มิงกะลาบา แปลว่า สวัสดี ภาษาพม่า( ได้คำเดียวจริงๆ แหะๆ )สวัสดี เราไปเที่ยวพม่า สามวัน สองคืน
มันเป็นสามวันสองคืนที่เราจะไม่มีวันลืมเลยหล่ะ ^^
หลายคนอาจจะคิดว่า พม่ามีอะไรให้จดจำมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ
เราตอบได้เลยว่ามี สำหรับเราแล้ว พม่า ทำให้เราได้ย้อนอดีต ทำให้เรารู้สึกสดชื่น รู้สึกได้เห็นสิ่งที่อยากจะเห็นอีกครั้ง เวลาที่เราได้นั้งรถบัส เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดอารมณ์ไปตามใจ และฟังเพลงพม่าไปพร้อมๆกัน 55+ เราไม่รู้นะว่าเพราะเพลงพม่า
เพลงนั้นหรือเปล่า ที่ทำให้เราอิน จนเกิดแรงบันดาลใจมาเขียนกระทู้
เอาหล่ะ มาเข้าเรื่อง (ที่อาจจะ )เป็นประโยชน์ต่อคน อ่าน หรือ คนที่อยากจะไปพม่ากัน
ทริปของเรา จะมีแพลนประมาณนี้
วันแรก เดินทาง ไปไจธิโย ไหว้พระธาตุอินแขวน
วันที่สอง เที่ยว เมืองหงสา มีเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ พระราชวังบุเรงนอง พระนอนชเวตาเหลียว
วันที่สาม เที่ยว เมืองย่างกุ้ง ไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเกศา เทพทันใจ พระตาหวาน
เจดีย์สุเล และ พระเขี้ยวแก้ว
เราบิน ถึงประมาณ แปดโมงเช้า พอถึงปุ๊บ เราก็ปวดท้องปั๊บ หาห้องน้ำเข้า ทำภารกิจเสร็จ แต่ห้องน้ำไม่ยอมเสร็จด้วยอ่ะดิ คือจะบอกว่าที่พม่า ใช้ระบบเซ็นเซอร์ผสมระบบเมินเฉยแล้วเดินออก คือ เราโบกมือให้เซนเซอร์เท่าไหร่ มันก็ไม่ปล่อยน้ำมาซักที เอาว่ะ โบกมือจนเหนื่อยหล่ะ เห็นมีปุ่มกด ลองกด น้ำก็ยังไม่ไหล งั้นลองเดินไปบอกแม่บ้าน พอเริ่มเปิดประตู ก็ได้ยินเสียง โครกกกก ว๊อทท???? เกิดอะไร งง สิ พอเดินออก น้ำไหล เอ่อดี พึ่งรู้พม่าเซนเซอร์น้ำไหลอยู่ที่ประตู 555
พอเคลียร์กับห้องน้ำเสร็จก็เดินไปหาดู ซิมการ์ด ไว้สำหรับเล่น wifi พนักงานก็บอกว่า มีแบบ 1 กิ๊ก 2 กิ๊ก 5 กิ๊ก ราคาก็แตกต่างกันไป 1กิ๊ก = 9,000 จ๊าด , 2 กิ๊ก = 14,000 จ๊าด บังเอิญไม่อยากมีกิ๊ก เลยไม่ได้ซื้ออ่ะ แหะๆ
แถวๆนั้นก็จะมีร้านแลกตังค์ เราก็เดินดูร้านที่เรทดีที่สุด เราถือเงิ น US ไปหมดเลย เลยต้องแลกเงินจ๊าด ไว้ใช้
จะบอกว่าการไปพม่า ควรมีทั้งเงิน us และ เงินจ๊าด เพราะ บางสถานการณ์จ่ายเงิน us ได้ราคาถูกกว่า และบางครั้งจ่ายเงินจ๊าด ก็อาจจะดีกว่าเช่นกัน (อีกอย่างหนึ่งแลกเงินจ๊าดจากไทยไปเลย ได้เรทดีกว่าที่สนามบิน )
พอแลกเงินเสร็จก็เดินออกจากสนามบิน คราวนี้ ก็แค่ยืนทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว ก็จะมีพี่แท็กซี่ เข้ามาจีบ เอ๊ย เข้ามาถาม ว่าจะไปไหน มากี่คน ไปกับเขามั้ย ราคาเท่านี้นะ เราก็บอกไป ว่าไป สถานีขนส่งอองมินกลาไฮเวย์ พี่แกก็บอกมา 8,000 เราก็ต่อเหลือ 6,000 สรุปที่ราคา 7,000
