สวัสดีครับ แบกเป้เที่ยวมัลดีฟส์ ระหว่างวันที่ 7-13 มีนาคม 2559 ระยะเวลาทั้งหมด 7วัน6คืน ด้วยเงินเพียง 15,020 บาท เป็นครั้งแรกสำหรับการไปประเทศนี้ครับ
ต้องขอเกริ่นนำก่อนว่า ทริปนี้ ผมอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆที่มีงบน้อยแต่ฝันอยากจะไปเล่นน้ำทะเลสวยๆที่มัลดีฟส์(กับเขาบ้าง) ฉะนั้น ขอเพื่อนๆงดดราม่านะครับ
สมาชิกในทริปนี้มีทั้งหมด4คน ซึ่งก็คือ น้องสาว และ น้องเขยของผมเอง ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันซึ่งจองตั๋วหลังสุดและมาแทนพี่สาวของผมที่ยกเลิกไป เพราะพี่สาวของผมเป็นครู ระเบียบการลงการลาก็ค่อนข้างยุ่งยาก ลามาครั้งนึงแล้วตอนทริปปักกิ่งช่วงปีใหม่ มาลาป่วยอีก เกรงว่าครั้งนี้ ถ้าลาไปกลัวจะเปลี่ยนจากลากิจเป็นลาออก ก็เลยต้องทิ้งตั๋วไป 2 ขา ไว้วันหน้าจะพาไปใหม่นะจ๊ะคุณพี่จ๋า
ผมจองตั๋วกับแอร์เอเชียทั้งหมด 4 ขา สุราษฎร์ธานี-กัวลาลัมเปอร์ ( ไปกลับ) กัวลาลัมเปอร์-มาเล่ (ไปกลับ) ซึ่งตอนแรกได้จองตั๋วโปรของAirasiabig ใช้แต้มbig 500 แต้ม กับเพิ่มเงินอีกคนละ 3,761 บาท จองกันข้ามชาติเลยทีเดียว กว่าจะได้เดินทางก็อีก 7 เดือนกว่านู่น แล้วค่อยมาหาตั๋วโปรจากสุราษฎร์ธานีไปกัวลาลัมเปอร์ทีหลัง สอยมาได้ในราคา 1,651 บาทต่อคน สำหรับเพื่อนๆที่งงว่า แต้มของAirasiabig คืออะไร ผมขอข้ามไปละกันนะครับ ยังไงก็ลองค้นกระทู้ดูนะครับ น่าจะมีเยอะ เพราะผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
หลังจากนั้น ผมจองที่พักผ่านAgoda.comซึ่งสำรวจมาแล้วว่าถูกที่สุดในวันนั้น ได้มาในราคา 8,404 บาท 2 ห้อง 4 คืน ตัดผ่านบัตรเครดิต หาร 4 คนๆละ 2,101 บาท และจองที่พักที่กัวลาลัมเปอร์ผ่านBooking.com ได้มาในราคาคนละ 48.05 ริงกิต ประมาณ 432.45 บาท อันนี้ไปจ่ายเงินสดที่โรงแรมเลย
หลังจากจองทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็นับวันรอล่ะครับ ไม่นานครับ ครึ่งปีกว่าๆเอง 5555

ใจจดใจจ่อมาก ผมพยายามที่จะใช้ระบบขนส่งมวลชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นวิธีที่ประหยัด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ หาข้อมูลได้ยากมาก อ่านหลายๆกระทู้ก็ไม่ค่อยเจอแบกเป้แบบผมเลย ส่วนใหญ่จะพักแบบรีสอร์ทหรือคลับเมด ถ้าให้ผมไปแบบนั้นก็คงทำได้ แต่คงอดทริปไปอีกหลายเดือน ไอเรามันคนอยู่ไม่ติดบ้าน ต้องออกไปเที่ยวทุกเดือน โดนพ่อแม่บ่นจนด้านชาไปแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ
สำหรับเรื่องวีซ่า ทั้งมาเลเซียและมัลดีฟส์ไม่ต้องทำวีซ่าครับ แค่มีพาสปอร์ตที่เหลือวันหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน สามารถอยู่ได้ 30 วัน อันนี้ยิ่งไม่ต้องกังวลครับ ขืนอยู่กันครบเดือนนี่ มีหวังได้ขายรถเที่ยวแน่ๆ

ร่ายมายาวละ ตามผมมาเที่ยวด้วยกันเลยครับ
7มีนาคม2559
