำคัญมากครับ**
บทสรุปของการล้างแอร์ครั้งนี้ก็ถือว่าเกินที่คาดหวังไว้ แอร์กลับมาเย็นฉ่ำอีกครั้ง พร้อมกับความสะอาดที่ทำได้ระดับเดียวกับเวลาที่ช่างมาล้าง ก็ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ล้างแอร์ครั้งแรก ที่หากใครอยากจะล้างเองก็น่าลองทำดูครับ ไม่ยากอย่างที่คิดเลย เพียงแต่ทำตามขั้นตอน และหาข้อมูลเพิ่มเติมจากใน youtube ในอินเตอร์เน็ต ศึกษาข้อควรระวังต่างๆ ทำได้แน่นอนล่ะครับ
ประสบการณ์ล้างแอร์ครั้งแรก กับงบ 59 บาท
เผอิญที่ผ่านมายังไม่สะดวก พอสะดวก โทรเรียกมาล้าง ช่างก็คิวแน่นเอี้ยด จะมานอนทนร้อนก็ใช่เรื่อง กับอุณหภูมิห้องช่วงกลางวัน 37 องศา เปิดแอร์ 23 แต่ทำความเย็นได้แค่ 33 กลางคืนก็ 30 องศาเปิดแอร์ 22 ทำความเย็นได้แค่ 28-29 องศา แถมเสียงน้ำแข็งลั่นโป๊ะเป๊ะๆให้ฟังเล่น
เลยตัดสินใจทำในสิ่งที่อยากลองทำมานาน คือล้างแอร์ด้วยตัวเอง หลังจากใช้เวลา 1 คืนทำรีเสิร์ชเรื่องการล้างแอร์เอง ทั้งใน pantip นี่ก็ดี youtube ก็ดี เห็นแล้วก็ไม่ยาก แต่ติดตรงอุปกรณ์ว่าต้องไปซื้อไปหา ราคาก็ไม่ถูก ถ้าซื้อมาแล้วทำออกมาไม่เข้าท่า ก็จะเสียเงินฟรี
ก็มาได้ข้อมูลจากใน pantip เห็นว่าใช้ถังพ่นยาฆ่าแมลงมาแทนหัวฉีดแรงดันสูงได้อยู่ ราคาก็แค่ 250 บาท (ร้านที่ไปขายอยู่ 350 บาท) เลยออกไปหาซื้อทันที แต่ไปๆมาๆ ดันได้อีกตัวที่วางอยู่ข้างๆ เป็นกระบอกฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเหมือนกัน แต่ถูกกว่า และขนาดเล็กกว่า ถามพนักงานได้ความว่าความแรงของน้ำจะอันใหญ่เล็กก็ไม่ต่างกัน ต่างกันแค่ปริมาณความจุที่ใส่น้ำ อันใหญ่ก็ไม่ต้องเติมน้ำบ่อยๆ สรุปเลยซื้อกระบอกเล็กๆ หมดไป 59 บาทขาดตัว ถ้าไม่เข้าที เอาไปฉีดเล่นสงกรานต์ก็ยังพอไหว และผลก็ออกมาตามในวิดีโอนี้ครับ
ตอนที่ซื้อกลับมา พูดตามตรงว่าก็ไม่แน่ใจว่าจะเวิร์ค เพราะมันไม่แรงเหมือนที่ช่างเขาฉีด
แต่พอใช้จริง มันแรงเพียงพอที่จะเอาฝุ่นออกได้หมดแน่นอนครับ และที่สำคัญไม่ทำให้แผงฟินล้มระเนระนาด แบบที่ช่างทำกับแอร์ผมด้วย
ในวิดีโอ เนื่องจากเป็นการล้างแอร์ครั้งแรก จึงยังไม่ค่อยชำนาญ อาจมีบางขั้นตอนที่ข้ามไปบ้าง แต่ไม่สำคัญ เช่นพวกถอดตามจุดต่างๆ ซึ่งแอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกันพอสมควรในการแกะ ซึ่งตอนที่ล้างจริงๆ ล้างไปก็ถอดบางส่วนเพิ่มที่ตอนแรกไม่ได้ถอด ซึ่งจริงๆผมถอดออกมาหมดเลยทั้งบานสวิง ซึ่งติดกับถาดน้ำทิ้ง ตรงนี้พอถอดออกมาได้ เห็นคราบฝุ่นที่เป็นเมือกดูโสโครกอย่างน่าตกใจมาก ต้องยกไปรีบขัดทันที
**อีกอย่างที่วิดีโอนี้ไม่ได้บอกคือส่วนของกรงกะรอกที่ตอนฉีดล้างต้องคอยจับประคองไว้ไม่ให้หมุน ไม่งั้นจะเกิดไฟฟ้าย้อนเข้าแผงวงจร ทำให้เสียหายได้ อันนี้สำคัญมากครับ**
บทสรุปของการล้างแอร์ครั้งนี้ก็ถือว่าเกินที่คาดหวังไว้ แอร์กลับมาเย็นฉ่ำอีกครั้ง พร้อมกับความสะอาดที่ทำได้ระดับเดียวกับเวลาที่ช่างมาล้าง ก็ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ล้างแอร์ครั้งแรก ที่หากใครอยากจะล้างเองก็น่าลองทำดูครับ ไม่ยากอย่างที่คิดเลย เพียงแต่ทำตามขั้นตอน และหาข้อมูลเพิ่มเติมจากใน youtube ในอินเตอร์เน็ต ศึกษาข้อควรระวังต่างๆ ทำได้แน่นอนล่ะครับ