ระหว่างทางก็เกิดการสนทนา พี่แท๊ก ถามว่า ทริปเราจะไปไหนบาง เราก็ตอบไป บลาๆๆๆ (ตามแผนข้างบนอ่ะ 3 วัน ของเรา ) พี่แท๊กก็บอกว่า ไปกับเขามั้ย เขาพาไปหมดทุกที่เลย คิด 200 us เราก็ปฏิเสธไปอ่ะนะ เพราะอยากลุยเองมากกว่า และ ราคาแบบไปเองจะถูกกว่า 1ใน3 เราหาข้อมูลเรื่องราคาค่าเดินทางมาก่อนแล้วด้วยอ่ะ ( แต่เพื่อมีคนสนใจ ก็คุยกับพี่แท๊กที่สนามบินได้เลย เราว่าน่าจะหาไปแบบเหมาทั้งทริปไม่ยาก )
นั้งไปสักพัก มองวิวข้างถนน ฟังเสียงแตร่ ไปเพลินๆ ถึงแล้วจร้า อองมินกลาไฮเวย์ พี่เขาไปส่งถึงท่ารถ ที่จะไป ไจธิโยเลยหล่ะ
พอลงรถแท็กซี่ ก็ซื้อ ตั๋วได้เลย ราคา 8,000 จ๊าด ได้นั้งรถแอร์นะ ดีใจ นั้งไปนั้งมา อากาศเริ่มร้อน มันแอร์แบบ อุณหภูมิห้องอ่ะ 5555 แต่ไม่เป็นไร ง่วงๆอยู่แล้วก็หลับบาง ตื่นบาง นั้งมองวิวบาง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คือตอนนั้น มีแว๊บบบ ขึ้นมาในใจนะ เอิ่มม มันลำบากไปมั้ย มองข้างทางมีแต่ทุ่งนา แม่น้ำ บ้านกระท่อม วัว ควายหลายฝูง ไม่มี 7-11 ไม่เห็นมินิมาร์ท แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ ไม่เป็นไร มาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ นั้งมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง รถก็จอด ทุกคนก็ลง เราก็มองดูรอบๆ ถึงแล้วเหรอ มันไม่เหมือนในรีวิวเลยนิน่า แต่ก็เดินลงตามเขาไป
พอลงไปก็เริ่มเก็ท ว่าเขาให้แวะทานข้าว มันก็จะมีร้านอาหาร แบบเหมือนข้าวราดแกง มีหมู แพะ แกะ ปลา เราก็มองดู เอิ่มมมม เอ้ออออ !!! ไม่กินข้าวดีกว่า กินขนมแทนแล้วกัน 555 ก็เดินไปร้านขนมข้างๆ และเป็นการเลือกขนมที่นานที่สุดในชีวิตหล่ะ แต่ก็ได้มากิน 3 ห่อ กำลังจ่ายตังค์ สายตาเหลือบไปเห็นขนมไทย โอ๊ววว รีบคว้ามาเลยครัช เหลือห่อเดียวด้วย ^^
อ่าา พอถึงเวลาก็ขึ้นรถ เดินทางต่อ ไปอีก 2 ชม. สรุปเดินทางไปไจธิโย 4 ชม. โดยประมาณ
เรานั้งไปสุดสายเลย พอลงมาก็เดินหา รร ที่จองไว้ เราพัก ที่ รร บาวกาเดติ รร หาไม่ยาก แต่ตอนแรกก็หาไม่เจอ เอ๊ะยังไง คือ ต้องถามคนพม่าแถวนั้น ก้เดินตามทางที่เขาบอกไป ก็ตากแดด ก็แค่ พื้นเป็นดินขรุขระ น้ำนอง อารมเก่าเริ่มมาอีกครั้ง ตูมาลำบากทำไมเนี้ยยย
ในที่สุดก็เดินมาถึง รร เช็คอิน เอาของเก็บเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไปหา “ รถขนหมู” ที่จะพาเราขึ้นไปไหว้พระธาตุอินแขวน สงวนราคาก็ 2,500 จ๊าด ไปกลับก็ 5,000 จ๊าด คือรถจะต้องรอให้คนเต็มแบบ ทุกบรรทัด ทุกตรารางนิ้ว พ่อคุณถึงจะออก ที่เราสังเกตก็แถวละ 6 คน ทุกแถว แต่เรากลับคิดว่าเป็นข้อที่ดีนะ เพราะการนั้งรถขึ้นไปบนเขา ทางมันหักศอก แทงเขา เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เสียวท้องน้อย มากค่ะ ณ จุดนั้น จึงทำให้การนั้งชิดกันเป็นการช่วยลดการเหวี่ยงไปมา ของลำตัวได้ดีมาก ^^ ก่อนขึ้นก็แวะเติมน้ำมันสักหน่อย
