แมวตัวนึงที่มาเปลี่ยนโลกทั้งใบของเรา ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้

กระทู้คำถาม
เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์อะไรกับใคร สนิทกับใครหรือแม้กระทั่งจะเลี้ยงอะไรเพราะกลัวกฏของความผูกพันธ์ ที่ผ่านมาเราอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เด็ก พ่อแม่แยกทางเราชินกับการมีแค่ตัวเองเป็นคนมีโลกส่วนตัวที่ไม่คิดแบ่งให้ใคร(แต่มีแฟนนะคบนานด้วย555ทีงี้ดันไม่กลัวกฏความผูกพันธ์) จนวันหนึ่งเหมือนฟ้าฟาดเราโดนให้ออกจากงานที่ทำไม่ถึงเดือนเพียงเพราะเจ้าของบริษัทถูกเปลี่ยนมือตำแหน่งของเราจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป  ความว่างทำให้เราเล่นเฟสไปเจอเพจเพจหนึ่งที่เกี่ยวกับรับหมาแมวจรมาเลี้ยง เราเห็นประกาศแมวเด็กน้อยเพิ่งคลอดมา3สัปดาห์แม่โดนรถชนตาย ในประกาศมีตัวสีขาวตัวเมียตัวหนึ่งเราชอบใจและมั่นใจว่ามีศักยภาพพอที่จะเลี้ยง(ถึงจะตกงานแต่เรามีธุรกิจที่บ้านให้ทำค่ะ)  คิดในใจ  เอาวะ ลองดูลองแบ่งชีวิตเสี้ยวนึงให้เค้าดูเผื่อตัวเองจะมีชีวิตขึ้นมาบ้างไม่ใช่เหมือนผีตายซากเดินได้ไปวันๆ เราจึงตกลงกับคนที่ประกาศว่าจะไปรับ  เมื่อถึงวันไปรับ เราสาละวนซื้อของรับสมาชิกใหม่ ต้องใช้อะไร เลี้ยงยังไง ความตื่นเต้นบวกความกังวลว่าเราไม่เคยเลี้ยงอะไรเลยจะรอดไหมเจ้าตัวนี้ พอไปถึงหน้าวัดเราก็เจอผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเป็นคุณป้าที่เราจะรับเจ้าเหมียวมาเลี้ยง อีกคนเป็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ด้วยกัน เราบอกคุณป้าว่าจะมารับเจ้าตัวน้อย ผู้หญิงอีกคนหันมาทางเราแล้วบอกว่า ขอตัวสีขาวเถอะเค้าเคยมีแมวสีนี้แต่มันตาย ตอนแรกเราจะไม่ให้ คุณป้าที่ประกาศบอกว่า เหลืออีกตัวนะ แต่เป็นสีดำตัวผู้ ไม่มีใครเอาเค้าว่าแมวผี แถมตัวผอม เล็กกว่าเพื่อน พอเราเห็นเท่านั้นแหละเจ้าตัวเล็กนอนคุคคู้อยู่ในซอกม้านั่งมีมดกัดเต็มไปหมด เราหันไปมองหน้าป้าหน่อยนึงแล้วคิดถึงตัวเอง ตอนเด็กเรามันก็ไม่มีใครเอาเหมือนกัน เจ้ามืดนี่เหมือนกับตัวเองจัง เราเลยเอาเจ้ามืดนี่กลับมา เมื่อกลับมาถึงห้อง ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เจ้ามืดนี่ร้องมาตลอดทางตั้งแต่บนแท็กซี่ยันคอนโด หมัดก็เยอะวันนั้นจับได้สิบห้าตัว เจ้ามืดเดินไปเดินมาร้องตลอดเวย์ เห็นหมัดเยอะเลยจับอาบน้ำอุ่น เจ้ามืดนี่หยุดร้อง อาจจะเพราะหนาวและกลัวเราด้วยผสมกัน ตั้งแต่วินาทีที่เค้าหยุดร้องมองหน้าเราเราก็เริ่มสัญญากับตัวเองแล้วว่าเราจะดูแลเสี้ยวชีวิตของเราตัวนี้ให้ดีที่สุด ให้ทุกคนอิจฉาและไม่รังเกียจอีก คืนแรกด้วยความที่หมัดเยอเลยไม่ให้นอนกับเราบนเตียงอีกอย่างเรากลัวจะหลับแล้วทับมันตายด้วย เราก็จัดให้นอนในกระบะที่เตรียมไว้ สงสารก็สงสารมาอยู่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วยังต้องมานอนหดหู่ตัวเดียวอีกเราเลี้ยงเค้าเรื่อยมาจากที่จะรอดแหล่ไม่รอดแหล่ก็รอด แข็งแรง ซน อ้วนท้วนกินเก่งขนเป็นมัน แต่ยังเป็นเด็กเจียมตัวและขี้กลัวเหมือนเดิม ที่สำคัญติดดูดมือถ้าคืนไหนไม่ได้ดูดจะโมโหข่วนจะเอามือให้ได้ ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน