เกมวัดพลังค่ายมือถือ!!! AIS เพลี่ยงพล้ำถูกเขย่าหนัก “ทรู” โหมกระสุนดินดำไล่บี้


เกมวัดพลังค่ายมือถือ!!! AIS เพลี่ยงพล้ำถูกเขย่าหนัก “ทรู” โหมกระสุนดินดำไล่บี้
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา ฉบับวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559



        ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปีนี้อาจเป็นปีชง “เอไอเอส” ในขณะที่บางรายดวงอาจพุ่งทะลุขีดสุดด้วยซ้ำ ธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทย เรียกได้ว่าเป็น “ธุรกิจการเมือง” มาตั้งแต่ยุครัฐวิสาหกิจแสวงหาเมืองขึ้นในรูปแบบสัญญาสัมปทาน ที่กำกับดูแลโดยบอร์ดและกระทรวงคมนาคมจนกลายเป็นกระทรวงไอซีที จวบจนปัจจุบันที่เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นระบบใบอนุญาต จาก กสทช.ที่มีหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำกับดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค
       
       ปัจจัยแพ้ชนะของเอกชนที่รับสัมปทานหรือใบอนุญาตในธุรกิจโทรคมนาคม ไม่ใช่แค่ความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจอย่างเดียว แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่สามารถสร้างแต้มต่อการแข่งขัน หรือการเหนี่ยวรั้งคู่แข่งไว้บดขยี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลการเมืองหรือรัฐบาลทหาร การสร้างสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตอบสนองปัจจัย 4 ของผู้กุมอำนาจ ล้วนเป็นหนทางที่ทำให้ปัจจุบันเก้าอี้ผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์มือถืออย่าง “เอไอเอส” ถูกเขย่าอย่างหนัก เพราะสิ่งที่คู่แข่งทำ ผู้กุมอำนาจรัฐบอกว่าถูก แต่เมื่อตัวเองทำบ้างกลับโดนดึงด้วยเหตุผลสารพัด จนท้ายสุดอาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
       
       วันนี้จึงดูเหมือนได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้แต่ตั้งรับมากกว่าคิดจะรุก

       เมื่อผู้นำตลาดเพลี่ยงพล้ำ
       สถานการณ์ในตลาดโทรคมนาคมในยุคเปลี่ยนผ่านจากระบบ 2G เป็นระบบ 3G และ 4G อย่างสมบูรณ์แบบอาจจะไม่สวยหรูอย่างที่คิด จากกรณีที่ลูกค้าเอไอเอสเกือบซิมดับ 4 แสนราย ในคืนวันที่ 15 มีนาคม 2559 ตามเวลาที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดไว้ ว่าหลังจากผู้ประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz มาชำระเงินค่าประมูล และออกใบอนุญาตเรียบร้อยจะต้องปิดระบบ ดีที่ฟ้ามีตา ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช.ให้ความคุ้มครองชั่วคราวออกไปอีก 30 วัน จนถึงวันที่ 14 เม.ย.เวลา 24.00 น.
       
       เมื่อมองย้อนไปมองถึงสถานการณ์ที่เกิดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ที่ บริษัท แอดวานซ์ ไวเลส เน็ตเวิร์ก จำกัด (AWN) ภายใต้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) พลาดการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ที่กสทช. จัดประมูลขึ้น และ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลในคลื่นชุดที่ 1 คือ คลื่นความถี่ 895-905 MHz คู่กับ 940-950 MHz ด้วยราคาสุดท้ายที่เสนอ 75,654 ล้านบาท และ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ผู้ชนะการประมูลในคลื่นชุดที่ 2 คือ คลื่นความถี่ 905-915 MHz คู่กับ 950-960 MHz กับราคาสุดท้ายที่เสนอ 76,298 ล้านบาท
       
