สล่าปู่อยู่ในห้องก้นครัวอย่างเดียว ไม่เคยออกนอกบ้านไปไหนถ้านับจนถึงวันนี้ก็น่าจะ 4 ปีบริบูรณ์ เพราะยังจำได้ว่า
กระทู้ที่โพสต์ลงในพันทิปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 ถือว่าเป็นกระทู้แรกในชีวิตโดยใช้ห้องกันครัวเป็นที่แจ้งเกิด
ยังมีหลักฐานอย่างดีเลย คือกระทู้นี้เลยครับ
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/03/D11854875/D11854875.html
หลังจากนั้นมาก็ได้สรรหาเรื่องราวมาเล่าสู่กันอ่านอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นเรื่องของอาหารเหนือ อาหารพื้นบ้าน เป็นหลัก
ซึ่งจุดประสงค์ก็คือต้องการเผยแพร่ถึงวัฒนธรรมการกิน การจัดหาวัตถุดิบ วิธีการทำ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
วัฒนธรรมด้านอาหารการกินกับพี่น้องภาคอื่น ๆ เรื่อยมา
วิธีการนำเสนอเท่าที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะของการเล่าเรื่อง การบันทึกเหตุการณ์ที่ตนเองประสบพบเห็น
เล่าไปโม้ไป พยายามสร้างบรรยากาศของเรื่องที่เป็นยาขมให้เป็นขนมหวาน ไม่ได้มาบอกสูตรหรือวิธีทำอาหารแบบออกมาโช๊ะ ๆ
3 คำ 7 คำจบ เหตุที่ไม่ทำแบบนั้นก็เพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่นักทำอาหารที่เก่งฉกาจ แต่ถ้าให้เล่าเรื่องว่านั่นเป็นนี่ นี้เป็นนั้น
แค่เป็นแนวทาง และให้บรรยากาศออกมาเหมือนนั่งคุยกันโดยพยายามให้มีสาระปนอยู่ในนั้นให้มากที่สุดแบบนี้พอทำได้
มีหลายท่านแอบเข้ามาบ่นหรือต่อว่าหาว่าสล่าปู่ชอบ "เวิ่นเว้อ" ซึ่งก็ยังไม่รู้ความหมายจนบัดนี้กับคำว่า เวิ่นเว้อ มันหมายถึงอะไร
จะหมายถึงขี้โม้อย่างนี้หรือเปล่า ถ้าหมายความตามนี้ก็จะไม่เถียงสักคำ ความที่อยากขอเป็นคนชอบเล่าเรื่อง วันนี้จึงเป็นวันแรก
ที่ก้าวออกจากห้องก้นครัวบ้านเกิด เข้ามาลองแท็กที่ห้องนักเขียน ซึ่งสล่าปู่ก็ฝันมานานเหมือนกันอยากเข้าไปสนุกเฮฮาอยู่ในนั้น
หาห้องที่แท็กตรงตัวเกี่ยวกับการเล่าเรื่องประสบการณ์ยังไม่เจอ ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็น แต่งเรื่องสั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ก็ขอแหมะไว้ก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยว่ากันทีหลัง และยังไง ๆ ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน
ป.ล. จากบรรทัดแรกมาจนถึงบรรทัดนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินใจฉับพลันทันด่วนแล้วพิมพ์แทรกเข้ามาเพื่อจะขอฝากตัวในห้องนักเขียน
ส่วนบรรทัดล่างต่อไปนี้เป็นเรื่องที่พิมพ์ไว้ก่อน ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้เลยคืออยากหาแนวร่วมคนชอยน้ำพริกอ่องแห้ง ๆ แบบคอเดียวกัน
ถือโอกาสเอามาประเดิมเสียเลย
.........................................................................................................................................................................