หลังจากทำงานเสร็จในช่วงเช้า ผมก็รีบกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำและเอากระเป๋าออกมา รีบรนมากกลัวจะตกเครื่อง ไฟลท์บิน 13.00 น. เปิดฤกษ์ได้สวยงามมากครับ หูจับกระเป๋าหักตอนยกกระเป๋าขึ้นรถ คงจะทุลักทุเลไปตลอดทริปสินะ จากบ้านผมไปสนามบินสุราษฎร์ประมาณ 35 กม. ที่สนามบินสามารถจอดรถค้างคืนได้ฟรีครับ พอถึงสนามบินก็รีบตรงไปที่ตม.เลยครับ ผมทำเว็ปเช็คอินมาจากบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องไปเข้าแถวเช็คอินให้เสียเวลา ผ่านตม.และสแกนกระเป๋ามาปุ๊บก็มานั่งรอหน้าเกทเลยครับ ที่นี่มีเกทอินเตอร์แค่เกทเดียว ฉะนั้น ไม่ต้องหาครับ
ระหว่างที่อยู่บนเครื่อง หิวจัด เลยสั่งอาหารมากินกับน้ำเปล่า 1 ขวด จำชื่อเมนูไม่ได้ ตอนแรกจะสั่งกระเพราไก่ แต่หมด ได้เป็นอาหารมาเลย์มาแทน ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวเลย ไม่ได้ถ่ายรูป มื้อนี้จ่ายเงินไทยหมดไป 163 บาท ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์2 (Kuala Lumpur International Airport 2 หรือ KLIA2) เวลา 15.20 น. ถึงก่อนเวลา 15 นาที เวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชม.ครับ สนามบินที่นี่ใหญ่โตมากครับ น่าจะเป็นฐานการบินของโลวคอสต์ หลักๆเกินครึ่งเป็นแอร์เอเชีย เดินเข้างวงมาปุ๊บ ก็เดินตามคนอื่นไปได้เลยครับ เดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงตม. ก็มีซักไซ้บ้าง แต่ไม่ได้ถามอะไรมากมายครับ ผ่านฉลุย มาที่สแกนกระเป๋า ก็ถึงทางออกแล้วครับ
ผมนัดกับเพื่อนที่เป็นคนมาเลย์ รู้จักกันตอนผมไปปูซานคนเดียวเลยขอเขาร่วมทริปไปด้วย ชื่อHarith เขาเป็นนักบินของแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งเพิ่งบินกลับมาที่KLIA2พอดี เลยอาสาพาผมไปส่งในตัวเมืองครับ รู้สึกเกรงใจมาก ถามว่าไปมั้ย ไปสิครับ 5555 ประหยัดไปอีก อ้อ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการเดินทางเข้าเมือง มีรถบัส 11 ริงกิต และรถไฟความเร็วสูง KLIA Ekspres หรือ Airport Rial Link ราคา 35 ริงกิตต่อเที่ยว ระยะทาง 60 กม. รถจะไปถึงที่KL Sentral จากจุดนี้สามารถต่อรถไฟฟ้าได้อีกหลายสายด้วยครับ

การเดินทางในกัวลาลัมเปอร์ครับ
ระหว่างทางก็ไม่ได้พูดกันอะไรมาก ชวนเขาไปเที่ยวด้วย แต่พรุ่งนี้เขามีบินเช้า เลยไม่ได้ไปไหนด้วยกัน Harithส่งผมถึงหน้าโรงแรมก่อนจะอำลากัน ซึ่งก็ได้ขอบคุณและชักชวนHarithไปเที่ยวสุราษฎร์ธานีบ้านผมบ้าง ก่อนหน้านี้เขาสนใจที่จะไปเที่ยวเขาสก แต่ก็กำลังหาโอกาสไปอยู่
