คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
จากข่าวและเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มา เราขอสรุปและแสดงความเห็นด้วยแผนภาพง่ายๆ ไว้ดังนี้ค่ะ

เมื่อเศรษฐกิจประเทศเติบโต ----> ประชาชนอยู่ดีมีสุข เราก็พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้เต็มที่
เมื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพดีแล้ว ----> ประชาธิปไตยก็เข้มแข็ง
เมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง ----> มีความโปร่งใส การตรวจสอบโครงการต่างๆ เป็นไปด้วยดี
เมื่อระบบบำรุงรักษาดี ----> การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก็มีความยั่งยืน ตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างแท้จริง
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืน ----> เศรษฐกิจก็เติบโต ประเทศก็พัฒนา
แล้วมันก็ส่งผลต่อเนื่องกันไป เราเคยโชคดีมีนายกที่มีวิสัยทัศน์พัฒนาประเทศให้ก้าวไกล เพื่อประชาชนอยู่ดีมีสุข
เน้นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง แต่แล้ว ก็ต้องถูกคนบางกลุ่มวาดภาพให้เป็นปิศาจร้าย
จนวันนี้ประเทศเราห่างไกลจากวงจรข้างต้นไปแล้ว
ปล. ยินดีด้วยกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศที่กำลังมีทิศทางที่ดี และขอเอาใจช่วย
(เผลอกดลบรูปไป เลยมาเพิ่มรูปค่ะ ไม่ได้แก้ไขเนื้อความใดๆ)

เมื่อเศรษฐกิจประเทศเติบโต ----> ประชาชนอยู่ดีมีสุข เราก็พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้เต็มที่
เมื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพดีแล้ว ----> ประชาธิปไตยก็เข้มแข็ง
เมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง ----> มีความโปร่งใส การตรวจสอบโครงการต่างๆ เป็นไปด้วยดี
เมื่อระบบบำรุงรักษาดี ----> การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก็มีความยั่งยืน ตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างแท้จริง
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืน ----> เศรษฐกิจก็เติบโต ประเทศก็พัฒนา
แล้วมันก็ส่งผลต่อเนื่องกันไป เราเคยโชคดีมีนายกที่มีวิสัยทัศน์พัฒนาประเทศให้ก้าวไกล เพื่อประชาชนอยู่ดีมีสุข
เน้นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง แต่แล้ว ก็ต้องถูกคนบางกลุ่มวาดภาพให้เป็นปิศาจร้าย
จนวันนี้ประเทศเราห่างไกลจากวงจรข้างต้นไปแล้ว
ปล. ยินดีด้วยกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศที่กำลังมีทิศทางที่ดี และขอเอาใจช่วย
(เผลอกดลบรูปไป เลยมาเพิ่มรูปค่ะ ไม่ได้แก้ไขเนื้อความใดๆ)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
จริงๆควรมองว่าทำไมเอกชนไทยไม่เข้าไปทำแบบที่ญี่ปุ่นทำ ไม่ใช่เฉพาะพม่า CLMV ทุกประเทศนี่คือแหล่งรายได้หลักของไทยในอนาคต การลงทุนในประเทศเหล่านี้เงินลงทุนจากไทยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่จีนหรือญี่ปุ่น อย่าไปกลัวพม่า เวียดนามจะเจริญแซงไทย ยิ่งประเทศเหล่านี้จะเจริญมากเท่าไหร่ ไทยก็ยิ่งรับทรัพย์มากเท่านั้น
เหมือนตอนที่ญี่ปุ่นมาลงทุนไทยสมัยแรกๆมันเสี่ยง แต่ตอนนี้มันก็คุ้มค่ามาก ญี่ปุ่นรับทรัพย์ได้กำไรไปมหาศาล ไทยต้องแข่งไม่งั้นจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เอาไปหมด ถึงตอนนั้นเราก็จะเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไปค่อยเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนเรื่อยๆ ไม่คิดจะออกไปหาเงินเข้ามาจากนอกประเทศแบบตอนนี้
เหมือนตอนที่ญี่ปุ่นมาลงทุนไทยสมัยแรกๆมันเสี่ยง แต่ตอนนี้มันก็คุ้มค่ามาก ญี่ปุ่นรับทรัพย์ได้กำไรไปมหาศาล ไทยต้องแข่งไม่งั้นจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เอาไปหมด ถึงตอนนั้นเราก็จะเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไปค่อยเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนเรื่อยๆ ไม่คิดจะออกไปหาเงินเข้ามาจากนอกประเทศแบบตอนนี้
แสดงความคิดเห็น
---- เมียนมาสร้างเมืองใหม่ จับมืออังกฤษญี่ปุ่นทำแผนแม่บท ----
อังกฤษและญี่ปุ่นจับมือช่วยเมียนมาวางแผนแม่บทสร้างเขตเมืองใหม่ของเมืองมัณฑะเลย์ ปะเต็นในรัฐอิรวดีและมะละแหม่งในรัฐมอญ เผยเป็น 3 เมืองของเมียนมา ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและเป็นแหล่งท่องเที่ยว ระบุแผน 2 ดึงนักลงทุนร่วมพัฒนาเขตเมืองใหม่
หนังสือพิมพ์เมียนมาอีเลฟเว่นรายงานว่า บริษัทที่ปรึกษาอังกฤษและองค์การความร่วมมือนานาชาติของญี่ปุ่น(ไจก้า) ร่วมกันวางแผนพัฒนาเขตเมืองใหม่ ใช้เวลารวบรวมข้อมูลของพื้นที่ 6 เดือนเริ่มตั้งแต่เดือน มกราคมที่ผ่านมามีทีมงานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากไจก้า 6 คนและที่ปรึกษาจากอังกฤษ 1 คน ทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐของแต่ละเมือง