ระหว่างทางที่นั้งรถขึ้นไป ลมเย็นสบาย อากาศสดชื่นมาก เราขึ้นไปประมาณ บ่ายสองครึ่ง ก็ไม่ร้อนนะ บอกเลยการได้นั้งรถ ขนหมู เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำของเราเลยหล่ะ
นั้งไปเพลิน ก็ถึงแล้ว ทางขึ้นพระธาตุอินแขวน เราก็เดินตามเขาไป เดินไปได้สักพัก ก็จะเห็นสำนักงาน ที่ให้คนต่างชาติซื้อบัตร ราคา 8,000 จ๊าด ก็จะได้ป้ายห้อยคอมา เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงจุดที่ให้ถอดร้องเท้า และเดินไปอีกหน่อย ก็เห็นพระธาตุอินแขวนแล้ว (แต่เขานำเสื่อ มาปิดเพราะเขากำลังซ่อมบูรณะอยู่ TT )
พระธาตุอินแขวนที่เราเห็น อาจจะแตกต่างจากที่ใครๆเคยเห็น แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรารู้ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราคืออะไรก็พอ ^^
เราเดินไปไหว้พระธาตุ เดินดูวิวรอบๆ จดจำบรรยากาศ และหามุมถ่ายรูป สุดท้ายเราก็ได้มุมที่ตามหา มันเป็นมุมกล้องของคุณตากล้องคนหนึ่ง ที่เราชอบผลงานเขาอ่ะ ^^
ประมาณ 5 โมงเราก็เดินไปขึ้นรถขนหมู เหมือนเดิมครับท่านผู้ชม ต้องรอให้เต็ม ถึงออก แต่จะบอกว่าขาขึ้นสวยแล้วนะ ขาลงพริ้มมม กว่าอีกอ่ะ ชอบๆๆ ลมเย็น สบาย จนคนข้างๆนี้หลับไปเลยครัช 555

พอลงมาข้างล่าง ก็ไปถามพนักงาน เกี่ยวกับรถที่จะไปหงสา พนักงาน รร ก็แนะนำมา ห่างจาก รร นิดเดียว เดินไปจองรถไว้ก่อนเลย มันจะมี เป็นรอบ เราจอง รอบ 8.00 ไว้ อ่ะ ราคา 5,000 จ๊าด (แอบบบอกนิดนึง ให้จองที่นั้ง ด้านขวามือ ถ้าหันหน้าไปทางคนขับ แดด จะร่มจ๊ะ)
วันแรกของเราในพม่า มันดูสโลววว แล้ววว สโลววอีกอ่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะ ที่พม่าเวลาเดินช้ากว่าประเทศไทยนะ เลยทำให้วันนี้ของเรา แอบเหงา เหมือนนมันไม่มีอะไรทำต่อ ได้แต่คิดว่า เวลาที่เหลือก่อนนอนจะทำไรดี มันช่างแตกต่างจากการไปญี่ปุ่น เวลาผ่านไปเร็วมาก เร็วยิ่งกว่า 4 G ( อยู่ญี่ปุ่นไม่มีความคิดที่ว่า เวลาเหลืออ่ะ ทำไรดีนะ ? ไม่มีโมเม้นนั้นเลย เพราะทุกเวลา นาที มันผ่านไปเร็ว หันมองนาฬิกา ก็ ห้าทุ่มแล้ว )
วันที่ สอง
การเดินจาก ไจทิโย ไป หงสา ใช้เวลาประมาณ 2 ชม ระหว่างทาง ก็นั้งดู วิวข้างทาง สวยบ้าง แปลกตาบ้าง หลับบ้าง อารมณ์เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต เพลงพม่าบนรถ ก็ทำนองเพราะดี ทำให้เพลินเหมือนกันแหะ ประทับใจการนั้งรถครั้งนี้อีกแล้ว