ผมเช็คอินที่โรงแรมCitin Hotel Masjid Jamek by Compass Hospitality ราคารวมVat ห้องละ 96.10ริงกิต จองไว้ 2 ห้อง อยู่ชั้น2 มีค่ามัดจำ 100 ริงกิต สภาพห้องสะอาด ไม่ได้กว้างขวางมาก อาจจะดูอึดอัดบ้างเพราะไม่มีหน้าต่าง แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะแค่ไว้ซุกหัวนอนเฉยๆ ยังดีที่มีวายฟายฟรี แรงด้วย โรงแรมนี้ยังมีข้อดีอีก 3 อย่าง คือ มีอาหารเช้าให้ฟรี อยู่ใจกลางย่านช็อปปิ้ง ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างมัสยิดจาเม็ก จตุรัสเมอร์เดก้า KL Gallery และอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าLRT
หลังจากเข้าห้องเก็บสัมภาระเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นกันต่อ ได้ข้าวเกรียบหน้าโรงแรมมากินเล่น 1 ริงกิต สำหรับทริปนี้ ผมไม่ได้เจาะลึกกัวลาลัมเปอร์มาก ซึ่งตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวด้วยซ้ำ แค่จะแวะมาต่อเครื่อง แต่วันที่ผมจองไปมัลดีฟส์ดันไม่มีไฟลท์บินจากสุราษฎร์ธานีมากัวลาลัมเปอร์ ก็เลยต้องแวะเที่ยว จะให้นอนรอที่สนามบินเป็นวันเป็นคืนก็กระไรอยู่ อีกอย่างก็คือผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ทั้งตั้งใจมาเที่ยว และมาต่อเครื่อง ทริปนี้ก็เลยเน้นพาน้องไปช๊อปปิ้งซะส่วนใหญ่ครับ
ผมออกจากโรงแรมเดินไปสถานีรถไฟฟ้าMasjid Jamek นั่งไปสถานีPasar seni แค่ 1 สถานีครับ ค่าโดยสาร 1.2 ริงกิต เดินออกมาจากสถานีเจอร้าน Texas Chicken จัดเลยครับ ประหนึ่งว่าอดตายมา 3 วัน จ่ายค่าเสียหายไป 13.35 ริงกิต ใครที่ชอบกินฟาสต์ฟู๊ดแต่อยากได้บรรยากาศแบบกินที่บ้าน ที่มาเลเซียน่าจะถูกใจครับ เพราะที่นี่เขาไม่มีส้อมและมีดให้ ต้องกินกับมือครับ สำหรับผมนี่ชอบเลย กินสะดวกดี

Petaling Street

Central Market
ที่แรกที่ผมไปคือPetaling Street หรือ Chinatown เลี้ยวขวามือแยกแรก หลังจากเดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า เป็นย่านของคนจีน ที่นี่จะมีถนนคนเดิน มีของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านแลกเงิน สำหรับใครที่ต้องการหาของที่ระลึกแนะนำที่นี่เลยครับ ราคาถูกกว่าย่านอื่นๆอย่างBukit bintang พอสมควร ของที่ระลึกที่เห็นส่วนมากจะเป็นพวกตึกแฝดจำลอง หอคอย พวงกุญแจ เสื้อยืด แต่ผมว่าช่วงนี้ที่นี่ซบเซาไปเยอะเลย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ร้านค้าก็บางตา ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยครับ หลังจากนั้นก็เดินไปCentral Market ที่นี่มีอายุตั้งร้อยกว่าปีแล้วครับ ก่อตั้งเมื่อปี 1888 เป็นแหล่งขายของที่ระลึกติดแอร์ ที่นี่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นงานแฮนด์เมด ราคาค่อนข้างสูง อาจจะเพราะหลายๆชิ้นเป็นงานประณีต เหมือนเดิมครับ เดินเล่นไปทั่วๆแล้วก็ออกมา ไม่ได้ซื้ออะไรครับ
หลังจากนั้น พวกเราก็กลับห้องกันครับ จากสถานีPasar seni กลับไปสถานีMasjid Jamek 1.2 ริงกิตเหมือนเดิมครับ ออกจากสถานีแวะ7-11 ซื้อบะหมี่กับยาพารามาหน่อย เวียนหัวเหลือเกิน ค่าบะหมี่ 2 ริงกิต ค่ายา 1.6 ริงกิต ค่ำมากแล้ว กลับห้อง อาบน้ำนอนครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
วันที่8มีนาคม2559
ตื่นกันแต่เช้าเสร็จ อาบน้ำทำธุระเสร็จ ก็ลงมาทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ต้องลงมาทานที่ชั้น1 หลังล็อบบี้ มีข้าวผัด หมี่ผัด ซีเรียล สลัด ไส้กรอก ไข่ต้ม ชา กาแฟ น้ำหวาน ยังมีอีกเยอะครับ จำไม่หมดครับ เอาเป็นว่า กินจนอิ่มก็แล้วกัน หลังจากทานเสร็จ ก็ขึ้นห้องไปเก็บกระเป๋าแล้วลงมาเช็คเอ้าท์ ได้ค่ามัดจำคืน แล้วฝากกระเป๋าไว้กับที่นี่ก่อนครับ ค่อยมาเอาตอนบ่ายสอง
ที่แรกที่จะไปของวันนี้คือ National Museum หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เราจะต้องไปลงที่สถานีKL Sentral นั่งจากสถานี Masjid Jamek เพียง 2 สถานี ค่าโดยสาร 1.6 ริงกิต ออกมาจากรถไฟฟ้าปุ๊บ เดินออกจากKL Sentral ใช้ประตูทิศเหนือ ฝั่งตรงข้ามประตูจะเป็นโรงแรม Hilton Kuala Lumpur เดินตามแผนที่เลยครับ เดินไปให้ถึงหมุดสีแดง จากนั้นจะมีป้ายบอกทางไปตลอดแล้วครับ เพราะถ้าให้กูเกิ้ลพาไป จะพาเดินอ้อมครับ ประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงครับ ทางเข้าจะเป็นทางด้านหลัง กำลังก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินสายใหม่อยู่เลยครับ อาจจะงงๆกับทางเดินเล็กน้อย ลองถามคนแถวนั้นดูนะครับ
เข้ามาในส่วนของพิพิธภัณฑ์ปุ๊บ จะมีส่วนของนิทรรศการที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ชมกันครับ แค่ลงชื่อ ข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อยก็เข้าได้แล้วครับ ที่สำคัญคือฟรีด้วย ช่วงนี้มีนิทรรศการเกี่ยวกับGambus เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่ Czech castles และอีกนิทรรศการโชว์พวกของเก่า ของล้ำค่าต่างๆ
ผ่านมา 3 นิทรรศการแล้ว แวะดื่มอะไรเย็นๆหน่อย ที่นี่มีร้านกาแฟ ชื่อ Gloria Jean’s Coffees มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอร์รี่ ดูน่าทานมาก ส่วนผมขอแค่ไอซ์ช็อกโกแลตแก้วเดียวพอ สนนราคา 14 ริงกิต พอนั่งพักดื่มเสร็จ ก็มาเข้าพิพิธภัณฑ์กัน อ้อ ช่องขายตั๋วอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟเลยครับ ไม่ได้อยู่ตรงประตูทางเข้า ด้วยความที่ไม่รู้ ผมก็ดุ่มๆเข้าไปเลย จนเจ้าหน้าที่บอกให้ออกไปซื้อตั๋วมาก่อน จ่ายค่าตั๋วไป คนละ 5 ริงกิต ก็เข้าไปข้างในกันครับ
พิพิธภัณฑ์ ที่นี่ใหญ่โตมากครับ ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1963 มี 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 4 ห้อง ห้องแรกเล่าถึงความเป็นมาของมาเลเซียตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงยุคเฟื่องฟู การเข้ามายึดตรองของอังกฤษ และกระดูกชายโครงมนุษย์อายุราว 1,000 ปี ห้องต่อมาเล่าเรื่องราวอารยธรรมมลายูและการรวมตัวก่อตั้งก๊กในมาเลย์ ห้องถัดมากล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญช่วงปี 1511-1945 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของโปรตุเกสในมะละกา ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และห้องสุดท้าย พูดถึงมาเลเซียหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ และความเป็นชนชาติมาเลเซียในยุคปัจจุบัน
