สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ไม่เคยเขียนรีวิวที่ไหนมาก่อน อาจจะเขียนไม่ค่อยเข้าใจก็อย่าพึงรำคานกันนะคะ ก่อนที่เราจะจัดฟันก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะทำดีไหม แพงจัง ...ด้วยความที่เป็นคนฟันห่างมากๆ สุดท้ายเลยตัดสินใจทำจ้า คิดมาหลายปีมาก อีกอย่างก็รอมีเงินพร้อมด้วยแหละ
เราศึกษาการจัดฟันมานานมาก คิดมากหลายเรื่อง จัดแล้วแกมาฟันจะล้มไหม แล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิตเลยหรา โอ้ยยย จะจัดหรือไม่จัดดีหน่าา เราศึกษามาทั้งขอดีและขอเสียมากมาย ซึ่งการจัดฟันไม่ใช่ว่าใครก็จะทำได้ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากจัดก็ลองไปปรึกษาหมอดูก่อนนะคะ บางทีฟันของเราอาจมีปัยหาที่จำเป็นต้องจัด หรือไม่จัดจะดีกว่า อย่างของเราที่จัดก็เพราะฟันห่าง เวาลากินอาหารมันติดซอกฟัน อหาแปลงฟันไม่ดี ก็ทำให้ฟันเรามีปัญหาได้ในอนาคตค่ะ
และสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจจัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องฟันห่างอย่างเดียวหรอกนะ อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ เวลาถ่ายรูป ไม่ว่าจะถ่ายสักกี่ร้อยกี่พันรูป ไม่เคยมีรูปไหนที่ยิ้มเห็นฟันเลย เพราะถ้ายิ้มเห็นฟันแบบว่า... คือฉันมีความสุขมากๆๆๆๆๆๆ.....แต่พอมาดูรูปกลับรู้สึกว่าไม่ชอบรูปนี้เลย รูปที่ถ่ายจึงไม่ค่อยมีรูปที่ยิ้มเห็นฟัน อาศัยการยิ้มด้วยสายตาเล็กน้อย และฉีกมุมปากให้ดูยิ้มเท่านั้นเอง(ยิ้มด้วยสายตาหรือเปล่าไม่รูเหมือนกัน 555) แม้กระทั้งวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง นั่นคือ วันแต่งงาน เรายังไม่มีโอกาสได้ฉีกยิ้มกว้างๆบ่งบอกถึงความสุขเลย เพราะภาพมันออกมาแบบว่า......ไม่อยากได้ภาพโมเม้นแบบนี้เลย
เวลาที่ยิ้มแบบเห็นฟันกับไม่เห็นฟัน มันเหมือนคนละคน แม้ว่าความรู้สึกจริงๆมันจะสุขมากมาย แต่เวลามาดูภาพ มันทำให้เรารู้สึกว่าภาพมันไม่น่าเก็บไว้เท่าไหร่ เพื่อนๆเองก็มักพูดกันว่า ฟันเราห่างยังกะรั้ว นี่ไม่พอจ้า เจ็บที่สุดคือคนที่เรารักและรักเราชอบแซวจังเวลากินเนื้อ ว่า กินได้หรอระวังติดฟันนะ แล้วก็ขำ คือมันเฟวมากอ่ะ ในใจนี่แบบแหม่ๆเดี๋ยวต้องไปจัดฟันให้ได้ รู้สึกโมโห ทำไมต้องมาล้อ แต่ก็ทำไรไม่ได้ หลังจากผ่านวันแต่งงานมา เราก็ตัดสินใจ ไปปรึกษาหมอจัดฟันเลย และที่เลือกทำคลินิกก็เพราะ เร็ว ราคาก็ไม่ได้ต่างจาก รพ. มากนัก และที่สำคัญต้องดูด้วยนะคะว่าคลินิกน่าเชื่อถือไหม สำหรับเราเราโอเคกับคลินิกนี้ เลยนัดวันทางอินบล็อกเฟสไปปรึกษาหมอเลย บอกเลยว่าไปปรึกษาแล้วชอบหมอมากมาย เพราะตรงมากค่ะ และเป็นกันเองค่ะ