ขนาดเอาบอระเพ็ดทามือยังเลียจนเกลี้ยง เราได้งานอยู่ใกล้อพาร์ทเม้นแม่จึงย้ายจากคอนโดที่ตัวเองเช่าอยู่มาอพาร์ทเม้นแม่ แรกๆแม่ไม่รักไม่เอ็นดู สักพักก็รักเจ้ามืดนี่ยิ่งกว่าเรา ต้องยอมรับว่าเจ้ามืดน้อยตัวนี้ทำให้เราสนิทกับแม่มากขึ้น ห่วงใยและใส่ใจคนอื่นมากขึ้น ทำให้เราติดบ้านมากขึ้นและเป็นข้ออ้างที่จะปฏิเสธการออกไปข้างนอก เจ้านี่ทำให้ทุกอย่างดูมีชีวิต จากแมวขี้เหร่กลายมาเป็นแมวที่ใครๆก็อยากได้
       แล้วเหตุการณ์เลวร้ายแรกก็มาถึง ทุกวันก่อนออกจากบ้านเจ้ามืดจะมายืนอยู่หน้าประตูจ้องจะออกไปข้างนอกทุกวันเราจะคอยดันเค้าเข้าบ้านก่อนจะออกไปทำงาน (เราทำงานแม่ก็ทำ เค้าต้องอยู่คนเดียวรอเรากลับมาเราจะทิ้งอาหารและน้ำ เปิดหน้าต่างบานเกล็ดให้ลมเข้า) พอเราจะออกจากบ้านดันมีแมวจรตัวผู้มายืนอยู่หน้าประตูมุ้งลวด เจ้ามืดเห็นเข้าก็เริ่มขู่ เราเห็นว่าสายแล้วจึงไม่ทันระวังอุ้มเจ้ามืดออกห่างมุ้งลวด ด้วยสัญชาตณานสัตว์เจ้ามืดจึงขย้ำแขนเราเข้าให้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากับแม่คิดเอาเจ้ามืดไปทำหมัน
       หลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์เลวร้ายที่สองก็เกิดตาม เจ้ามืดชอบรับลมริมระเบียงและจะดีใจทุกครั้งที่ได้กินอาหารเปียกที่ชอบ แม่เราเทอาหารเปียกให้ เจ้ามืดเห็นก็ดีใจกลิ้งเล่นบนระเบียง แล้วตกตุ๊บจากชั้นสี่ไปพื้นปูนข้างล่างเรารีบวิ่งลงไปรับเห็นนั่งจุกอยู่บนแทงค์ปูนที่หัวมีแผลคาดว่าน่าจะเอาขาลงแต่อกน่าจะกระแทกแล้วหัวขูดเหล็ก เรารีบพาไปหาหมอ เจ้ามืดฉี่เป็นเลือด คาดว่าน่าจะกระเพาะปัสสวะอักเสบ เอกซเรย์แล้วไม่มีอะไรแตกหัก หมอเลยฉีดยาแก้อักเสบกับแก้ปวด พร้อมให้ยามากินแล้วนำมาดูอาการที่บ้าน คืนนั้นเรานอนกับเค้าทั้งคืน เจ้ามืดอ้อนเป็นพิเศษ ขอดูดมือแล้วหลับคาอกยันเช้า เช้ามากินอาหารได้ปกติ วิ่งเล่นได้เหมือนเดิมแต่เราก็ไม่กล้าให้เค้าไปเล่นที่ระเบียงอีก นั่นคงทำให้มืดน้อยของเราเฉาลงไปอีก ผ่านไปเวลาหนึ่งเดือนกว่า
       เหตุการณ์เลวร้ายที่สามซึ่งเป็นเหตุการณ์เลวร้ายเหตุกาณ์สุดท้ายก็เกิดขึ้น เจ้ามืดข่วนแขนแม่เลือดเป็นรอยยาวเพราะไม่ได้ออกข้างนอกเรากลัวว่าเจ้านี่จะดุขึ้นรวมทั้งหนีเตลิดออกจากบ้านตามสัณชาตญาณแมวตัวผู้ เราจึงตัดสินใจที่จะจับมืดน้อยไปทำหมันอย่างจริงจัง ตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราตัดสินพาเจ้ามืดไปทำหมันเช้านั้นเจ้ามืดไม่อยากออกจากบ้านอย่างเคย พยายามดันตัวเองออกจากตระกร้าถึงอย่างนั้นเราก็ยังพยามจับเค้าลงไป เมื่อเข้าไปในรถเราเปิดตระกร้าออก เค้ากอดเราแน่น ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนเคย ดันหัวเข้าไปซุกอกเรานิ่งๆ เราหวิวในใจนิดหน่อย แต่ด้วยความที่ต้องไปวัดต่อจึงไม่คิดอะไรมาก (ที่จริงวันนั้นเราลืมของ ต้องมาเอาถึงกลับมาเอาถึงสองครั้งก็ยังไม่เอะใจ) เมื่อถึงหมอ หมอบอกให้เรามารับเจ้ามืดตอนเย็นวันพรุ่งนี้ เจ้ามืดนั่งอยู่ในตระกร้าเงียบๆยังขี้กลัวเหมือนเดิม เราเห็นก็แทบร้องไห้สองจิตสองใจเพราะไม่เคยห่างกันเป็นวันแบบนี้ เราคิดเองว่าคงไม่เป็นอะไรตัวอื่นก็ทำไม่เคยเห็นเป็นอะไร เราตัดสินไปวัดกับแม่ทิ้งเค้าไว้กับหมอ ประมาณบ่ายสี่เราร้อนใจรีบกลับมาดู เจ้ามืดถูกทำหมันเรียบร้อย รอฟื้นอย่างเต็มที่แต่เจ้ามืดไม่เหมือนแมวตัวอื่น เค้าหายใจกระแทกตัวกระตุกเหมือนชัก หายใจดูยากลำบาก เราตกใจร้องไห้เพราะไม่เคยเห็นเค้าเป็นแบบนี้ หมอเองสันนิฐานว่าปอดอาจจะฉีกตั้งแต่ตอนตกระเบียงเมื่อเจอฤทธิ์ยาสลบจึงทำให้เป็นแบบนี้ เราร้องไห้เรียกชื่อเค้า เค้าพยายามหันมาหาเราทั้งที่เบลอๆ ลุกแล้วก็ล้มตัวนอนอยู่แบบนั้นหัวชนกรงไปมา พยามหันมาทางเสียงเรา น้ำตาไหล เราเอื้อมไปลูบได้นิดเดียวหมอก็เอามือฉันออก บอกว่าเจ้ามืดสลึมสะลืออยู่อาจกัดเจ้าของไม่รู้ตัว หมอให้เรากลับไปก่อน ถ้ามีอะไรจะโทรไปหา อยากให้เค้าได้พักผ่อนถ้าได้ยินเสียงเราเค้าอาจกังวลไม่ได้พัก เรากลับบ้านทั้งน้ำตา รีบเตรียมที่ทางจัดบ้านไว้รอเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน เราไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ หมอโทรหาเราตอนห้าโมงเราเลยไม่ได้รับ เรามาดูตอนหกโมงรีบโทรกลับไปหาหมอ หมอบอกน้องอาการแย่แล้ว อาเจียนเป็นเลือด แล้วคำที่บีบหัวใจแม่เจ้ามืดอย่างเราที่สุดคือ หมอบอกเจ้ามืดเสียแล้ว เรารีบไปหาเค้าที่โรงพยาบาล เห็นนอนตัวแข็งลืมตาอยู่ในตระกร้าของเรา เรารีบคว้ามากอดทรุดกับประตูห้องหมอ เราร้องแบบไม่อายใคร มันบีบหัวใจเราเหลือเกินเหมือนมีคนเอามีดมากรีดหัวใจของเรา เสี้ยวชีวิตตัวนี้พัฒนามาเป็นครึ่งชีวิตของเราตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ วันศุกร์นี้จะได้หนึ่งขวบพอดี เราเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เค้าตายเพราะเรา เราเห็นแก่ตัว กลัวแต่เค้าจะหนีออกจากบ้าน เรากับแม่หอบร่างเจ้ามืดไปบ้านป้าที่ลูกพี่ลูกน้องเราเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ สุดท้ายเราไปฝังเค้าที่บ้านยายเพราะมีสวน อีกสามเดือนจึงจะนำกระดูกมาเผาแล้วเก็บไว้ที่อพาร์ทเม้นที่เค้าอยู่กับเรามาตลอด เรานั่งกอดร่างเค้าตลอดคืน แม่เองก็ขับรถไปร้องไห้ไป เราร้องไห้ทุกอย่างมันชามันเจ็บกว่าอะไรในโลกตั้งแต่เราเกิดมา ตอนเช้าเราหอบร่างเค้าไปถวายสังฆทาน พระสวดบังสกุลให้ เจ้ามืดเหมือนนอนหลับเฉยๆกอดตุ๊กตาตัวเดียวที่มี ใส่เสื้อของฉัน ประแป้ง พ่นสเสปร์ยอาบน้ำ มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนไม่มีอะไรเลยอย่างฉันจะทำให้ได้   จนตอนนนี้เรายังคงร้องไห้อยู่อย่างหยุดไม่ได้ มันไม่เคยเจ็บอะไรเท่านี้ และไม่คิดที่จะผูกพันธ์หรือให้ใครมาแทนที่เค้าได้อีก
      ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ขอโทษที่เคยไม่ให้นอนด้วย ขอโทษที่ไม่ให้ดูดมือ ขอโทษที่เคยตี ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวเสมอ ขอโทษที่ปล่อยให้คอย ขอโทษที่ดูแลไม่ดี ขอโทษที่ไปไม่ทัน ขอโทษที่พากลับบ้านไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ขอโทษที่สุดท้ายทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ขอโทษและขอบคุณอย่างที่สุดที่เดินเข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่รักและคิดถึงกันจนนาทีสุดท้าย ฉันจะรักและคิดถึงเธอเสมอทุกนาทีที่ฉันมีลมหายใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่