แบ็คแพ็คมัลดีฟส์ หมื่นห้าก็ไปได้
ต้องขอเกริ่นนำก่อนว่า ทริปนี้ ผมอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆที่มีงบน้อยแต่ฝันอยากจะไปเล่นน้ำทะเลสวยๆที่มัลดีฟส์(กับเขาบ้าง) ฉะนั้น ขอเพื่อนๆงดดราม่านะครับ
สมาชิกในทริปนี้มีทั้งหมด4คน ซึ่งก็คือ น้องสาว และ น้องเขยของผมเอง ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันซึ่งจองตั๋วหลังสุดและมาแทนพี่สาวของผมที่ยกเลิกไป เพราะพี่สาวของผมเป็นครู ระเบียบการลงการลาก็ค่อนข้างยุ่งยาก ลามาครั้งนึงแล้วตอนทริปปักกิ่งช่วงปีใหม่ มาลาป่วยอีก เกรงว่าครั้งนี้ ถ้าลาไปกลัวจะเปลี่ยนจากลากิจเป็นลาออก ก็เลยต้องทิ้งตั๋วไป 2 ขา ไว้วันหน้าจะพาไปใหม่นะจ๊ะคุณพี่จ๋า
ผมจองตั๋วกับแอร์เอเชียทั้งหมด 4 ขา สุราษฎร์ธานี-กัวลาลัมเปอร์ ( ไปกลับ) กัวลาลัมเปอร์-มาเล่ (ไปกลับ) ซึ่งตอนแรกได้จองตั๋วโปรของAirasiabig ใช้แต้มbig 500 แต้ม กับเพิ่มเงินอีกคนละ 3,761 บาท จองกันข้ามชาติเลยทีเดียว กว่าจะได้เดินทางก็อีก 7 เดือนกว่านู่น แล้วค่อยมาหาตั๋วโปรจากสุราษฎร์ธานีไปกัวลาลัมเปอร์ทีหลัง สอยมาได้ในราคา 1,651 บาทต่อคน สำหรับเพื่อนๆที่งงว่า แต้มของAirasiabig คืออะไร ผมขอข้ามไปละกันนะครับ ยังไงก็ลองค้นกระทู้ดูนะครับ น่าจะมีเยอะ เพราะผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
หลังจากนั้น ผมจองที่พักผ่านAgoda.comซึ่งสำรวจมาแล้วว่าถูกที่สุดในวันนั้น ได้มาในราคา 8,404 บาท 2 ห้อง 4 คืน ตัดผ่านบัตรเครดิต หาร 4 คนๆละ 2,101 บาท และจองที่พักที่กัวลาลัมเปอร์ผ่านBooking.com ได้มาในราคาคนละ 48.05 ริงกิต ประมาณ 432.45 บาท อันนี้ไปจ่ายเงินสดที่โรงแรมเลย
หลังจากจองทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็นับวันรอล่ะครับ ไม่นานครับ ครึ่งปีกว่าๆเอง 5555
สำหรับเรื่องวีซ่า ทั้งมาเลเซียและมัลดีฟส์ไม่ต้องทำวีซ่าครับ แค่มีพาสปอร์ตที่เหลือวันหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน สามารถอยู่ได้ 30 วัน อันนี้ยิ่งไม่ต้องกังวลครับ ขืนอยู่กันครบเดือนนี่ มีหวังได้ขายรถเที่ยวแน่ๆ
7มีนาคม2559
หลังจากทำงานเสร็จในช่วงเช้า ผมก็รีบกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำและเอากระเป๋าออกมา รีบรนมากกลัวจะตกเครื่อง ไฟลท์บิน 13.00 น. เปิดฤกษ์ได้สวยงามมากครับ หูจับกระเป๋าหักตอนยกกระเป๋าขึ้นรถ คงจะทุลักทุเลไปตลอดทริปสินะ จากบ้านผมไปสนามบินสุราษฎร์ประมาณ 35 กม. ที่สนามบินสามารถจอดรถค้างคืนได้ฟรีครับ พอถึงสนามบินก็รีบตรงไปที่ตม.เลยครับ ผมทำเว็ปเช็คอินมาจากบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องไปเข้าแถวเช็คอินให้เสียเวลา ผ่านตม.และสแกนกระเป๋ามาปุ๊บก็มานั่งรอหน้าเกทเลยครับ ที่นี่มีเกทอินเตอร์แค่เกทเดียว ฉะนั้น ไม่ต้องหาครับ