มาว่ากันตามหัวข้อเรื่องกันเลยนะครับ
น้ำพริกอ่อง เป็นน้ำพริกของทางเหนือซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักกันดีของคนท้องถิ่น แม้แต่พี่น้องต่างถิ่น
ถ้ามีโอกาสขึ้นไปแอ่วเมืองเหนือยังอยากหาทางได้ทดลองชิมสักครั้งให้ได้
ถึงจะเป็นน้ำพริกเมืองเหนือ แต่ก็ใช่ว่าจะมีวิธีทำที่เหมือนกันเสมอไปแต่ละที่อาจมีแตกต่างกันไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่เหมือนกันน่าจะเป็นวัตถุดิบหลักคือมะเขือเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ ส่วนหมูบดนั้นบางที่ บางแห่งถ้าหาไม่ได้จริง ๆ
เขายังใช้ปลากระป๋องแทนก็ยังมีเลย
น้ำพริกอ่อง เป็นอีกหนึ่งในน้ำพริกที่ทางเหนือเวลาเขามีงานบุญหรืองานศพ เขาจะทำขึ้นเพื่อใช้เลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน
จากการที่ได้ไปร่วมงานและได้เห็นน้ำพริกอ่องที่เขานำมาเลี้ยง มักจะเห็นความแตกต่างกันชัดเจนตรงที่บางแห่งก็ดู
แห้ง ๆ บางครั้งจะเป็นน้ำโหรงเหรง ซึ่งก็แล้วแต่พ่อครัว แม่ครัว เขาจะทำขึ้นมา
โดยส่วนตัวแล้วทั้งที่เคยทำและความชอบ จะชอบทำน้ำพริกอ่องแบบแห้งถึงจะมีน้ำก็ขอแค่ขลุกขลิก ล่าสุดไปเจอ
ในงานขาว-ดำแห่งหนึ่ง เป็นน้ำพริกอ่องที่มาแบบแกงเลยก็ว่าได้คือเนื้อครึ่งน้ำครึ่ง ใจเราก็บอกว่ามันใช่หรือแต่เราจะ
ไปฟันธงเขาว่าคุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะก็ไม่ได้ อาจจะเป็นวิธีปฏิบัติของเขามาอย่างนั้น
วันนี้พอดีมีเวลาและเกิดความอยากกินน้ำพริกอ่องขึ้นมาก็เลยจัดการให้กับตัวเอง 1 หม้อ เป็นน้ำพริกอ่องที่หยิบเอา
วัตถุดิบเท่าที่มีในตู้เย็นขึ้นมาทำ ซึ่งก็พอจะบอกได้ว่าการทำน้ำพริกอ่องก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ใช้เวลาแป๊บเดียว
ก็ได้มา 1 หม้อเล็ก และได้ดังใจที่ตัวเองคิดจะให้เป็นเสียด้วย
หมูบดมีในช่องแข็งเอาออกมาละลายน้ำแข็งในไมโครเวฟ มะเขือเทศจริง ๆ แล้วต้องใช้มะเขือเทศลูกเล็กที่มีความเปรี้ยว
มากหน่อย พอดีในตู้เย็นมีแบบลูกใหญ่ ไม่เป็นไรว่ากันไปตามนั้น เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ รวมกับหมูเตรียมไว้
น้ำพริกอย่างง่ายเลย กระเทียม หอมแดง พริกแห้งเม็ดใหญ่ (สี) พริกขี้หนูแห้ง (เผ็ด) กะปิ อย่างรวดเร็วตามนี้
เทลงรวมกับหมูและมะเขือเทศ แล้วจัดการคลุกให้เข้ากันเตรียมไว้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ซอมหอมแดงลงเจียวให้น้ำมันหอม
หอมเจียวเริ่มเหลือง เอาน้ำพริกทั้งหมดลงผัด โปรดสังเกตว่าสล่าปู่จะไม่ผัดเป็นตอน ๆ คือผัดน้ำพริกให้หอม
ตามด้วยหมูบดแล้วถึงใส่มะเขือเทศตามลงไป หลายคนอาจจะทำแบบนี้ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งแต่ที่สล่าปู่ทำแบบ
ที่เห็นก็มีเหตุผลของตัวเองว่า เราทำน้ำพริกอยากได้กลิ่นรวม ๆ ของน้ำพริก ไม่ใช่ออกเป็นกลิ่นแกงหอมพริกแกง
ฉุย ถ้าถือว่าเป็นเรื่องของความชอบของแต่ละคนก็ไม่ถือว่าแบบใดผิดหรือแบบใดถูก
ดังที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำและชอบน้ำพริกอ่องแบบแห้ง จึงเติมน้ำลงไปนิดเดียวเปิดไฟกลางผัดจนมะเขือเทศสุก ชิมรส
ปรุงเค็มนิดหน่อย น้ำพริกอ่องถ้าเป็นเหนือจริง ๆ เขาจะไม่ใส่น้ำตาลนะครับ จะมีแค่เปรี้ยวเค็ม
ถ่ายใส่หม้อเก็บไว้ ดังที่บอกถึงจะมีน้ำก็ขอแค่ขลุกขลิกเป็นความชอบส่วนตัวครับ
น้ำพริกอ่องนิยมกินกับผักนึ่งหรือผักลวก ถ้าเป็นผักสดก็ได้แก่กระถิน แตงกวา วันนี้ในตู้เย็นมีแค่กะหล่ำปลีกับมะเขือ
ก็ว่ากันไปตามนั้นก่อน จัดการต้มผักไม่นานก็ได้เป็นแบบนี้
จะรอไรอีก ผักพร้อมน้ำพริกพร้อม
เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบนี้ ยังไง ๆ ก็ช่วยออกความเห็นติชมกันบ้างนะครับ สวัสดีครับ
ป.ล.มีแก้ไขเพราะเข้าไปเพิ่มแท็กที่ถูกตัดออกไปครับ
มาหาแนวร่วมว่า "น้ำพริกอ่อง" แห้ง ๆ แบบนี้มีใครถูกใจบ้าง?
