ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าตอนนี้ เราเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ( Hodgkin Lymphoma ) กำลังให้ยาคีโมอยู่ รวมทั้งเรายังเป็นโรคเลือด 
( Hereditary Spherocytosis ) ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ด้วยโรคเลือดชนิดนี้จะทำให้เราซีดกว่าคนอื่นอยู่แล้ว  แล้วยิ่งให้ยาคีโม ก็จะซีดลงไปอีก (Hematocrit คนปกติจะ 37.1-42.7 แต่ของเราไม่เคยถึง 30 ยิ่งตอนได้ยาก็จะร่วงลงมาถึง 22 )  และการให้ยาคีโม จะทำให้ 
เม็ดเลือดขาวตก  เม็ดเลือดแดงตก  และเกล็ดเลือดตก ทำให้ต้องระวังไม่ให้มีเลือดออก และระวังการติดเชื้อ 
เมื่อวันพุธที่ 24/02/16 เราได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแถวๆฝั่งธน เพราะเราปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะ นิ่วในถุงน้ำดี และกรดไหลย้อน เราเลยไปหาหมอเอายามากันไว้ เพราะเวลาให้ยาคีโม เราจะกินไม่ค่อยได้ แล้วยาคีโมมีผลกับกระเพาะบ้าง  
คุณหมอก็ได้สั่งจ่ายยามาหลายชนิด  แต่มีชนิดหนึ่ง ที่หน้าซองจ่ายเป็น MUCOSTA 100MG. เป็นยารักษาแผลในกระเพาะ 
กินวันละ 3ครั้งหลังอาหาร แต่ตัวยาข้างในกลับเป็น PLETAAL (cilostazol)  100 MG. ซึ่งยาชนิดนี้ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับยากระเพาะแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจ่ายยาผิดได้   เรากินเกินจำนวนด้วยเพราะกินตามหน้าซองไป  และยาค่อนข้างอันตรายสำหรับเรา 
Pletaal คล้ายๆ เป็นยาขยายหลอดเลือด ผลข้างเคียงของยา ทำให้ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไม่สบายท้อง ทำให้เลือดหยุดไหลช้า และเรามีแผลในกระเพาะ ดังนั้นมันเสี่ยงต่อการที่เราจะมีเลือดออกในกระเพาะและหยุดไหลลำบาก  
เราก็ไม่รู้ กินตามหน้าซองที่สั่งไปเรื่อยๆ ตอนกิน เราก็ปวดหัว เวียนหัวมาก ปวดทุกวัน  เราคิดเองว่า อาจเพราะเลือดเราน้อย เลยกินยาแก้ปวดหัวแทนวันละ2เม็ด  จนวันจันทร์ที่ 29/02/16 เราได้เข้าไปให้ยาคีโมต่ออีกโรงพยาบาลหนึ่ง  หมอที่ประจำตึก จะถามทุกครั้งอยู่แล้วว่ามียาอะไรกินเป็นประจำบ้าง เราก็ให้ยาทั้งหมดไป  สักพักคุณหมอก็เดินกลับมาบอกว่า กระเพาะที่เป็นน่าจะไม่หายนะ เพราะกินยาผิดมาตลอด เราก็อึ้งไปๆ เราก็บอกคุณหมอที่ดูเเลเรื่องให้คีโม คุณหมอก็ให้สังเกตอาการไปว่ายังปวดหัวไหม  ถ่ายหรือปัสสาวะผิดปกติไหม 
เราเลยบอกที่บ้าน วันรุ่งขึ้นแม่เลยไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น ตอนแรกขึ้นไป หาคุณหมอ ที่จ่ายยา คุณหมอบอกหมอจ่ายถูกแล้ว 
ให้ลงไปคุยที่ห้องยา  แม่เราไม่ยอมและบอกคุณหมอให้คุณหมอช่วยดูด้วย หมอเลยให้พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์พาลงไปแทน พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ได้ถ่ายรูปยาที่จ่ายผิดของเราไว้ แล้วก็บอกว่าจะเขียนรายงาน พอมาถึงเคาน์เตอร์จ่ายยา พยาบาลก็ให้แม่เราคุยกับทางนั้นเอง แม่เราก็บอกคนจ่ายยาว่าได้จ่ายยาผิด ทางนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร แค่บอกขอโทษ เดี่ยวจะเปลี่ยนยาให้ จัดผิดไป เขาบอกว่า