แจสชักดาบไร้เงาจ่ายเงินค่าประมูลคลื่น 900 MHz กทค.ยึดมติเดิมริบเงินวางประกัน 644 ล้านบาท จ่อยึดใบอนุญาตทุกไลเซนส์ที่ได้รับจาก กสทช. ส่วนค่าเสียหายยังประเมินทั้งหมดไม่ได้ ต้องส่งเรื่องให้อนุฯด้านกฎหมายพร้อมตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมด้วยการเชิญกระทรวงการคลังและอัยการสูงสุดร่วมกันประเมินค่าเสียหาย เตรียมนำเรื่องเข้าบอร์ด กทค. 23 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป
กทค.ระบุพร้อมรายงานให้นายกฯรับทราบ ยันประมูลครั้งต่อไปราคาเริ่มต้นต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่แจสชนะการประมูลเพื่อให้ความเป็นธรรมทรูฯ หากมีผู้สนใจประมูลสามารถเริ่มได้ภายใน 4 เดือน หากไม่มีต้องเก็บคลื่นไว้ก่อน 1 ปี
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ณ เวลา 16.30 น. ซึ่งถือว่าเป็นเวลาสิ้นสุดการรอให้ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด มาชำระเงินประมูลงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท พร้อมหนังสือรับรองค้ำประกันทางการเงิน (แบงก์การันตี) แล้ว แต่ปรากฎว่าแจสไม่ได้ติดต่อและไม่ได้เข้ามาชำระเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้ กสทช.ต้องยึดตามมติที่ประชุมกทค.เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2559 ซึ่งประกอบด้วย 4 ข้อ คือ 1. ริบเงินหลักประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเช็คเงินสดที่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ทันที นอกจากนี้ยังจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายหรือประกาศที่กำหนดไว้เพิ่มเติม และจะตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบกิจการที่รับใบอนุญาตเดิมจาก กสทช.ทั้งกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
2. หากมีการประมูลใหม่ราคาเริ่มต้นต้องเป็นราคาที่แจสชนะประมูลคือ 75,654 ล้านบาท เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อบริษัทที่ชนะการประมูลและมาชำระแล้วคือ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 3. การประมูลครั้งใหม่ไม่มีการตัดสิทธิ์ผู้ชนะการประมูลทีได้ชำระเงินค่าประมูลเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมประมูลมากราย และ 4.หากมีการประมูลครั้งใหม่สามารถทำได้ภายใน 4 เดือน แต่หากไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลต้องเก็บคลื่นความถี่ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี และราคาเริ่มต้นก็ยังคงต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่แจสชนะการประมูล
อย่างไรก็ตาม กทค. จะมีการประชุมเพื่อสรุปแนวทางทั้งหมดในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เพื่อสรุปเป็นมติที่ประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างและรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบต่อไป ซึ่งก็แล้วแต่ว่านายกฯจะมีข้อเสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นอย่างไร
กสทช.ย้ำว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่ทำ ทำตามกรอบของกฎหมายที่ดำเนินการได้ เป็นธรรมดาที่เมื่อมีกฎหมาย ก็ย่อมมีคนทำผิดได้ ดังนั้น กสทช.ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลก็ต้องนำผู้ทำผิดมาลงโทษ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ ไม่ให้ประเทศชาติเสียหาย ขณะที่ผู้ให้บริการเองก็ต้องมีความรับผิดชอบ มีธรรมมาภิบาล ทั้งต่อลูกค้าและผู้ถือหุ้น
“เราไม่สามารถบอกได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ไม่มีการจ่ายเงินหรือไม่ แต่ในประเทศเชคมีเหตุการณ์ให้หยุดการประมูลกลางคัน เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าราคาประมูลสูงเกินไป หรือไม่ก็เจ๊งระหว่างการประกอบกิจการ”
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า การวิเคราะห์ค่าเสียหายต้องส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายวิเคราะห์อีกทีว่าจะคิดเป็นจำนวนเท่าไหร่และต้องดำเนินการกับแจสอย่างไรบ้าง โดยสำนักงานจะเสนอให้ตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมโดยจะเชิญผู้แทนจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมกันวิเคราะห์ค่าเสียหายต่างๆก่อนจะนำข้อคิดเห็นเสนอให้ที่ประชุม กทค.ด้วย
