และแล้วก็มาถึงตอนที่ทุกคนรอคอย...แม้ใจนึงจะอดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อดูไปก็ปวดใจไป
...แต่ก็หยุดดูไม่ได้อยู่ดี
เมื่อหนอนในใจของอีบังวอนมันกัดกินจนแผลเหวอะหวะ...แรงกระหายอำนาจที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่...
ในขณะที่ทีมบังวอนสังหารพรรคพวกของซัมบงทีละคนๆ...กระดาษที่เขียนชื่อของสาวกของซัมบงก็ถูกเผา
ทีละใบๆ
ใบหน้าของบังวอนพริ้มยิ้มประหนึ่งว่ากำลังสวมบทเป็นวาทยากรที่ควบคุมการถ่ายทอดบทเพลง
ได้อย่างสมบูรณ์แบบ...บทเพลงแห่งเลือด...ช่างเป็นภาพที่ทรงพลังและชวนขวัญผวาในเวลาเดียวกัน
และรายชื่อสุดท้าย..ชองโดจอน ชายผู้เป็นทั้งอาจารย์ของบังวอนและคนที่วางรากฐานให้กับโชซอน
ชองโดจอนใช้ชีวิตได้ล้ำค่ามาก และไม่มีอะไรต้องเสียใจ รอยยิ้มของเขาก็จะบอกเช่นนั้น
ชื่อของเขาจะเป็นที่จดจำตลอดไป โดยเฉพาะกับเหล่านักปราชญ์ ชื่อของ "ซัมบง" จะเป็นที่จดจำ
ในฐานะสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ดีกว่า
ซัมบงฝากฝังโชซอนไว้ในมือของอีบังวอน เชื่อว่าอีบังวอนจะทำได้ดีแน่นอน...ซัมบงยุติชีวิต
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ถึงเวลาที่ต้องพักแล้วหลักจากที่เหนื่อยมามาก
อีบังวอน...ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งโดดเดียวมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อความปรารถนาแห่งอำนาจเกาะกินในใจ...ยิ่งฆ่าคนที่สำคัญมากขึ้นเท่าไหร่...ชีวิตและจิตใจของบังวอน
ก็เหมือนจะโดนกัดกินไปทีละส่วนๆ จนอาจสูญเสียความเป็นมนุษย์ของตนไปทีละน้อยๆ...เส้นทางที่เดินก็จะ
ว้าเหว่มากยิ่งขึ้น...เมื่อถึงที่จุดๆนึงที่ความปรารถนาแห่งอำนาจของตนจะไม่มีใครเข้าใจ...ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
พอได้ฆ่าคนที่สำคัญ...บังวอนก็ยิ่งเลือดเย็นขึ้นเรื่อยๆ...จากตอนที่ฆ่าโพอึน แม้จะไม่ได้ฆ่าเอง...แต่ก็อดสั่นและหวาดกลัว
กับผลกระทบที่จะตามมาไม่ได้...ซัมบงและพ่อจะคิดยังไงหนอ จะยังมีที่ให้บังวอนได้ยืนอยู่รึเปล่า...มาถึงการสังหารซัมบง
...อีบังซอก บังวอนไม่ได้มีอาการลังเลเลย เมื่อถึงจุดที่บังวอนไม่สามารถหยุดความโหดร้ายของตัวเองได้...ไม่มีการเกรงกลัว
ว่าจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง...เพียงแต่บังวอนเลือกกระโจนเข้าเส้นทางที่โดดเดี่ยวนั้นด้วยตัวเอง
แต่ในมุมความเป็นมนุษย์ของบังวอนที่ยังเหลืออยู่นั้น คนที่บังวอนยังเป็นห่วงความรู้สึกอยู่คือมูฮยุลกับบุนอี
ในใจลึกๆบังวอนอยากให้ทั้งสองคนเข้าใจว่าทำไมบังวอนมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง อาจจะอยากได้อ้อมกอดพร้อมกับ
คำพูดที่ปลอบประโลมว่า "ไม่เป็นไรนะ ทำดีแล้ว" แต่บังวอนไม่แม้แต่จะกล้าคิดเลย หลังจากฆ่าซัมบงเสร็จ