กระทู้ที่โพสต์ลงในพันทิปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 ถือว่าเป็นกระทู้แรกในชีวิตโดยใช้ห้องกันครัวเป็นที่แจ้งเกิด
ยังมีหลักฐานอย่างดีเลย คือกระทู้นี้เลยครับ
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/03/D11854875/D11854875.html
หลังจากนั้นมาก็ได้สรรหาเรื่องราวมาเล่าสู่กันอ่านอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นเรื่องของอาหารเหนือ อาหารพื้นบ้าน เป็นหลัก
ซึ่งจุดประสงค์ก็คือต้องการเผยแพร่ถึงวัฒนธรรมการกิน การจัดหาวัตถุดิบ วิธีการทำ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
วัฒนธรรมด้านอาหารการกินกับพี่น้องภาคอื่น ๆ เรื่อยมา
วิธีการนำเสนอเท่าที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะของการเล่าเรื่อง การบันทึกเหตุการณ์ที่ตนเองประสบพบเห็น
เล่าไปโม้ไป พยายามสร้างบรรยากาศของเรื่องที่เป็นยาขมให้เป็นขนมหวาน ไม่ได้มาบอกสูตรหรือวิธีทำอาหารแบบออกมาโช๊ะ ๆ
3 คำ 7 คำจบ เหตุที่ไม่ทำแบบนั้นก็เพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่นักทำอาหารที่เก่งฉกาจ แต่ถ้าให้เล่าเรื่องว่านั่นเป็นนี่ นี้เป็นนั้น
แค่เป็นแนวทาง และให้บรรยากาศออกมาเหมือนนั่งคุยกันโดยพยายามให้มีสาระปนอยู่ในนั้นให้มากที่สุดแบบนี้พอทำได้
มีหลายท่านแอบเข้ามาบ่นหรือต่อว่าหาว่าสล่าปู่ชอบ "เวิ่นเว้อ" ซึ่งก็ยังไม่รู้ความหมายจนบัดนี้กับคำว่า เวิ่นเว้อ มันหมายถึงอะไร
จะหมายถึงขี้โม้อย่างนี้หรือเปล่า ถ้าหมายความตามนี้ก็จะไม่เถียงสักคำ ความที่อยากขอเป็นคนชอบเล่าเรื่อง วันนี้จึงเป็นวันแรก
ที่ก้าวออกจากห้องก้นครัวบ้านเกิด เข้ามาลองแท็กที่ห้องนักเขียน ซึ่งสล่าปู่ก็ฝันมานานเหมือนกันอยากเข้าไปสนุกเฮฮาอยู่ในนั้น
หาห้องที่แท็กตรงตัวเกี่ยวกับการเล่าเรื่องประสบการณ์ยังไม่เจอ ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็น แต่งเรื่องสั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ก็ขอแหมะไว้ก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยว่ากันทีหลัง และยังไง ๆ ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน
ป.ล. จากบรรทัดแรกมาจนถึงบรรทัดนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินใจฉับพลันทันด่วนแล้วพิมพ์แทรกเข้ามาเพื่อจะขอฝากตัวในห้องนักเขียน
ส่วนบรรทัดล่างต่อไปนี้เป็นเรื่องที่พิมพ์ไว้ก่อน ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้เลยคืออยากหาแนวร่วมคนชอยน้ำพริกอ่องแห้ง ๆ แบบคอเดียวกัน
ถือโอกาสเอามาประเดิมเสียเลย
.........................................................................................................................................................................