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ให้ความเห็นกับกรณีที่เกิดขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวถือว่ามีผลกระทบอย่างมากเป็นประวัติการณ์ของวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกันหาทางออกอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
"ในความเห็นของดีแทค หากมีการจัดการประมูลอีกครั้ง ควรจะต้องนำคลื่น 900MHz ช่วงที่ 1 มาประมูลใหม่ตามเงื่อนไขเดิมของกสทช. ซึ่งยังมีผลใช้บังคับ รวมทั้งกำหนดราคาประมูลเริ่มต้น 16,080 ล้านบาท (ในกรณีที่มีผู้ร่วมประมูลน้อยกว่า 3 ราย) เท่าเดิม ซึ่งจะเป็นราคาที่นำไปสู่การสะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่ที่แท้จริง"
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) แสดงความเห็นไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าน่าเสียดายที่แจสไม่ได้นำเงินมาชำระค่าประมูลคลื่น ทำให้ไม่เกิดผู้เล่นรายใหม่ในวงการโทรคมนาคมประเทศไทย แต่มองในแง่ดี การมีปัญหาในช่วงนี้ดีกว่าการมีปัญหาในอนาคตซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภค หากเริ่มให้บริการแล้ว
"กสทข ควรนำคลื่นของแจสมาประมูลใหม่โดยตั้งราคาเท่ากับราคาสุดท้ายก่อนที่ผู้ประกอบการที่เหลือรายแรกออกจากการประมูล ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นราคาที่ทุกรายรับกันได้ ไม่ควรนำไปประมูลในราคาที่แจสประมูลได้ เพราะเป็นราคาที่ผู้ประกอบการรายอื่นไม่เอา และไม่ควรเก็บคลื่นไว้เฉย ๆ เพราะเป็นการปล่อยให้ทรัพยากรสูญเปล่า ควรนำมาจัดประมูลโดยเร็วที่สุด เพราะสังคมมีความต้องการใช้"
ขณะที่เอไอเอสระบุว่ายังต้องขอพิจารณาเงื่อนไขการประมูลคลื่น 900 MHz ครั้งใหม่อีกครั้ง ก่อนจะสรุปว่าจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่
"ส่วนกรณีการดูแลลูกค้า 2G ที่ได้ขยายระยะเวลาเยียวยาออกไปนั้น บริษัทฯกำลังเร่งดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลขลูกค้าที่ดูแลไปแล้ว" วิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ กล่าว
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000029433
.........................
งานนี้ 3BB จะงานเข้าไหมเนี้ย
จ่อยึดทุกใบอนุญาต หลัง"แจส"ชักดาบไม่จ่ายค่าคลื่น 900 MHz
แจสชักดาบไร้เงาจ่ายเงินค่าประมูลคลื่น 900 MHz กทค.ยึดมติเดิมริบเงินวางประกัน 644 ล้านบาท จ่อยึดใบอนุญาตทุกไลเซนส์ที่ได้รับจาก กสทช. ส่วนค่าเสียหายยังประเมินทั้งหมดไม่ได้ ต้องส่งเรื่องให้อนุฯด้านกฎหมายพร้อมตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมด้วยการเชิญกระทรวงการคลังและอัยการสูงสุดร่วมกันประเมินค่าเสียหาย เตรียมนำเรื่องเข้าบอร์ด กทค. 23 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป
กทค.ระบุพร้อมรายงานให้นายกฯรับทราบ ยันประมูลครั้งต่อไปราคาเริ่มต้นต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่แจสชนะการประมูลเพื่อให้ความเป็นธรรมทรูฯ หากมีผู้สนใจประมูลสามารถเริ่มได้ภายใน 4 เดือน หากไม่มีต้องเก็บคลื่นไว้ก่อน 1 ปี
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ณ เวลา 16.30 น. ซึ่งถือว่าเป็นเวลาสิ้นสุดการรอให้ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด มาชำระเงินประมูลงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท พร้อมหนังสือรับรองค้ำประกันทางการเงิน (แบงก์การันตี) แล้ว แต่ปรากฎว่าแจสไม่ได้ติดต่อและไม่ได้เข้ามาชำระเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้ กสทช.ต้องยึดตามมติที่ประชุมกทค.เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2559 ซึ่งประกอบด้วย 4 ข้อ คือ 1. ริบเงินหลักประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเช็คเงินสดที่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ทันที นอกจากนี้ยังจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายหรือประกาศที่กำหนดไว้เพิ่มเติม และจะตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบกิจการที่รับใบอนุญาตเดิมจาก กสทช.ทั้งกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