ทำให้เราคิดได้ว่า “ อดีตย้อนได้ แต่ในความทรงจำจริงๆ TT”
พอถึงจุดที่ เขาจอดให้เราลง มันจะแปลกใจว่าจุดนี้เหรอ เพราะมันเหมือนไม่ใช่ท่ารถ แต่ก็ให้สังเกตว่า
ใช่หรือไม่ใช่ ตรงที่บริเวณนี้จะมี วินมอไซต์ และ มีรถตุ๊กๆ อยู่เยอะ ก็พี่ๆเหล่านนี้และ ที่จะพาเราไปเที่ยวรอบหงสา
ลงมาจากรถก็มีพี่พม่า มาติดต่อ เป็นรถตุ๊กๆ เขาคิดคนละ 15,000 จ๊าด เราต่อเขาเหลือ 10,000 จ๊าด เพราะบอกเขาไปว่าไปแค่ 3 ที่ คือ เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ พระราชวังบุเรงนอง และพระนอนชเวตาเหลียว ก็เลยได้ราคานี้มา เราว่าก็โอเครนะ ถ้านั้งมอไซด์มันร้อนมากกอ่ะ เพราะ จากพระราชวังบุเรงนองไป พระนอนชเวตาเหลียว ไกลกันพอสมควร
แต่สุดท้ายเราก็ได้ผิวสีใหม่กลับมาอยู่ดี คือแดดมันค่อนข้างร้อน และ เราต้องเดินไหว้ จุดต่างๆ ที่เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ เราเลยได้ผิวสีใหม่กลับบ้าน 55
จุดแรกที่ไป คือ เจดีย์ชเวมอดอร์
ตรงทางขึ้นบันได ก็จะมีจุดจำหน่ายตั๋ว แบบเหมาแพ็คเกจ 5 สถานที่ ราคา10,000 จ๊าด เราไป เขาปิดปรับปรุงเหมือนที่พระธาตุอินแขวนเลย แต่ก็มีคนพม่าและคณะทัวร์คนไทยมาสักการะบูชา
เราสังเกตได้ว่า คนพม่ามีวัดเป็นที่พึ่งทางใจ ดูเขามีความสุขในการเข้าวัด ทำบุญ นั้งสมาธิ สวดมนต์ ลูกเด็กเล็กแดง ก็จะมีพ่อแม่ พาเข้าวัดแต่เด็กๆ ดูแล้วก็นึกคิดกลับไป ว่าคนพม่าในจินตนาการจะต้อง ดุ หน้าตาแบบไม่ยิ้มแย้ม
แต่พอมาเจอความจริง เขาใจดี ดูเป็นมิตร และยินดีกับการที่มีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมบ้านเมืองเขา ทำให้เราหายกังวลและเที่ยวได้สบายใจ
มากขึ้นเลยและ ^^
จุดที่สอง คือ พระราชวังบุเรงนอง
ห่างจาก จุดแรก ไม่น่าจะเกิน 5 km .
เมื่อไปถึง แค่เรานั้งอยู่บนรถตุ๊กๆ เราก็เห็นถึงความสวยยงามแล้วอ่ะ ดูอลังการดีนะ
ข้างในก็จะมีการจัดแสดง ตอไม้ที่เป็นต้นเสาของพระราชวัง ที่ขุดออกมา เป็นไม้ที่ยังคงหลงเหลือจากการถูกเผาวัง แค่เห็นจากขนาดของตอไม้ ก็รู้แล้วว่าพระราชวังเดิม ต้องใหญ่มาก พระราชวังที่เราเห็นเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ แต่สร้างในตำแหน่งเดิม ภายในก็จะมีห้องโถ่งว่าราชการ ของพระมหากษัตรย์จำลองขึ้นมา คล้ายๆในหนังเรื่องสมเด็จพระนเรศวร
เดินชมรอบๆ ก็สวยงามตามท้องเรื่อง เพราะที่พม่า เขาเน้นสีทองเป็นหลัก มันดูระยิบระยับ ตระการตาดี
จุดที่สาม พระนอนชเวตาเหลียว
จุดนี้ เราเรียยกว่าเป็นจุดซื้อของฝากได้เลย เพราะมีทั้งหยก มีงานไม้ แกะสลัก และอื่นๆ ขายอยู่ สองข้างทาง ที่จะเดินไปไหว้พระ คือตอนแรก ในใจเราคิดว่าที่ตลาดสก๊อตคือจุดซื้อของฝาก เราเลยไม่ค่อยได้ซื้ออะไรไปมาก