บังวอนเดินผ่านบุนอีไป ไม่แม้แต่จะมองหน้า คงกลัวว่าสีหน้าของบุนอีจะทำร้ายจิตใจของบังวอนไปมากกว่านี้
หรือแม้แต่ตอนที่ฆ่าบังซอกเสร็จ บังวอนอดใจไม่ได้หันไปเหลือบดูสีหน้าของมูฮยุล บังวอนอาจจะกำลังอยากได้
เพียงกำลังใจเล็กๆน้อยๆ ในภาวะวิกฤตที่บังวอนกำลังกลัวที่จะไม่มีใครยอมรับใน"ความเป็นมนุษย์"ของบังวอนอีกต่อไป
และคนที่พร้อมจะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่บังวอนเป็นทุกอย่าง...เขาก็ไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ยองกยู...คนที่พร้อมมือเปื้อนเลือด
และเข้าใจบังวอนทุกอย่างแม้ว่าจะต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ตาม

มืออันสั่นเทาของบังวอนมีมือของยองกยูในจินตนาการที่คอยมาปลอบประโลมอยู่...ทำไมบังวอนถึงไม่ให้คนอื่นฆ่า
ยองกยูถาม "ก็เพราะฮยองไม่อยู่แล้ว ข้ากลัว...กลัวว่าถ้าให้มูฮยุลทำแล้วมูฮยุลจะทิ้งข้าไปอีกคน" หัวใจอันโดดเดียว
ของอีบังวอน...เพียงแค่อยากให้ใครซักคนเข้าใจ แม้สิ่งที่ทำจะชั่วร้ายเพียงใด
ผมเคยได้ยินบทพูดบทนึงว่า "กษัตริย์เป็นคนที่ชาติก่อนทำกรรมไว้มาก พระเจ้าเลยลงโทษส่งมาเป็นกษัตริย์
ให้มาอยู่ในเส้นทางอันเดียวดาย ต้องทำงานหนักเพื่อประชาชนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย
แม้แต่คนในครอบครัว" ช่างเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ
Six Flying Dragons (ตอนที่ 47-48) - เป็นสองตอนที่หนักหน่วงมาก T T
...แต่ก็หยุดดูไม่ได้อยู่ดี
เมื่อหนอนในใจของอีบังวอนมันกัดกินจนแผลเหวอะหวะ...แรงกระหายอำนาจที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่...
ในขณะที่ทีมบังวอนสังหารพรรคพวกของซัมบงทีละคนๆ...กระดาษที่เขียนชื่อของสาวกของซัมบงก็ถูกเผา
ทีละใบๆ
ใบหน้าของบังวอนพริ้มยิ้มประหนึ่งว่ากำลังสวมบทเป็นวาทยากรที่ควบคุมการถ่ายทอดบทเพลง
ได้อย่างสมบูรณ์แบบ...บทเพลงแห่งเลือด...ช่างเป็นภาพที่ทรงพลังและชวนขวัญผวาในเวลาเดียวกัน
และรายชื่อสุดท้าย..ชองโดจอน ชายผู้เป็นทั้งอาจารย์ของบังวอนและคนที่วางรากฐานให้กับโชซอน
ชองโดจอนใช้ชีวิตได้ล้ำค่ามาก และไม่มีอะไรต้องเสียใจ รอยยิ้มของเขาก็จะบอกเช่นนั้น
ชื่อของเขาจะเป็นที่จดจำตลอดไป โดยเฉพาะกับเหล่านักปราชญ์ ชื่อของ "ซัมบง" จะเป็นที่จดจำ
ในฐานะสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ดีกว่า
ซัมบงฝากฝังโชซอนไว้ในมือของอีบังวอน เชื่อว่าอีบังวอนจะทำได้ดีแน่นอน...ซัมบงยุติชีวิต
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ถึงเวลาที่ต้องพักแล้วหลักจากที่เหนื่อยมามาก
อีบังวอน...ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งโดดเดียวมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อความปรารถนาแห่งอำนาจเกาะกินในใจ...ยิ่งฆ่าคนที่สำคัญมากขึ้นเท่าไหร่...ชีวิตและจิตใจของบังวอน