ด้วยความที่ไม่อยากรอแล้ว แล้วก็พร้อม และตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ เรารอวันนี้มาสี่ปีแล้ว เลยตัดสินใจก็เอ็กเรย์ปาก พิมพ์ฟันในวันที่เข้าไปปรึกษาเลย 1800 บาท โปรพอดีมั้ง เจอฟันผุ 3 ซี่ แล้วก็ฟันคุต 1 ซี่จ้า
ระหว่างจ่ายเงิน น้องสาวเราเป็นคนฟันสวยอยู่แล้วแต่อยากจัดจ้า นางบอกอยากหน้าเรียว หมอตอบทันใดจ้า หมอบอกว่าฟันสวยอยู่แล้วจะจัดทำไม จัดไปเดี๋ยวฟันล้ม หน้าหุบอีกเพราะต้องถอน เก็บเงินไปฉีดโบท็อกดีกว่า (ในใจโอ้หมอตรงมาก แต่ชอบอ่ะ ไม่เห็นแก่ได้ ชอบๆ) แล้วหมอก็บอกเราต่อว่าอย่างเราทำเนี่ยไม่ทำให้หน้าเล็กลงนะ มันแล้วแต่คนบางคนก็เล็กลงบางคนก็เหมือนเดิม
เรื่องนี้เราไม่ซีค่ะ เพราะเราแค่อยากให้มันชิดกัน อยากมีโมเม้นแบบว่าถ่ายรูปยิ้มเห็นฟัน ฉันอยากปลดปล่อยความสุขที่มีโดยไม่ต้องกังวลภาพที่มันจะออกมาแค่นั้นเอง จากวันนั้นมาก็นัดเคลียร์ช่องปากที่นี่เลย แล้วก็ได้จัดสมใจแล้ว รอดูผลต่อไปว่า เมื่อไหร่จะดึง เมื่อไหร่จะชิดกัน เดี๋ยวมาลงรูปให้ดูนะคะ ว่าความรูสึกที่ยิ้มเห็นฟันกับไม่เห็นฟันมันต่างกันจริงๆ
[CR] 4 ปี กับการตัดสินใจจัดฟัน
เราศึกษาการจัดฟันมานานมาก คิดมากหลายเรื่อง จัดแล้วแกมาฟันจะล้มไหม แล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิตเลยหรา โอ้ยยย จะจัดหรือไม่จัดดีหน่าา เราศึกษามาทั้งขอดีและขอเสียมากมาย ซึ่งการจัดฟันไม่ใช่ว่าใครก็จะทำได้ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากจัดก็ลองไปปรึกษาหมอดูก่อนนะคะ บางทีฟันของเราอาจมีปัยหาที่จำเป็นต้องจัด หรือไม่จัดจะดีกว่า อย่างของเราที่จัดก็เพราะฟันห่าง เวาลากินอาหารมันติดซอกฟัน อหาแปลงฟันไม่ดี ก็ทำให้ฟันเรามีปัญหาได้ในอนาคตค่ะ
และสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจจัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องฟันห่างอย่างเดียวหรอกนะ อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ เวลาถ่ายรูป ไม่ว่าจะถ่ายสักกี่ร้อยกี่พันรูป ไม่เคยมีรูปไหนที่ยิ้มเห็นฟันเลย เพราะถ้ายิ้มเห็นฟันแบบว่า... คือฉันมีความสุขมากๆๆๆๆๆๆ.....