แต่พอไปตลาดสก๊อตจริงๆ กลับคิดผิด คือที่ตลาดสก๊อต จะเน้นขายผ้า ขายหยกแท้ และงานศิลปะ
พวกของฝาก เราว่าถ้าซื้อที่นี้จะได้ของฝากสำหรับหลายคนมากกว่านะ 55+ เพราะซื้อได้หลายชิ้น ราคาก็ย่อมเยาว์ แล้วแต่เทคนิคการต่อของแต่ละคนด้วยอ่ะ
พม่า ในแบบที่เราพึ่งเคยรู้จัก
มิงกะลาบา แปลว่า สวัสดี ภาษาพม่า( ได้คำเดียวจริงๆ แหะๆ )สวัสดี เราไปเที่ยวพม่า สามวัน สองคืน
มันเป็นสามวันสองคืนที่เราจะไม่มีวันลืมเลยหล่ะ ^^
หลายคนอาจจะคิดว่า พม่ามีอะไรให้จดจำมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ
เราตอบได้เลยว่ามี สำหรับเราแล้ว พม่า ทำให้เราได้ย้อนอดีต ทำให้เรารู้สึกสดชื่น รู้สึกได้เห็นสิ่งที่อยากจะเห็นอีกครั้ง เวลาที่เราได้นั้งรถบัส เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ได้มองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดอารมณ์ไปตามใจ และฟังเพลงพม่าไปพร้อมๆกัน 55+ เราไม่รู้นะว่าเพราะเพลงพม่า
เพลงนั้นหรือเปล่า ที่ทำให้เราอิน จนเกิดแรงบันดาลใจมาเขียนกระทู้
เอาหล่ะ มาเข้าเรื่อง (ที่อาจจะ )เป็นประโยชน์ต่อคน อ่าน หรือ คนที่อยากจะไปพม่ากัน
ทริปของเรา จะมีแพลนประมาณนี้
วันแรก เดินทาง ไปไจธิโย ไหว้พระธาตุอินแขวน
วันที่สอง เที่ยว เมืองหงสา มีเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ พระราชวังบุเรงนอง พระนอนชเวตาเหลียว
วันที่สาม เที่ยว เมืองย่างกุ้ง ไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเกศา เทพทันใจ พระตาหวาน
เจดีย์สุเล และ พระเขี้ยวแก้ว
เราบิน ถึงประมาณ แปดโมงเช้า พอถึงปุ๊บ เราก็ปวดท้องปั๊บ หาห้องน้ำเข้า ทำภารกิจเสร็จ แต่ห้องน้ำไม่ยอมเสร็จด้วยอ่ะดิ คือจะบอกว่าที่พม่า ใช้ระบบเซ็นเซอร์ผสมระบบเมินเฉยแล้วเดินออก คือ เราโบกมือให้เซนเซอร์เท่าไหร่ มันก็ไม่ปล่อยน้ำมาซักที เอาว่ะ โบกมือจนเหนื่อยหล่ะ เห็นมีปุ่มกด ลองกด น้ำก็ยังไม่ไหล งั้นลองเดินไปบอกแม่บ้าน พอเริ่มเปิดประตู ก็ได้ยินเสียง โครกกกก ว๊อทท???? เกิดอะไร งง สิ พอเดินออก น้ำไหล เอ่อดี พึ่งรู้พม่าเซนเซอร์น้ำไหลอยู่ที่ประตู 555
พอเคลียร์กับห้องน้ำเสร็จก็เดินไปหาดู ซิมการ์ด ไว้สำหรับเล่น wifi พนักงานก็บอกว่า มีแบบ 1 กิ๊ก 2 กิ๊ก 5 กิ๊ก ราคาก็แตกต่างกันไป 1กิ๊ก = 9,000 จ๊าด , 2 กิ๊ก = 14,000 จ๊าด บังเอิญไม่อยากมีกิ๊ก เลยไม่ได้ซื้ออ่ะ แหะๆ
แถวๆนั้นก็จะมีร้านแลกตังค์ เราก็เดินดูร้านที่เรทดีที่สุด เราถือเงิ น US ไปหมดเลย เลยต้องแลกเงินจ๊าด ไว้ใช้
จะบอกว่าการไปพม่า ควรมีทั้งเงิน us และ เงินจ๊าด เพราะ บางสถานการณ์จ่ายเงิน us ได้ราคาถูกกว่า และบางครั้งจ่ายเงินจ๊าด ก็อาจจะดีกว่าเช่นกัน (อีกอย่างหนึ่งแลกเงินจ๊าดจากไทยไปเลย ได้เรทดีกว่าที่สนามบิน )