นายคูนิโอมิ ฮิราโน ตัวแทนจากบริษัทนิปปอน โคอิฯ ที่ร่วมในโครงการดังกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า “หลังจากสำรวจและรวบรวมข้อมูล แล้วจะมีการเสนอ วิสัยทัศน์การพัฒนาเมือง พื้นที่เป้าหมาย และลำดับความสำคัญและขั้นตอนของการพัฒนา”
เมียนมาอีเลฟเว่น ระบุว่าความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและอังกฤษเกิดขึ้นหลังจากที่ รัฐบาลอังกฤษประกาศจะให้ความช่วยเหลือเมียนมาเป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,800 ล้านบาท) สำหรับลงทุนพัฒนาด้านการค้าและโครงสร้างพื้นฐาน
เอกอัครราชฑูตอังกฤษประจำเมียนมานายแอนดรูว์ แพททริค กล่าวว่าอังกฤษมีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในเมียนมาซึ่งรวมทั้งการสร้างถนนและพลังงาน โดยภาคเอกชนอังกฤษมีความเชี่ยวชาญวางแผนสร้างเขตเมืองใหม่และกระตือรือร้นที่จะช่วยเมียนมาในเรื่องนี้
ทูตอังกฤษประจำเมียนมาระบุว่า บริษัทของอังกฤษ พร้อมที่จะร่วมกับหน่วยงานญี่ปุ่นสนับสนุนประชาธิปไตย กฎหมายและสิทธิมนุษยชนในเมียนมา โดยโครงสร้างพื้นฐานเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สนับสนุนเศรษฐกิจและประชาธิปไตย “หากปราศจากโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศจะเติบโตได้ยากซึ่งมีผลให้ประชาธิปไตยไม่เติบโตไปด้วย”
นายเคอิจิโร่ นากาซาวะ หัวหน้าสำนักงานไจก้าในเมียนมา กล่าวว่า ไจก้าขณะนี้มีหลายโครงการในเมียนมาอยู่แล้วและโครงการวางแผนสร้างเมืองใหม่นี้ถือว่าเป็นงานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการดำเนินงานต่อไปหรือไจก้าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานขั้นต่อไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ของเมียนมา เพราะแผนงานดังกล่าวเป็นการลงทุนขนาดใหญ่เฉพาะสร้างถนนอย่างเดียวต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 160,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 4,630 ล้านบาท) โดยทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นพร้อมจะทำแผนให้กับเมืองอื่นๆ ด้วย
นายนากาซาวะ ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือเมียนมาผ่านไจก้า 200,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 58 ล้านบาท) และมีเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนให้อีก 1 ล้านล้านจ๊าต ซึ่งทางเมียนมายังไม่ได้เบิกใช้สำหรับการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยขณะนี้ไจก้ามีโครงการช่วยเหลือทางด้านการเงิน สำหรับโครงการในเมียนมา 60 โครงการส่วนโครงการอื่น ๆ จะต้องคุยกับรัฐบาลใหม่ในการเดินหน้าให้ความช่วยเหลือต่อไป
นากาซาวะ กล่าวว่าจะต้องมีการคุยกับรัฐบาลใหม่ของเมียนมา เนื่องจากขณะนี้ เมียนมากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ซึ่งล่าสุดพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยใหม่ (เอ็นแอลดี) ของนางอองซาน ซูจี ได้เสนอ นายทิน จ่อ คนสนิทของนางซูจี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมียนมา โดยคาดว่านางซูจี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
ขณะนี้รัฐบาลที่จะมีนายทิน จ่อ เป็นประธานาธิบดี จะบริหารประเทศไปในทิศทางใดเนื่องจากยังไม่มีการแถลงนโยบาย แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกจะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอังกฤษจะดีขึ้นเป็นลำดับ
หัวหน้าสำนักงานไจก้าในเมียนมากล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของเมียนมาในขณะนี้คือเรื่องเงินทุน ขณะที่งานที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของเมียนมาคืองานทางด้านการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ
“ถ้าทำโครงการใหญ่ ๆ แต่ไม่มีการบำรุงรักษาที่ดีก็จะทำให้โครงการต่างๆ ไม่มีความยั่งยืน ดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถของสถาบันต่างๆ ในด้านการบริหารจัดการรวมทั้งการดูแลบำรุงรักษาโครงการต่าง ๆ ไปในเวลาเดียวกันด้วย”
นายนากาซาวะ กล่าวว่า “การจะพัฒนา สถาบันต่างๆ ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น สิ่งที่สำคัญคือจะต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสามารถและเพียงพอ”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,140 วันที่ 17 – 19 มีนาคม พ.ศ. 2559
- ดีใจกับพม่าด้วยครับ พี่ไทยเราไม่รีบ 😁😁