[ตอนที่ 4] ทริปเที่ยว Nepal หลังแผ่นดินไหว เมือง Kathmandu และ Pokhara พังจริงไหม มีอะไรเหลือบ้าง ไปดูกัน!








...วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2558...


ต่อจากตอนที่แล้วหลังจากที่ผมได้นั่งเครื่องบินเดินทางกลับจากเมือง Pokhara มายังเมือง Kathmandu ในตอนนี้ผมจะมุ่งหน้าไปเยี่ยมชมเมือง Bhaktapur ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุด ใน 3 เมืองครับ จากนั้นผมจะเดินทางต่อเพื่อไปค้างคืนที่ โรงแรม Hotel Country Villa บน Nagarkot hill ครับ



เดินทางต่อกันเลยโดยรถและคนขับคนเดิมที่รับส่งเราในวันก่อนๆครับ หลังจากลงจากเครื่องบิน เอากระเป๋า(แบบวุ่นวาย) ก็มาเจอกับไกด์และคนขับรถของเราครับ จากตัวเมือง Kathmandu ใช้เวลาเดินทางไปยังเมือง Bhaktapur ประมาณ 20-30 นาทีครับ (ถ้าผมจำไม่ผิด) โดยใช้ถนนเส้นนี้ครับ


ถ้าใครเคยมาเนปาล และนั่งรถมาถนนเส้นนี้เป็นครั้งแรก จะรู้สึกว่า เอ้ ถนนเส้นนี้ มันดูดีผิดปกติสำหรับเนปาลมากๆ ...ใช่ครับ เพราะว่าถนนเส้นนี้สร้างโดยรัฐบาลญี่ปุ่นครับ คือญี่ปุ่นมาสร้างให้เลย ใจดีเฟร่อ.. คนเนปาลใช้กันสบายเลยครับ


ระหว่างทางที่ผมนั่งรถไป ก็เจอรถบัส หลายขนาด หลายคัน ในลักษณะที่มีคนนั่งอยู่บนหลังคาครับ แต่มีทุกคัน เหตุผลคือ
1.เค้าก็นั่งกันอยู่แล้วถ้าเกิดว่าในรถเต็ม
2.ด้วยที่ผมเคยบอกเล่าไปในตอนแรกเรื่องปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้รถวิ่งจำนวนเที่ยวน้อยลงครับ แล้วราคาก็สูงขึ้นด้วย

ไกด์ผมก็เล่าให้ฟังว่าค่ำๆเวลาเค้ากลับบ้านก็ไม่ค่อยมีที่ ขึ้นหลังคาตลอด เค้าบอกหนาวสะท้านเลยครับ



ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึง Bhaktapur Durbar Squre ครับ


แต่ว่าก่อนที่จะไปเดินเที่ยวกัน เนื่องจากผมยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลย ดังนั้นก็ขอทานข้าวก่อนครับ หิวมาก ก็เลยเข้าไปทานอาหารร้านนึง ซึ่งร้านนี้ทำ Hostel ด้วยครับ ร้านอยู่ในบริเวณ Durbar Square เลย


บรรยากาศร้านโอเคมากๆครับ มีนักท่องเที่ยวฝรั่งเดินเข้าออกเรื่อยๆ นั่งทานข้าวก็มีครับ


มาแล้วอาหารของเรา สั่งเหมือนเดิมครับ แต่มื้อนี้อร่อยมาก ต้องเติมข้าวเลย

ทานเสร็จก็ไปเดินเที่ยวกันครับ




ร่องรอยความเสียหายยังมีให้เห็นอยู่ครับ แต่ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ




จากนั้นเราก็เดินมาชมวังเก่าที่เคยเป็นที่อาศัยของกษัตริย์เมือง Bhaktapur ครับ ซึ่งจะเปิดให้ดูบริเวณที่เป็นบ่ออาบน้ำสำหรับกษัตริย์เท่านั้นครับ


บ่ออาบน้ำครับ แต่ตอนนี้ไม่น่าอาบเท่าไหร่แล้ว





มีรอยร้าว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอยู่ก่อนแล้วหรือว่าเพราะแผ่นดินไหวครับ


จังหวะที่เดินออกมากะถ่ายผ่านช่องประตู แต่บังเอิญมีเด็กเดินส่วนมา แถมชูสองนิ้วให้ด้วย ถือว่าทำดีลูก ฮ่าๆ

ยังไม่พังครับ


ลุงนั่งชิว

จากนั้นเราก็เดินต่อมาเรื่อยๆครับผม จนมาถึง Nyatapola Pagoda ที่ยังตั้งอยู่ เป็น Pagoda ที่ไม่พังลงมาครับ



บนฐานของ Pagoda ก็จะมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นเนปาลมานั่งเล่นกันอยู่ครับ


ชาวบ้านก็มี


นักท่องเที่ยวก็เยอะ


เจอเด็กรู้งานอีกแว้วว

ในบริเวณ Pagoda ก็จะมีพื้นที่ ที่คนเอาของมาขายกันครับ จะเรียกว่าเป็นตลาดเล็กๆก็ได้ หรือคนก็จะมานั่งคุย นั่งเล่นกัน





อีกอย่างนึงเวลาผมไปต่างประเทศ ผมจะชอบถ่ายรูปรถที่เจอมาครับ เพราะอยากจะสะสมว่าประเทศแต่ละประเทศนั้น นิยมใช้รถอะไรบ้าง


ก็จบเรียบร้อยครับ สำหรับ Bhaktapur Durbar Square ต่อจากนี้ผมก็จะนั่งรถขึ้นเขา Nagarkot เพื่อไปพักที่ Hotel Country Villa ครับ เส้นทางค่อนข้างหินพอสมควร ด้วยโค้งโหดๆ และถนนพังๆ แต่ด้วยคนขับที่มีประสบการณ์และรถที่ช่วงล่างดีมากๆ ก็ถือว่าไปได้รอดปลอดภัยครับ (พึ่งพายาดมตลอดทาง แฮ่ๆ) สำหรับจุดเด่นของโรงแรมนี่คือเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นครับ และเห็นเทือกเขาหิมะอยู่ไกลๆ  (ถ้าฟ้าเปิด ผมไปช่วงนั้นฟ้าปิดครับ หมอกค่อนข้างเยอะ เห็นนิดเดียวจริงๆ) แต่เสิชรูปในเน็ตดู ถ้าฟ้าเปิดก็จะสวยมากๆครับ


หลังจากที่ผมถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว (แบบวิงเวียนศีรษะน้อยๆ) ก็ถ่ายรูปไปนิดเดียวเองครับ ไม่มีวิวอะไรมากมาย หมอกบังไปหมด ผมเลยขอข้ามไปตอนเช้าวันถัดไปเลยแล้วกันนะ ซึ่งผมจะได้เขียนต่อไป ในตอนที่ 5 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ใครที่ติดตามมา ตั้งแต่ตอนแรก ผมก็ต้องขอขอบคุณมากจริงๆครับ เขียนกระทู้นี้ ใช้เวลามากจริงๆ แต่ก็อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ

ยิ้ม


ไปอ่านตอนที่ 5 ต่อกันได้ที่นี่เลยครับ http://pantip.com/topic/35001846



ถ้าใครสนใจติดตามรูปภาพ สามารถตามดูได้ที่ช่องทางด้านล่างเลยนะครับ
Personal Facebook: https://www.facebook.com/phumsiam
Page Facebook: https://www.facebook.com/PostracGallery
Twitter: @phumsiam
Instagram: @postrac
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่