พอแลกเงินเสร็จก็เดินออกจากสนามบิน คราวนี้ ก็แค่ยืนทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว ก็จะมีพี่แท็กซี่ เข้ามาจีบ เอ๊ย เข้ามาถาม ว่าจะไปไหน มากี่คน ไปกับเขามั้ย ราคาเท่านี้นะ เราก็บอกไป ว่าไป สถานีขนส่งอองมินกลาไฮเวย์ พี่แกก็บอกมา 8,000 เราก็ต่อเหลือ 6,000 สรุปที่ราคา 7,000
ระหว่างทางก็เกิดการสนทนา พี่แท๊ก ถามว่า ทริปเราจะไปไหนบาง เราก็ตอบไป บลาๆๆๆ (ตามแผนข้างบนอ่ะ 3 วัน ของเรา ) พี่แท๊กก็บอกว่า ไปกับเขามั้ย เขาพาไปหมดทุกที่เลย คิด 200 us เราก็ปฏิเสธไปอ่ะนะ เพราะอยากลุยเองมากกว่า และ ราคาแบบไปเองจะถูกกว่า 1ใน3 เราหาข้อมูลเรื่องราคาค่าเดินทางมาก่อนแล้วด้วยอ่ะ ( แต่เพื่อมีคนสนใจ ก็คุยกับพี่แท๊กที่สนามบินได้เลย เราว่าน่าจะหาไปแบบเหมาทั้งทริปไม่ยาก )
นั้งไปสักพัก มองวิวข้างถนน ฟังเสียงแตร่ ไปเพลินๆ ถึงแล้วจร้า อองมินกลาไฮเวย์ พี่เขาไปส่งถึงท่ารถ ที่จะไป ไจธิโยเลยหล่ะ
พอลงรถแท็กซี่ ก็ซื้อ ตั๋วได้เลย ราคา 8,000 จ๊าด ได้นั้งรถแอร์นะ ดีใจ นั้งไปนั้งมา อากาศเริ่มร้อน มันแอร์แบบ อุณหภูมิห้องอ่ะ 5555 แต่ไม่เป็นไร ง่วงๆอยู่แล้วก็หลับบาง ตื่นบาง นั้งมองวิวบาง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คือตอนนั้น มีแว๊บบบ ขึ้นมาในใจนะ เอิ่มม มันลำบากไปมั้ย มองข้างทางมีแต่ทุ่งนา แม่น้ำ บ้านกระท่อม วัว ควายหลายฝูง ไม่มี 7-11 ไม่เห็นมินิมาร์ท แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ ไม่เป็นไร มาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ นั้งมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง รถก็จอด ทุกคนก็ลง เราก็มองดูรอบๆ ถึงแล้วเหรอ มันไม่เหมือนในรีวิวเลยนิน่า แต่ก็เดินลงตามเขาไป
พอลงไปก็เริ่มเก็ท ว่าเขาให้แวะทานข้าว มันก็จะมีร้านอาหาร แบบเหมือนข้าวราดแกง มีหมู แพะ แกะ ปลา เราก็มองดู เอิ่มมมม เอ้ออออ !!! ไม่กินข้าวดีกว่า กินขนมแทนแล้วกัน 555 ก็เดินไปร้านขนมข้างๆ และเป็นการเลือกขนมที่นานที่สุดในชีวิตหล่ะ แต่ก็ได้มากิน 3 ห่อ กำลังจ่ายตังค์ สายตาเหลือบไปเห็นขนมไทย โอ๊ววว รีบคว้ามาเลยครัช เหลือห่อเดียวด้วย ^^
อ่าา พอถึงเวลาก็ขึ้นรถ เดินทางต่อ ไปอีก 2 ชม. สรุปเดินทางไปไจธิโย 4 ชม. โดยประมาณ
เรานั้งไปสุดสายเลย พอลงมาก็เดินหา รร ที่จองไว้ เราพัก ที่ รร บาวกาเดติ รร หาไม่ยาก แต่ตอนแรกก็หาไม่เจอ เอ๊ะยังไง คือ ต้องถามคนพม่าแถวนั้น ก้เดินตามทางที่เขาบอกไป ก็ตากแดด ก็แค่ พื้นเป็นดินขรุขระ น้ำนอง อารมเก่าเริ่มมาอีกครั้ง ตูมาลำบากทำไมเนี้ยยย