ระหว่างที่อยู่บนเครื่อง หิวจัด เลยสั่งอาหารมากินกับน้ำเปล่า 1 ขวด จำชื่อเมนูไม่ได้ ตอนแรกจะสั่งกระเพราไก่ แต่หมด ได้เป็นอาหารมาเลย์มาแทน ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวเลย ไม่ได้ถ่ายรูป มื้อนี้จ่ายเงินไทยหมดไป 163 บาท ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์2 (Kuala Lumpur International Airport 2 หรือ KLIA2) เวลา 15.20 น. ถึงก่อนเวลา 15 นาที เวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชม.ครับ สนามบินที่นี่ใหญ่โตมากครับ น่าจะเป็นฐานการบินของโลวคอสต์ หลักๆเกินครึ่งเป็นแอร์เอเชีย เดินเข้างวงมาปุ๊บ ก็เดินตามคนอื่นไปได้เลยครับ เดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงตม. ก็มีซักไซ้บ้าง แต่ไม่ได้ถามอะไรมากมายครับ ผ่านฉลุย มาที่สแกนกระเป๋า ก็ถึงทางออกแล้วครับ
ผมนัดกับเพื่อนที่เป็นคนมาเลย์ รู้จักกันตอนผมไปปูซานคนเดียวเลยขอเขาร่วมทริปไปด้วย ชื่อHarith เขาเป็นนักบินของแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งเพิ่งบินกลับมาที่KLIA2พอดี เลยอาสาพาผมไปส่งในตัวเมืองครับ รู้สึกเกรงใจมาก ถามว่าไปมั้ย ไปสิครับ 5555 ประหยัดไปอีก อ้อ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการเดินทางเข้าเมือง มีรถบัส 11 ริงกิต และรถไฟความเร็วสูง KLIA Ekspres หรือ Airport Rial Link ราคา 35 ริงกิตต่อเที่ยว ระยะทาง 60 กม. รถจะไปถึงที่KL Sentral จากจุดนี้สามารถต่อรถไฟฟ้าได้อีกหลายสายด้วยครับ
การเดินทางในกัวลาลัมเปอร์ครับ
ระหว่างทางก็ไม่ได้พูดกันอะไรมาก ชวนเขาไปเที่ยวด้วย แต่พรุ่งนี้เขามีบินเช้า เลยไม่ได้ไปไหนด้วยกัน Harithส่งผมถึงหน้าโรงแรมก่อนจะอำลากัน ซึ่งก็ได้ขอบคุณและชักชวนHarithไปเที่ยวสุราษฎร์ธานีบ้านผมบ้าง ก่อนหน้านี้เขาสนใจที่จะไปเที่ยวเขาสก แต่ก็กำลังหาโอกาสไปอยู่
ผมเช็คอินที่โรงแรมCitin Hotel Masjid Jamek by Compass Hospitality ราคารวมVat ห้องละ 96.10ริงกิต จองไว้ 2 ห้อง อยู่ชั้น2 มีค่ามัดจำ 100 ริงกิต สภาพห้องสะอาด ไม่ได้กว้างขวางมาก อาจจะดูอึดอัดบ้างเพราะไม่มีหน้าต่าง แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะแค่ไว้ซุกหัวนอนเฉยๆ ยังดีที่มีวายฟายฟรี แรงด้วย โรงแรมนี้ยังมีข้อดีอีก 3 อย่าง คือ มีอาหารเช้าให้ฟรี อยู่ใจกลางย่านช็อปปิ้ง ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างมัสยิดจาเม็ก จตุรัสเมอร์เดก้า KL Gallery และอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าLRT