       โดยภายหลังการประมูล เอไอเอส ได้ชี้แจงว่า ราคาประมูลดังกล่าวเป็นช่วงราคาที่สูงเกินไป ซึ่งหากบริษัทนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้ในการลงทุนเสริมโครงข่ายทั้งบนคลื่น 2100 MHz และ 1800 MHz ที่เพิ่งประมูลได้มา ก็จะสามารถให้บริการลูกค้าได้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ประกอบกับในอนาคตทาง กสทช.จะมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่เพิ่มเติมอีกในอนาคต

       ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ ทำให้เอไอเอสต้องเร่งโอนย้ายลูกค้าที่ยังใช้งาน 2G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ที่เหลืออยู่ในช่วงเวลานั้นกว่า 1 ล้านรายให้เปลี่ยนมาใช้งาน AIS 3G รวมถึงลูกค้าที่ใช้งาน AIS 3G แต่เครื่องยังรองรับเพียง 2G อีกกว่า 11 ล้านราย ด้วยการงัดกลยุทธ์การแจกเครื่อง 3G ให้แก่ลูกค้าที่มาเปลี่ยนเครื่อง
       
       แต่จนแล้วจนรอดเมื่อถึงช่วงเวลาที่ทางทรูมูฟมาชำระเงินค่าประมูล และได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ในวันที่ 14 มีนาคม 2559 ก็ยังเหลือลูกค้าเอไอเอสที่ยังใช้งาน 2G บนคลื่น 900 MHz อีกกว่า 4 แสนราย ไม่นับรวมกับลูกค้าที่ใช้งาน AIS 3G บนเครื่อง 2G อีกกว่า 7.6 ล้านราย เพียงแต่ลูกค้าที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงคือลูกค้ากลุ่มแรก 4 แสนรายที่หลังจากซิมดับจะไม่สามารถใช้งานเลขหมายได้อีกต่อไป
       
       จากข้อมูลล่าสุดของทางเอไอเอส ระบุว่า กลุ่มลูกค้า 4 แสนรายที่ยังใช้งาน 2G อยู่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่เน้นการโทร.เพียงอย่างเดียว และที่สำคัญคืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล ต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางมายังศูนย์บริการ จึงทำให้ไม่ได้มาทำเรื่องโอนย้ายมาใช้งาน AIS 3G แม้ว่าทางเอไอเอสจะมีมาตรการทั้งการแจ้งเตือนผ่านการส่ง SMS และโทร.เข้าไปแจ้งข้อมูลแล้วก็ตาม
       
       ขณะที่ในกลุ่มของลูกค้า 7.6 ล้านรายนั้น เอไอเอส ไม่เป็นห่วงมากนัก เพราะได้มีการเตรียมการร่วมกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ในการโรมมิ่งเครือข่าย 2G บนคลื่น 1800 MHz มาให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มนี้ โดยอาจจะมีบางพื้นที่ที่สัญญาณ 2G เข้าไม่ถึงทางเอไอเอสก็อยู่ในช่วงขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
       
       สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ให้ข้อมูลไว้ว่า ในยุคสมัยของการแข่งขัน 2G เชื่อว่าสถานีฐานของเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ในตลาดมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมไม่ต่างกันมากอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถรองรับลูกค้ากว่า 7.6 ล้านรายได้อย่างแน่นอน เพียงแต่จะมีบางจุดตามภูเขา หรือพื้นที่ห่างไกลที่จะได้รับผลกระทบแต่มีเพียงผู้ใช้งานส่วนน้อยเท่านั้น



        รวมถึงทางด้าน ลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค ยังออกมาให้ข้อมูลว่า เพราะดีแทคแคร์ผู้ใช้มือถือทุกคนไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายไหน จึงพร้อมให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือทุกคน เพื่อไม่ให้กังวลว่าซิมจะดับ พร้อมติดแอชแท็ก #FairFight ออกมาสร้างมาตรฐานของการแข่งขันที่ขาวสะอาดบนพื้นฐานการใช้งานของผู้บริโภค
       