ในที่สุดก็เดินมาถึง รร เช็คอิน เอาของเก็บเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไปหา “ รถขนหมู” ที่จะพาเราขึ้นไปไหว้พระธาตุอินแขวน สงวนราคาก็ 2,500 จ๊าด ไปกลับก็ 5,000 จ๊าด คือรถจะต้องรอให้คนเต็มแบบ ทุกบรรทัด ทุกตรารางนิ้ว พ่อคุณถึงจะออก ที่เราสังเกตก็แถวละ 6 คน ทุกแถว แต่เรากลับคิดว่าเป็นข้อที่ดีนะ เพราะการนั้งรถขึ้นไปบนเขา ทางมันหักศอก แทงเขา เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เสียวท้องน้อย มากค่ะ ณ จุดนั้น จึงทำให้การนั้งชิดกันเป็นการช่วยลดการเหวี่ยงไปมา ของลำตัวได้ดีมาก ^^ ก่อนขึ้นก็แวะเติมน้ำมันสักหน่อย
ระหว่างทางที่นั้งรถขึ้นไป ลมเย็นสบาย อากาศสดชื่นมาก เราขึ้นไปประมาณ บ่ายสองครึ่ง ก็ไม่ร้อนนะ บอกเลยการได้นั้งรถ ขนหมู เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำของเราเลยหล่ะ
นั้งไปเพลิน ก็ถึงแล้ว ทางขึ้นพระธาตุอินแขวน เราก็เดินตามเขาไป เดินไปได้สักพัก ก็จะเห็นสำนักงาน ที่ให้คนต่างชาติซื้อบัตร ราคา 8,000 จ๊าด ก็จะได้ป้ายห้อยคอมา เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงจุดที่ให้ถอดร้องเท้า และเดินไปอีกหน่อย ก็เห็นพระธาตุอินแขวนแล้ว (แต่เขานำเสื่อ มาปิดเพราะเขากำลังซ่อมบูรณะอยู่ TT )
พระธาตุอินแขวนที่เราเห็น อาจจะแตกต่างจากที่ใครๆเคยเห็น แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรารู้ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราคืออะไรก็พอ ^^
เราเดินไปไหว้พระธาตุ เดินดูวิวรอบๆ จดจำบรรยากาศ และหามุมถ่ายรูป สุดท้ายเราก็ได้มุมที่ตามหา มันเป็นมุมกล้องของคุณตากล้องคนหนึ่ง ที่เราชอบผลงานเขาอ่ะ ^^
ประมาณ 5 โมงเราก็เดินไปขึ้นรถขนหมู เหมือนเดิมครับท่านผู้ชม ต้องรอให้เต็ม ถึงออก แต่จะบอกว่าขาขึ้นสวยแล้วนะ ขาลงพริ้มมม กว่าอีกอ่ะ ชอบๆๆ ลมเย็น สบาย จนคนข้างๆนี้หลับไปเลยครัช 555
พอลงมาข้างล่าง ก็ไปถามพนักงาน เกี่ยวกับรถที่จะไปหงสา พนักงาน รร ก็แนะนำมา ห่างจาก รร นิดเดียว เดินไปจองรถไว้ก่อนเลย มันจะมี เป็นรอบ เราจอง รอบ 8.00 ไว้ อ่ะ ราคา 5,000 จ๊าด (แอบบบอกนิดนึง ให้จองที่นั้ง ด้านขวามือ ถ้าหันหน้าไปทางคนขับ แดด จะร่มจ๊ะ)
วันแรกของเราในพม่า มันดูสโลววว แล้ววว สโลววอีกอ่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะ ที่พม่าเวลาเดินช้ากว่าประเทศไทยนะ เลยทำให้วันนี้ของเรา แอบเหงา เหมือนนมันไม่มีอะไรทำต่อ ได้แต่คิดว่า เวลาที่เหลือก่อนนอนจะทำไรดี มันช่างแตกต่างจากการไปญี่ปุ่น เวลาผ่านไปเร็วมาก เร็วยิ่งกว่า 4 G ( อยู่ญี่ปุ่นไม่มีความคิดที่ว่า เวลาเหลืออ่ะ ทำไรดีนะ ? ไม่มีโมเม้นนั้นเลย เพราะทุกเวลา นาที มันผ่านไปเร็ว หันมองนาฬิกา ก็ ห้าทุ่มแล้ว )