หลังจากเข้าห้องเก็บสัมภาระเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นกันต่อ ได้ข้าวเกรียบหน้าโรงแรมมากินเล่น 1 ริงกิต สำหรับทริปนี้ ผมไม่ได้เจาะลึกกัวลาลัมเปอร์มาก ซึ่งตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวด้วยซ้ำ แค่จะแวะมาต่อเครื่อง แต่วันที่ผมจองไปมัลดีฟส์ดันไม่มีไฟลท์บินจากสุราษฎร์ธานีมากัวลาลัมเปอร์ ก็เลยต้องแวะเที่ยว จะให้นอนรอที่สนามบินเป็นวันเป็นคืนก็กระไรอยู่ อีกอย่างก็คือผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ทั้งตั้งใจมาเที่ยว และมาต่อเครื่อง ทริปนี้ก็เลยเน้นพาน้องไปช๊อปปิ้งซะส่วนใหญ่ครับ
ผมออกจากโรงแรมเดินไปสถานีรถไฟฟ้าMasjid Jamek นั่งไปสถานีPasar seni แค่ 1 สถานีครับ ค่าโดยสาร 1.2 ริงกิต เดินออกมาจากสถานีเจอร้าน Texas Chicken จัดเลยครับ ประหนึ่งว่าอดตายมา 3 วัน จ่ายค่าเสียหายไป 13.35 ริงกิต ใครที่ชอบกินฟาสต์ฟู๊ดแต่อยากได้บรรยากาศแบบกินที่บ้าน ที่มาเลเซียน่าจะถูกใจครับ เพราะที่นี่เขาไม่มีส้อมและมีดให้ ต้องกินกับมือครับ สำหรับผมนี่ชอบเลย กินสะดวกดี
Petaling Street
Central Market
ที่แรกที่ผมไปคือPetaling Street หรือ Chinatown เลี้ยวขวามือแยกแรก หลังจากเดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า เป็นย่านของคนจีน ที่นี่จะมีถนนคนเดิน มีของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านแลกเงิน สำหรับใครที่ต้องการหาของที่ระลึกแนะนำที่นี่เลยครับ ราคาถูกกว่าย่านอื่นๆอย่างBukit bintang พอสมควร ของที่ระลึกที่เห็นส่วนมากจะเป็นพวกตึกแฝดจำลอง หอคอย พวงกุญแจ เสื้อยืด แต่ผมว่าช่วงนี้ที่นี่ซบเซาไปเยอะเลย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ร้านค้าก็บางตา ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยครับ หลังจากนั้นก็เดินไปCentral Market ที่นี่มีอายุตั้งร้อยกว่าปีแล้วครับ ก่อตั้งเมื่อปี 1888 เป็นแหล่งขายของที่ระลึกติดแอร์ ที่นี่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นงานแฮนด์เมด ราคาค่อนข้างสูง อาจจะเพราะหลายๆชิ้นเป็นงานประณีต เหมือนเดิมครับ เดินเล่นไปทั่วๆแล้วก็ออกมา ไม่ได้ซื้ออะไรครับ
หลังจากนั้น พวกเราก็กลับห้องกันครับ จากสถานีPasar seni กลับไปสถานีMasjid Jamek 1.2 ริงกิตเหมือนเดิมครับ ออกจากสถานีแวะ7-11 ซื้อบะหมี่กับยาพารามาหน่อย เวียนหัวเหลือเกิน ค่าบะหมี่ 2 ริงกิต ค่ายา 1.6 ริงกิต ค่ำมากแล้ว กลับห้อง อาบน้ำนอนครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
วันที่8มีนาคม2559
ตื่นกันแต่เช้าเสร็จ อาบน้ำทำธุระเสร็จ ก็ลงมาทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ต้องลงมาทานที่ชั้น1 หลังล็อบบี้ มีข้าวผัด หมี่ผัด ซีเรียล สลัด ไส้กรอก ไข่ต้ม ชา กาแฟ น้ำหวาน ยังมีอีกเยอะครับ จำไม่หมดครับ เอาเป็นว่า กินจนอิ่มก็แล้วกัน หลังจากทานเสร็จ ก็ขึ้นห้องไปเก็บกระเป๋าแล้วลงมาเช็คเอ้าท์ ได้ค่ามัดจำคืน แล้วฝากกระเป๋าไว้กับที่นี่ก่อนครับ ค่อยมาเอาตอนบ่ายสอง