2. หากมีการประมูลใหม่ราคาเริ่มต้นต้องเป็นราคาที่แจสชนะประมูลคือ 75,654 ล้านบาท เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อบริษัทที่ชนะการประมูลและมาชำระแล้วคือ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 3. การประมูลครั้งใหม่ไม่มีการตัดสิทธิ์ผู้ชนะการประมูลทีได้ชำระเงินค่าประมูลเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมประมูลมากราย และ 4.หากมีการประมูลครั้งใหม่สามารถทำได้ภายใน 4 เดือน แต่หากไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลต้องเก็บคลื่นความถี่ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี และราคาเริ่มต้นก็ยังคงต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่แจสชนะการประมูล
อย่างไรก็ตาม กทค. จะมีการประชุมเพื่อสรุปแนวทางทั้งหมดในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เพื่อสรุปเป็นมติที่ประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างและรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบต่อไป ซึ่งก็แล้วแต่ว่านายกฯจะมีข้อเสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นอย่างไร
กสทช.ย้ำว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่ทำ ทำตามกรอบของกฎหมายที่ดำเนินการได้ เป็นธรรมดาที่เมื่อมีกฎหมาย ก็ย่อมมีคนทำผิดได้ ดังนั้น กสทช.ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลก็ต้องนำผู้ทำผิดมาลงโทษ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ ไม่ให้ประเทศชาติเสียหาย ขณะที่ผู้ให้บริการเองก็ต้องมีความรับผิดชอบ มีธรรมมาภิบาล ทั้งต่อลูกค้าและผู้ถือหุ้น
“เราไม่สามารถบอกได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ไม่มีการจ่ายเงินหรือไม่ แต่ในประเทศเชคมีเหตุการณ์ให้หยุดการประมูลกลางคัน เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าราคาประมูลสูงเกินไป หรือไม่ก็เจ๊งระหว่างการประกอบกิจการ”
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า การวิเคราะห์ค่าเสียหายต้องส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายวิเคราะห์อีกทีว่าจะคิดเป็นจำนวนเท่าไหร่และต้องดำเนินการกับแจสอย่างไรบ้าง โดยสำนักงานจะเสนอให้ตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมโดยจะเชิญผู้แทนจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมกันวิเคราะห์ค่าเสียหายต่างๆก่อนจะนำข้อคิดเห็นเสนอให้ที่ประชุม กทค.ด้วย
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ให้ความเห็นกับกรณีที่เกิดขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวถือว่ามีผลกระทบอย่างมากเป็นประวัติการณ์ของวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกันหาทางออกอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
"ในความเห็นของดีแทค หากมีการจัดการประมูลอีกครั้ง ควรจะต้องนำคลื่น 900MHz ช่วงที่ 1 มาประมูลใหม่ตามเงื่อนไขเดิมของกสทช. ซึ่งยังมีผลใช้บังคับ รวมทั้งกำหนดราคาประมูลเริ่มต้น 16,080 ล้านบาท (ในกรณีที่มีผู้ร่วมประมูลน้อยกว่า 3 ราย) เท่าเดิม ซึ่งจะเป็นราคาที่นำไปสู่การสะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่ที่แท้จริง"
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) แสดงความเห็นไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าน่าเสียดายที่แจสไม่ได้นำเงินมาชำระค่าประมูลคลื่น ทำให้ไม่เกิดผู้เล่นรายใหม่ในวงการโทรคมนาคมประเทศไทย แต่มองในแง่ดี การมีปัญหาในช่วงนี้ดีกว่าการมีปัญหาในอนาคตซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภค หากเริ่มให้บริการแล้ว
"กสทข ควรนำคลื่นของแจสมาประมูลใหม่โดยตั้งราคาเท่ากับราคาสุดท้ายก่อนที่ผู้ประกอบการที่เหลือรายแรกออกจากการประมูล ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นราคาที่ทุกรายรับกันได้ ไม่ควรนำไปประมูลในราคาที่แจสประมูลได้ เพราะเป็นราคาที่ผู้ประกอบการรายอื่นไม่เอา และไม่ควรเก็บคลื่นไว้เฉย ๆ เพราะเป็นการปล่อยให้ทรัพยากรสูญเปล่า ควรนำมาจัดประมูลโดยเร็วที่สุด เพราะสังคมมีความต้องการใช้"
ขณะที่เอไอเอสระบุว่ายังต้องขอพิจารณาเงื่อนไขการประมูลคลื่น 900 MHz ครั้งใหม่อีกครั้ง ก่อนจะสรุปว่าจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่
"ส่วนกรณีการดูแลลูกค้า 2G ที่ได้ขยายระยะเวลาเยียวยาออกไปนั้น บริษัทฯกำลังเร่งดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลขลูกค้าที่ดูแลไปแล้ว" วิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ กล่าว
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000029433
.........................
งานนี้ 3BB จะงานเข้าไหมเนี้ย