เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ระบบการศึกษาเราวุ่นวายมาก โดยเฉพาะเด็กมหาวิทยาลัย กับเด็ก ม.ปลาย คงจำกันได้ เล่นเลื่อน 6 เดือน เด็กที่กำลังจะเข้าปี1 ต้องว่าง 4-6 เดือน ส่วนเด็กที่กำลังเรียนอยู่ต้องวุ่นวายกับการเร่งเรียนให้จบ เหตุผลคือต้องการปรับเวลาให้เข้ากับ AEC
ผลคือ เด็กมัธยมต้องหายใจทิ้งไปครึ่งปี
พอมาเริ่มเข้าเรียนก็ปรับตัวแทบไม่ทัน เด็กปีสี่ที่กำลังจะจบก็ต้องเร่งสอบให้จบก่อนรุ่นน้องที่จะดันให้จบตามเวลาใหม่
แถมตอนเรียนช่วงหน้าร้อนอย่างเดือนเมษา แทนที่จะปิดเทอม ต้องมาเรียนท่ามกลางแดดระอุยังกะทะเลทราย ห้องเรียนก็ต้องเปิดแอร์ ค่าไฟพุ่งกระฉูด แทนที่เวลานั้นปิดเทอมไม่ต้องใช้งาน
ของแถมที่ไม่รู้คิดกันหรือเปล่า คือธุรกิจรอบๆมหาวิทยาลัยต้องปิดตัวกันระนาว อย่างหอพัก ร้านอาหาร ร้านค้า เพราะไม่มีใครจ่ายค่าเช่าทิ้งไว้เป็นครึ่งปี
แต่ปลายปีที่แล้ว มีคนมาเปิดข้อมูลว่าประเทศอื่นใน AEC ไม่ได้มีเวลาเปิดปิดตามเหตุผลนี้เลย
ตามข่าวนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443530432
ที่สงสัยคือ มหาวิทยาลัย มีผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย โดยเฉพาะสายบริหารธุรกิจ ซึ่งจะต้องเชี่ยวชาญบริหารจัดการโครงการสารพัด กลับไม่เห็นว่าทักท้วง หรือทำการวิจัยก่อนปรับเปลี่ยนหักดิบแบบนี้ ปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนให้คนหลายล้านคนทั่วประเทศ ผมคงไม่ได้ประเมินจำนวนคนผิดไปนะ เพราะเด็ก 1 คน มีคนที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยก็ 2 คน เด็กที่อยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งหมดกี่แสนคน เด็กมัธยมกี่แสนคน อาจารย์กี่หมื่นคน ประเทศเรานี่มันอ่อนแอทางความคิดกันได้ขนาดนี้เลยหรือ เรื่องที่กระทบกับชีวิตคนขนาดนี้ยังยอมก้มหน้ารับชะตากรรมกันง่ายๆ ไม่มีใครลุกขึ้นมาโวยวาย
นี่เห็นว่ากำลังจะเปลี่ยนกลับอีกแล้ว ช่วยหาวิธีที่มันกระทบกับผู้คนให้น้อยที่สุดได้ใหม
ใหนๆเรื่องก็ผ่านไปแล้ว คงต้องแก้ปัญหากันต่อ
และที่อยากรู้มากคือ มีใครพอจะทราบมั้ยว่า ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้ ช่วยขุดมาประจานกันหน่อยเถอะ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเขาผู้นั้นหน่อย
ใครเป็นคนต้นคิดเปลี่ยนเวลาภาคเรียนตาม AEC
ผลคือ เด็กมัธยมต้องหายใจทิ้งไปครึ่งปี
พอมาเริ่มเข้าเรียนก็ปรับตัวแทบไม่ทัน เด็กปีสี่ที่กำลังจะจบก็ต้องเร่งสอบให้จบก่อนรุ่นน้องที่จะดันให้จบตามเวลาใหม่
แถมตอนเรียนช่วงหน้าร้อนอย่างเดือนเมษา แทนที่จะปิดเทอม ต้องมาเรียนท่ามกลางแดดระอุยังกะทะเลทราย ห้องเรียนก็ต้องเปิดแอร์ ค่าไฟพุ่งกระฉูด แทนที่เวลานั้นปิดเทอมไม่ต้องใช้งาน
ของแถมที่ไม่รู้คิดกันหรือเปล่า คือธุรกิจรอบๆมหาวิทยาลัยต้องปิดตัวกันระนาว อย่างหอพัก ร้านอาหาร ร้านค้า เพราะไม่มีใครจ่ายค่าเช่าทิ้งไว้เป็นครึ่งปี
แต่ปลายปีที่แล้ว มีคนมาเปิดข้อมูลว่าประเทศอื่นใน AEC ไม่ได้มีเวลาเปิดปิดตามเหตุผลนี้เลย
ตามข่าวนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443530432
ที่สงสัยคือ มหาวิทยาลัย มีผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย โดยเฉพาะสายบริหารธุรกิจ ซึ่งจะต้องเชี่ยวชาญบริหารจัดการโครงการสารพัด กลับไม่เห็นว่าทักท้วง หรือทำการวิจัยก่อนปรับเปลี่ยนหักดิบแบบนี้ ปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนให้คนหลายล้านคนทั่วประเทศ ผมคงไม่ได้ประเมินจำนวนคนผิดไปนะ เพราะเด็ก 1 คน มีคนที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยก็ 2 คน เด็กที่อยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งหมดกี่แสนคน เด็กมัธยมกี่แสนคน อาจารย์กี่หมื่นคน ประเทศเรานี่มันอ่อนแอทางความคิดกันได้ขนาดนี้เลยหรือ เรื่องที่กระทบกับชีวิตคนขนาดนี้ยังยอมก้มหน้ารับชะตากรรมกันง่ายๆ ไม่มีใครลุกขึ้นมาโวยวาย
นี่เห็นว่ากำลังจะเปลี่ยนกลับอีกแล้ว ช่วยหาวิธีที่มันกระทบกับผู้คนให้น้อยที่สุดได้ใหม
ใหนๆเรื่องก็ผ่านไปแล้ว คงต้องแก้ปัญหากันต่อ
และที่อยากรู้มากคือ มีใครพอจะทราบมั้ยว่า ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้ ช่วยขุดมาประจานกันหน่อยเถอะ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเขาผู้นั้นหน่อย