ที่แรกที่จะไปของวันนี้คือ National Museum หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เราจะต้องไปลงที่สถานีKL Sentral นั่งจากสถานี Masjid Jamek เพียง 2 สถานี ค่าโดยสาร 1.6 ริงกิต ออกมาจากรถไฟฟ้าปุ๊บ เดินออกจากKL Sentral ใช้ประตูทิศเหนือ ฝั่งตรงข้ามประตูจะเป็นโรงแรม Hilton Kuala Lumpur เดินตามแผนที่เลยครับ เดินไปให้ถึงหมุดสีแดง จากนั้นจะมีป้ายบอกทางไปตลอดแล้วครับ เพราะถ้าให้กูเกิ้ลพาไป จะพาเดินอ้อมครับ ประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงครับ ทางเข้าจะเป็นทางด้านหลัง กำลังก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินสายใหม่อยู่เลยครับ อาจจะงงๆกับทางเดินเล็กน้อย ลองถามคนแถวนั้นดูนะครับ
เข้ามาในส่วนของพิพิธภัณฑ์ปุ๊บ จะมีส่วนของนิทรรศการที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ชมกันครับ แค่ลงชื่อ ข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อยก็เข้าได้แล้วครับ ที่สำคัญคือฟรีด้วย ช่วงนี้มีนิทรรศการเกี่ยวกับGambus เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่ Czech castles และอีกนิทรรศการโชว์พวกของเก่า ของล้ำค่าต่างๆ
ผ่านมา 3 นิทรรศการแล้ว แวะดื่มอะไรเย็นๆหน่อย ที่นี่มีร้านกาแฟ ชื่อ Gloria Jean’s Coffees มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอร์รี่ ดูน่าทานมาก ส่วนผมขอแค่ไอซ์ช็อกโกแลตแก้วเดียวพอ สนนราคา 14 ริงกิต พอนั่งพักดื่มเสร็จ ก็มาเข้าพิพิธภัณฑ์กัน อ้อ ช่องขายตั๋วอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟเลยครับ ไม่ได้อยู่ตรงประตูทางเข้า ด้วยความที่ไม่รู้ ผมก็ดุ่มๆเข้าไปเลย จนเจ้าหน้าที่บอกให้ออกไปซื้อตั๋วมาก่อน จ่ายค่าตั๋วไป คนละ 5 ริงกิต ก็เข้าไปข้างในกันครับ
พิพิธภัณฑ์ ที่นี่ใหญ่โตมากครับ ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1963 มี 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 4 ห้อง ห้องแรกเล่าถึงความเป็นมาของมาเลเซียตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงยุคเฟื่องฟู การเข้ามายึดตรองของอังกฤษ และกระดูกชายโครงมนุษย์อายุราว 1,000 ปี ห้องต่อมาเล่าเรื่องราวอารยธรรมมลายูและการรวมตัวก่อตั้งก๊กในมาเลย์ ห้องถัดมากล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญช่วงปี 1511-1945 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของโปรตุเกสในมะละกา ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และห้องสุดท้าย พูดถึงมาเลเซียหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ และความเป็นชนชาติมาเลเซียในยุคปัจจุบัน