ก็เหมือนจะโดนกัดกินไปทีละส่วนๆ จนอาจสูญเสียความเป็นมนุษย์ของตนไปทีละน้อยๆ...เส้นทางที่เดินก็จะ
ว้าเหว่มากยิ่งขึ้น...เมื่อถึงที่จุดๆนึงที่ความปรารถนาแห่งอำนาจของตนจะไม่มีใครเข้าใจ...ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
พอได้ฆ่าคนที่สำคัญ...บังวอนก็ยิ่งเลือดเย็นขึ้นเรื่อยๆ...จากตอนที่ฆ่าโพอึน แม้จะไม่ได้ฆ่าเอง...แต่ก็อดสั่นและหวาดกลัว
กับผลกระทบที่จะตามมาไม่ได้...ซัมบงและพ่อจะคิดยังไงหนอ จะยังมีที่ให้บังวอนได้ยืนอยู่รึเปล่า...มาถึงการสังหารซัมบง
...อีบังซอก บังวอนไม่ได้มีอาการลังเลเลย เมื่อถึงจุดที่บังวอนไม่สามารถหยุดความโหดร้ายของตัวเองได้...ไม่มีการเกรงกลัว
ว่าจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง...เพียงแต่บังวอนเลือกกระโจนเข้าเส้นทางที่โดดเดี่ยวนั้นด้วยตัวเอง
แต่ในมุมความเป็นมนุษย์ของบังวอนที่ยังเหลืออยู่นั้น คนที่บังวอนยังเป็นห่วงความรู้สึกอยู่คือมูฮยุลกับบุนอี
ในใจลึกๆบังวอนอยากให้ทั้งสองคนเข้าใจว่าทำไมบังวอนมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง อาจจะอยากได้อ้อมกอดพร้อมกับ
คำพูดที่ปลอบประโลมว่า "ไม่เป็นไรนะ ทำดีแล้ว" แต่บังวอนไม่แม้แต่จะกล้าคิดเลย หลังจากฆ่าซัมบงเสร็จ
บังวอนเดินผ่านบุนอีไป ไม่แม้แต่จะมองหน้า คงกลัวว่าสีหน้าของบุนอีจะทำร้ายจิตใจของบังวอนไปมากกว่านี้
หรือแม้แต่ตอนที่ฆ่าบังซอกเสร็จ บังวอนอดใจไม่ได้หันไปเหลือบดูสีหน้าของมูฮยุล บังวอนอาจจะกำลังอยากได้
เพียงกำลังใจเล็กๆน้อยๆ ในภาวะวิกฤตที่บังวอนกำลังกลัวที่จะไม่มีใครยอมรับใน"ความเป็นมนุษย์"ของบังวอนอีกต่อไป
และคนที่พร้อมจะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่บังวอนเป็นทุกอย่าง...เขาก็ไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ยองกยู...คนที่พร้อมมือเปื้อนเลือด
และเข้าใจบังวอนทุกอย่างแม้ว่าจะต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ตาม
มืออันสั่นเทาของบังวอนมีมือของยองกยูในจินตนาการที่คอยมาปลอบประโลมอยู่...ทำไมบังวอนถึงไม่ให้คนอื่นฆ่า
ยองกยูถาม "ก็เพราะฮยองไม่อยู่แล้ว ข้ากลัว...กลัวว่าถ้าให้มูฮยุลทำแล้วมูฮยุลจะทิ้งข้าไปอีกคน" หัวใจอันโดดเดียว
ของอีบังวอน...เพียงแค่อยากให้ใครซักคนเข้าใจ แม้สิ่งที่ทำจะชั่วร้ายเพียงใด
ผมเคยได้ยินบทพูดบทนึงว่า "กษัตริย์เป็นคนที่ชาติก่อนทำกรรมไว้มาก พระเจ้าเลยลงโทษส่งมาเป็นกษัตริย์
ให้มาอยู่ในเส้นทางอันเดียวดาย ต้องทำงานหนักเพื่อประชาชนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย
แม้แต่คนในครอบครัว" ช่างเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