       นอกเหนือไปจากการลงทุนขยายโครงข่าย ทำแคมเปญแจกมือถือ 3G ฟรีแก่ลูกค้า และการหาพันธมิตรในการโรมมิ่งสัญญาณจากดีแทคแล้ว อีกแนวทางหนึ่งที่เอไอเอสทำ คือการส่งหนังสือถึงก สทช.ในการขอขยายระยะเวลาเยียวยาลูกค้า 2G อย่างต่อเนื่อง แต่ถูกบอกปัดจาก กสทช.ที่ระบุว่า ต้องยึดตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) คือเมื่อออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ชนะการประมูลรายใดรายหนึ่ง มาตรการคุ้มครองก็ต้องสิ้นสุดลง
       
       พร้อมกับมีการรับทราบข้อเสนอของ TUC ที่เสนอให้AWN สามารถใช้งานคลื่นความถี่ 900MHz จำนวน 10 MHz ในส่วนของบริษัทต่อไปได้อีก 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้า 2G สามารถเปลี่ยนไปใช้ซิมใหม่ได้โดยยังคงใช้เบอร์เดิม โดย เอไอเอส จะต้องจ่ายค่าเช่าใช้งานคลื่นความถี่จำนวน 450 ล้านบาทต่อเดือนให้แก่ทรู
       
       ก่อนที่ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทรู “ศุภชัย เจียรวนนท์” จะออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อในวันที่มาชำระเงินค่าใบอนุญาตว่าพร้อมที่จะให้ใช้คลื่นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่สุดท้ายข้อเสนอดังกล่าวก็ตกไป เพราะการทำข้อตกลงในการเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าวขัดกับเงื่อนไขการประมูลรวมถึงการที่ทางหน่วยงานกำกับดูแลมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางมิชอบโดยกฎหมายอาญาในหลายประเด็น

       ว่ากันว่าแนวทางให้ใช้ความถี่ฟรี อาจเป็นการหวังดีประสงค์ร้าย เพราะหากลูกค้า 7.6 ล้านรายไปใช้การโรมมิ่งกับดีแทคหมด ช่วงความถี่ที่ว่างหรือถนนที่กว้างขึ้นอาจทำให้เอไอเอสแข็งแรงในการหาลูกค้าใหม่ 3G/4G มาขวางคอตัวเองก็เป็นได้
       
       แต่สุดท้ายยังดีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลามติของทาง กสทช. ทำให้ทางเอไอเอส สามารถให้บริการต่อเนื่องออกไปอีกเป็นระยะเวลา 30 วัน จนถึงวันที่ 14 เมษายน 2559 เวลา 24.00 น. โดยระบุว่า หากศาลมีมติคุ้มครองก็ไม่ทำให้ TUC ได้รับความเดือดร้อนเสียหายแต่อย่างใด
       
       ว่ากันว่าหลังศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองลูกค้า 2G เอไอเอส มีคนแอบเห็นผู้ใหญ่ใน กสทช.มีสีหน้าดูผิดหวังมาก เหมือนทำงานให้ใครแล้วไม่สำเร็จ
       
       และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางออกที่เตรียมการไว้ด้วยการโรมมิ่งลูกค้า 2G กับทางดีแทคก็สามารถยืดระยะเวลาออกไปก่อน แต่ภารกิจหนักก็ยังคงตกอยู่ที่เอไอเอส ในการลงทุนขยายเครือข่าย 3G ให้ครอบคลุมเทียบเท่า 2G พร้อมกับการกระตุ้นให้ลูกค้าที่ใช้งานคลื่น 900 MHz ให้มาทำการย้ายมาใช้เครือข่าย 3G เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเครื่องลูกค้าที่เป็น 2G รวมๆกว่า 8 ล้านเลขหมายให้เป็นเครื่องที่รองรับ 3G หรือ 4G


-----มีต่อ-----
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่