ยามันมาจากบริษัทเดียวกัน รูปแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน สีใกล้กัน ต่างกันทีชนิดยา เลยหยิบผิด  แม่เราเลยบอกไปว่า ถ้าอย่างนั้นก็เอาคนไม่มีความรู้เรื่องยามาทำได้สิ เขาก็ไม่ได้ ว่าอะไร ส่วนน้องเราพอรู้เรื่องก็ได้โทรมาที่โรงพยาบาลนั้น หาคนรับผิดชอบ ทางโรงพยาบาลก็ถามน้องเราว่าเป็นผู้ป่วยหรอ น้องเราก็บอกไปว่าใช่  เขาเลยบอกน้องเรา ให้ทำใจสบายๆ  สังเกตอาการเอง ว่ามีเลือดดอกมาไหมตอนถ่ายหรือปัสสาวะ  ไม่ได้ให้ความรู้ใดๆที่ถูกต้องกับยา แล้วบอกว่าจะติดต่อกับมาภายในสองสามวัน และจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา
เราแค่รู้สึกว่า  อย่างน้อยโรงพยาบาลควรใส่ใจมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนๆยาก็จบไป ควรอธิบายว่ามันจะมีผลกระทบอะไรบ้าง หรือคนไข้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร  เราไม่ได้อยากได้ยาใหม่ แต่เราเสียความรู้สึก และเสียความมั่นใจด้านความปลอดภัย ว่าโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง ยังไม่มีความปลอดภัยทางการจ่ายยาเลย ถ้าคนไข้ที่อ่านหนังสือไม่ออกจะทำอย่างไร และอย่างน้อย ก็น่าจะแสดงความรับผิดชอบบ้าง โทรมาถามอาการคนไข้บ้างก็ยังดี  เราไม่รู้ว่าคนไข้ท่านอื่นเคยเจอเหมือนเราไหม แต่เราอยากลงเรื่องนี้เอาไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่นๆให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นว่าต่อไปควรตรวจสอบยาด้วยตัวเองอีกครั้งหลังได้ยามาค่ะ 
  
รูปแรก  คือยาที่ถูกค่ะ

รูปสอง คือยาที่ผิดค่ะ																															
 
						
เมื่อโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง จ่ายยาผิดให้กับคนไข้คีโม
( Hereditary Spherocytosis ) ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ด้วยโรคเลือดชนิดนี้จะทำให้เราซีดกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แล้วยิ่งให้ยาคีโม ก็จะซีดลงไปอีก (Hematocrit คนปกติจะ 37.1-42.7 แต่ของเราไม่เคยถึง 30 ยิ่งตอนได้ยาก็จะร่วงลงมาถึง 22 ) และการให้ยาคีโม จะทำให้
เม็ดเลือดขาวตก เม็ดเลือดแดงตก และเกล็ดเลือดตก ทำให้ต้องระวังไม่ให้มีเลือดออก และระวังการติดเชื้อ
เมื่อวันพุธที่ 24/02/16 เราได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแถวๆฝั่งธน เพราะเราปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะ นิ่วในถุงน้ำดี และกรดไหลย้อน เราเลยไปหาหมอเอายามากันไว้ เพราะเวลาให้ยาคีโม เราจะกินไม่ค่อยได้ แล้วยาคีโมมีผลกับกระเพาะบ้าง
คุณหมอก็ได้สั่งจ่ายยามาหลายชนิด แต่มีชนิดหนึ่ง ที่หน้าซองจ่ายเป็น MUCOSTA 100MG. เป็นยารักษาแผลในกระเพาะ
กินวันละ 3ครั้งหลังอาหาร แต่ตัวยาข้างในกลับเป็น PLETAAL (cilostazol) 100 MG. ซึ่งยาชนิดนี้ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับยากระเพาะแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจ่ายยาผิดได้ เรากินเกินจำนวนด้วยเพราะกินตามหน้าซองไป และยาค่อนข้างอันตรายสำหรับเรา