แต่พอมาดูรูปกลับรู้สึกว่าไม่ชอบรูปนี้เลย รูปที่ถ่ายจึงไม่ค่อยมีรูปที่ยิ้มเห็นฟัน อาศัยการยิ้มด้วยสายตาเล็กน้อย และฉีกมุมปากให้ดูยิ้มเท่านั้นเอง(ยิ้มด้วยสายตาหรือเปล่าไม่รูเหมือนกัน 555) แม้กระทั้งวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง นั่นคือ วันแต่งงาน เรายังไม่มีโอกาสได้ฉีกยิ้มกว้างๆบ่งบอกถึงความสุขเลย เพราะภาพมันออกมาแบบว่า......ไม่อยากได้ภาพโมเม้นแบบนี้เลย
เวลาที่ยิ้มแบบเห็นฟันกับไม่เห็นฟัน มันเหมือนคนละคน แม้ว่าความรู้สึกจริงๆมันจะสุขมากมาย แต่เวลามาดูภาพ มันทำให้เรารู้สึกว่าภาพมันไม่น่าเก็บไว้เท่าไหร่ เพื่อนๆเองก็มักพูดกันว่า ฟันเราห่างยังกะรั้ว นี่ไม่พอจ้า เจ็บที่สุดคือคนที่เรารักและรักเราชอบแซวจังเวลากินเนื้อ ว่า กินได้หรอระวังติดฟันนะ แล้วก็ขำ คือมันเฟวมากอ่ะ ในใจนี่แบบแหม่ๆเดี๋ยวต้องไปจัดฟันให้ได้ รู้สึกโมโห ทำไมต้องมาล้อ แต่ก็ทำไรไม่ได้ หลังจากผ่านวันแต่งงานมา เราก็ตัดสินใจ ไปปรึกษาหมอจัดฟันเลย และที่เลือกทำคลินิกก็เพราะ เร็ว ราคาก็ไม่ได้ต่างจาก รพ. มากนัก และที่สำคัญต้องดูด้วยนะคะว่าคลินิกน่าเชื่อถือไหม สำหรับเราเราโอเคกับคลินิกนี้ เลยนัดวันทางอินบล็อกเฟสไปปรึกษาหมอเลย บอกเลยว่าไปปรึกษาแล้วชอบหมอมากมาย เพราะตรงมากค่ะ และเป็นกันเองค่ะ
ด้วยความที่ไม่อยากรอแล้ว แล้วก็พร้อม และตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ เรารอวันนี้มาสี่ปีแล้ว เลยตัดสินใจก็เอ็กเรย์ปาก พิมพ์ฟันในวันที่เข้าไปปรึกษาเลย 1800 บาท โปรพอดีมั้ง เจอฟันผุ 3 ซี่ แล้วก็ฟันคุต 1 ซี่จ้า
ระหว่างจ่ายเงิน น้องสาวเราเป็นคนฟันสวยอยู่แล้วแต่อยากจัดจ้า นางบอกอยากหน้าเรียว หมอตอบทันใดจ้า หมอบอกว่าฟันสวยอยู่แล้วจะจัดทำไม จัดไปเดี๋ยวฟันล้ม หน้าหุบอีกเพราะต้องถอน เก็บเงินไปฉีดโบท็อกดีกว่า (ในใจโอ้หมอตรงมาก แต่ชอบอ่ะ ไม่เห็นแก่ได้ ชอบๆ) แล้วหมอก็บอกเราต่อว่าอย่างเราทำเนี่ยไม่ทำให้หน้าเล็กลงนะ มันแล้วแต่คนบางคนก็เล็กลงบางคนก็เหมือนเดิม
เรื่องนี้เราไม่ซีค่ะ เพราะเราแค่อยากให้มันชิดกัน อยากมีโมเม้นแบบว่าถ่ายรูปยิ้มเห็นฟัน ฉันอยากปลดปล่อยความสุขที่มีโดยไม่ต้องกังวลภาพที่มันจะออกมาแค่นั้นเอง จากวันนั้นมาก็นัดเคลียร์ช่องปากที่นี่เลย แล้วก็ได้จัดสมใจแล้ว รอดูผลต่อไปว่า เมื่อไหร่จะดึง เมื่อไหร่จะชิดกัน เดี๋ยวมาลงรูปให้ดูนะคะ ว่าความรูสึกที่ยิ้มเห็นฟันกับไม่เห็นฟันมันต่างกันจริงๆ