มาว่ากันตามหัวข้อเรื่องกันเลยนะครับ
น้ำพริกอ่อง เป็นน้ำพริกของทางเหนือซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักกันดีของคนท้องถิ่น แม้แต่พี่น้องต่างถิ่น
ถ้ามีโอกาสขึ้นไปแอ่วเมืองเหนือยังอยากหาทางได้ทดลองชิมสักครั้งให้ได้
ถึงจะเป็นน้ำพริกเมืองเหนือ แต่ก็ใช่ว่าจะมีวิธีทำที่เหมือนกันเสมอไปแต่ละที่อาจมีแตกต่างกันไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่เหมือนกันน่าจะเป็นวัตถุดิบหลักคือมะเขือเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ ส่วนหมูบดนั้นบางที่ บางแห่งถ้าหาไม่ได้จริง ๆ
เขายังใช้ปลากระป๋องแทนก็ยังมีเลย
น้ำพริกอ่อง เป็นอีกหนึ่งในน้ำพริกที่ทางเหนือเวลาเขามีงานบุญหรืองานศพ เขาจะทำขึ้นเพื่อใช้เลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน
จากการที่ได้ไปร่วมงานและได้เห็นน้ำพริกอ่องที่เขานำมาเลี้ยง มักจะเห็นความแตกต่างกันชัดเจนตรงที่บางแห่งก็ดู
แห้ง ๆ บางครั้งจะเป็นน้ำโหรงเหรง ซึ่งก็แล้วแต่พ่อครัว แม่ครัว เขาจะทำขึ้นมา
โดยส่วนตัวแล้วทั้งที่เคยทำและความชอบ จะชอบทำน้ำพริกอ่องแบบแห้งถึงจะมีน้ำก็ขอแค่ขลุกขลิก ล่าสุดไปเจอ
ในงานขาว-ดำแห่งหนึ่ง เป็นน้ำพริกอ่องที่มาแบบแกงเลยก็ว่าได้คือเนื้อครึ่งน้ำครึ่ง ใจเราก็บอกว่ามันใช่หรือแต่เราจะ
ไปฟันธงเขาว่าคุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะก็ไม่ได้ อาจจะเป็นวิธีปฏิบัติของเขามาอย่างนั้น
วันนี้พอดีมีเวลาและเกิดความอยากกินน้ำพริกอ่องขึ้นมาก็เลยจัดการให้กับตัวเอง 1 หม้อ เป็นน้ำพริกอ่องที่หยิบเอา
วัตถุดิบเท่าที่มีในตู้เย็นขึ้นมาทำ ซึ่งก็พอจะบอกได้ว่าการทำน้ำพริกอ่องก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ใช้เวลาแป๊บเดียว
ก็ได้มา 1 หม้อเล็ก และได้ดังใจที่ตัวเองคิดจะให้เป็นเสียด้วย
หมูบดมีในช่องแข็งเอาออกมาละลายน้ำแข็งในไมโครเวฟ มะเขือเทศจริง ๆ แล้วต้องใช้มะเขือเทศลูกเล็กที่มีความเปรี้ยว
มากหน่อย พอดีในตู้เย็นมีแบบลูกใหญ่ ไม่เป็นไรว่ากันไปตามนั้น เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ รวมกับหมูเตรียมไว้
น้ำพริกอย่างง่ายเลย กระเทียม หอมแดง พริกแห้งเม็ดใหญ่ (สี) พริกขี้หนูแห้ง (เผ็ด) กะปิ อย่างรวดเร็วตามนี้
เทลงรวมกับหมูและมะเขือเทศ แล้วจัดการคลุกให้เข้ากันเตรียมไว้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ซอมหอมแดงลงเจียวให้น้ำมันหอม
หอมเจียวเริ่มเหลือง เอาน้ำพริกทั้งหมดลงผัด โปรดสังเกตว่าสล่าปู่จะไม่ผัดเป็นตอน ๆ คือผัดน้ำพริกให้หอม
ตามด้วยหมูบดแล้วถึงใส่มะเขือเทศตามลงไป หลายคนอาจจะทำแบบนี้ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งแต่ที่สล่าปู่ทำแบบ
ที่เห็นก็มีเหตุผลของตัวเองว่า เราทำน้ำพริกอยากได้กลิ่นรวม ๆ ของน้ำพริก ไม่ใช่ออกเป็นกลิ่นแกงหอมพริกแกง
ฉุย ถ้าถือว่าเป็นเรื่องของความชอบของแต่ละคนก็ไม่ถือว่าแบบใดผิดหรือแบบใดถูก
ดังที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำและชอบน้ำพริกอ่องแบบแห้ง จึงเติมน้ำลงไปนิดเดียวเปิดไฟกลางผัดจนมะเขือเทศสุก ชิมรส
ปรุงเค็มนิดหน่อย น้ำพริกอ่องถ้าเป็นเหนือจริง ๆ เขาจะไม่ใส่น้ำตาลนะครับ จะมีแค่เปรี้ยวเค็ม
ถ่ายใส่หม้อเก็บไว้ ดังที่บอกถึงจะมีน้ำก็ขอแค่ขลุกขลิกเป็นความชอบส่วนตัวครับ
น้ำพริกอ่องนิยมกินกับผักนึ่งหรือผักลวก ถ้าเป็นผักสดก็ได้แก่กระถิน แตงกวา วันนี้ในตู้เย็นมีแค่กะหล่ำปลีกับมะเขือ
ก็ว่ากันไปตามนั้นก่อน จัดการต้มผักไม่นานก็ได้เป็นแบบนี้
จะรอไรอีก ผักพร้อมน้ำพริกพร้อม
เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบนี้ ยังไง ๆ ก็ช่วยออกความเห็นติชมกันบ้างนะครับ สวัสดีครับ
ป.ล.มีแก้ไขเพราะเข้าไปเพิ่มแท็กที่ถูกตัดออกไปครับ