Pletaal คล้ายๆ เป็นยาขยายหลอดเลือด ผลข้างเคียงของยา ทำให้ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไม่สบายท้อง ทำให้เลือดหยุดไหลช้า และเรามีแผลในกระเพาะ ดังนั้นมันเสี่ยงต่อการที่เราจะมีเลือดออกในกระเพาะและหยุดไหลลำบาก
เราก็ไม่รู้ กินตามหน้าซองที่สั่งไปเรื่อยๆ ตอนกิน เราก็ปวดหัว เวียนหัวมาก ปวดทุกวัน เราคิดเองว่า อาจเพราะเลือดเราน้อย เลยกินยาแก้ปวดหัวแทนวันละ2เม็ด จนวันจันทร์ที่ 29/02/16 เราได้เข้าไปให้ยาคีโมต่ออีกโรงพยาบาลหนึ่ง หมอที่ประจำตึก จะถามทุกครั้งอยู่แล้วว่ามียาอะไรกินเป็นประจำบ้าง เราก็ให้ยาทั้งหมดไป สักพักคุณหมอก็เดินกลับมาบอกว่า กระเพาะที่เป็นน่าจะไม่หายนะ เพราะกินยาผิดมาตลอด เราก็อึ้งไปๆ เราก็บอกคุณหมอที่ดูเเลเรื่องให้คีโม คุณหมอก็ให้สังเกตอาการไปว่ายังปวดหัวไหม ถ่ายหรือปัสสาวะผิดปกติไหม
เราเลยบอกที่บ้าน วันรุ่งขึ้นแม่เลยไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น ตอนแรกขึ้นไป หาคุณหมอ ที่จ่ายยา คุณหมอบอกหมอจ่ายถูกแล้ว
ให้ลงไปคุยที่ห้องยา แม่เราไม่ยอมและบอกคุณหมอให้คุณหมอช่วยดูด้วย หมอเลยให้พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์พาลงไปแทน พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ได้ถ่ายรูปยาที่จ่ายผิดของเราไว้ แล้วก็บอกว่าจะเขียนรายงาน พอมาถึงเคาน์เตอร์จ่ายยา พยาบาลก็ให้แม่เราคุยกับทางนั้นเอง แม่เราก็บอกคนจ่ายยาว่าได้จ่ายยาผิด ทางนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร แค่บอกขอโทษ เดี่ยวจะเปลี่ยนยาให้ จัดผิดไป เขาบอกว่า ยามันมาจากบริษัทเดียวกัน รูปแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน สีใกล้กัน ต่างกันทีชนิดยา เลยหยิบผิด แม่เราเลยบอกไปว่า ถ้าอย่างนั้นก็เอาคนไม่มีความรู้เรื่องยามาทำได้สิ เขาก็ไม่ได้ ว่าอะไร ส่วนน้องเราพอรู้เรื่องก็ได้โทรมาที่โรงพยาบาลนั้น หาคนรับผิดชอบ ทางโรงพยาบาลก็ถามน้องเราว่าเป็นผู้ป่วยหรอ น้องเราก็บอกไปว่าใช่ เขาเลยบอกน้องเรา ให้ทำใจสบายๆ สังเกตอาการเอง ว่ามีเลือดดอกมาไหมตอนถ่ายหรือปัสสาวะ ไม่ได้ให้ความรู้ใดๆที่ถูกต้องกับยา แล้วบอกว่าจะติดต่อกับมาภายในสองสามวัน และจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา
เราแค่รู้สึกว่า อย่างน้อยโรงพยาบาลควรใส่ใจมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนๆยาก็จบไป ควรอธิบายว่ามันจะมีผลกระทบอะไรบ้าง หรือคนไข้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร เราไม่ได้อยากได้ยาใหม่ แต่เราเสียความรู้สึก และเสียความมั่นใจด้านความปลอดภัย ว่าโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง ยังไม่มีความปลอดภัยทางการจ่ายยาเลย ถ้าคนไข้ที่อ่านหนังสือไม่ออกจะทำอย่างไร และอย่างน้อย ก็น่าจะแสดงความรับผิดชอบบ้าง โทรมาถามอาการคนไข้บ้างก็ยังดี เราไม่รู้ว่าคนไข้ท่านอื่นเคยเจอเหมือนเราไหม แต่เราอยากลงเรื่องนี้เอาไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่นๆให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นว่าต่อไปควรตรวจสอบยาด้วยตัวเองอีกครั้งหลังได้ยามาค่ะ
รูปแรก คือยาที่ถูกค่ะ
รูปสอง คือยาที่ผิดค่ะ