วันที่ สอง
การเดินจาก ไจทิโย ไป หงสา ใช้เวลาประมาณ 2 ชม ระหว่างทาง ก็นั้งดู วิวข้างทาง สวยบ้าง แปลกตาบ้าง หลับบ้าง อารมณ์เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต เพลงพม่าบนรถ ก็ทำนองเพราะดี ทำให้เพลินเหมือนกันแหะ ประทับใจการนั้งรถครั้งนี้อีกแล้ว
ทำให้เราคิดได้ว่า “ อดีตย้อนได้ แต่ในความทรงจำจริงๆ TT”
พอถึงจุดที่ เขาจอดให้เราลง มันจะแปลกใจว่าจุดนี้เหรอ เพราะมันเหมือนไม่ใช่ท่ารถ แต่ก็ให้สังเกตว่า
ใช่หรือไม่ใช่ ตรงที่บริเวณนี้จะมี วินมอไซต์ และ มีรถตุ๊กๆ อยู่เยอะ ก็พี่ๆเหล่านนี้และ ที่จะพาเราไปเที่ยวรอบหงสา
ลงมาจากรถก็มีพี่พม่า มาติดต่อ เป็นรถตุ๊กๆ เขาคิดคนละ 15,000 จ๊าด เราต่อเขาเหลือ 10,000 จ๊าด เพราะบอกเขาไปว่าไปแค่ 3 ที่ คือ เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ พระราชวังบุเรงนอง และพระนอนชเวตาเหลียว ก็เลยได้ราคานี้มา เราว่าก็โอเครนะ ถ้านั้งมอไซด์มันร้อนมากกอ่ะ เพราะ จากพระราชวังบุเรงนองไป พระนอนชเวตาเหลียว ไกลกันพอสมควร
แต่สุดท้ายเราก็ได้ผิวสีใหม่กลับมาอยู่ดี คือแดดมันค่อนข้างร้อน และ เราต้องเดินไหว้ จุดต่างๆ ที่เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ เราเลยได้ผิวสีใหม่กลับบ้าน 55
จุดแรกที่ไป คือ เจดีย์ชเวมอดอร์
ตรงทางขึ้นบันได ก็จะมีจุดจำหน่ายตั๋ว แบบเหมาแพ็คเกจ 5 สถานที่ ราคา10,000 จ๊าด เราไป เขาปิดปรับปรุงเหมือนที่พระธาตุอินแขวนเลย แต่ก็มีคนพม่าและคณะทัวร์คนไทยมาสักการะบูชา
เราสังเกตได้ว่า คนพม่ามีวัดเป็นที่พึ่งทางใจ ดูเขามีความสุขในการเข้าวัด ทำบุญ นั้งสมาธิ สวดมนต์ ลูกเด็กเล็กแดง ก็จะมีพ่อแม่ พาเข้าวัดแต่เด็กๆ ดูแล้วก็นึกคิดกลับไป ว่าคนพม่าในจินตนาการจะต้อง ดุ หน้าตาแบบไม่ยิ้มแย้ม
แต่พอมาเจอความจริง เขาใจดี ดูเป็นมิตร และยินดีกับการที่มีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมบ้านเมืองเขา ทำให้เราหายกังวลและเที่ยวได้สบายใจ
มากขึ้นเลยและ ^^
จุดที่สอง คือ พระราชวังบุเรงนอง
ห่างจาก จุดแรก ไม่น่าจะเกิน 5 km .
เมื่อไปถึง แค่เรานั้งอยู่บนรถตุ๊กๆ เราก็เห็นถึงความสวยยงามแล้วอ่ะ ดูอลังการดีนะ
ข้างในก็จะมีการจัดแสดง ตอไม้ที่เป็นต้นเสาของพระราชวัง ที่ขุดออกมา เป็นไม้ที่ยังคงหลงเหลือจากการถูกเผาวัง แค่เห็นจากขนาดของตอไม้ ก็รู้แล้วว่าพระราชวังเดิม ต้องใหญ่มาก พระราชวังที่เราเห็นเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ แต่สร้างในตำแหน่งเดิม ภายในก็จะมีห้องโถ่งว่าราชการ ของพระมหากษัตรย์จำลองขึ้นมา คล้ายๆในหนังเรื่องสมเด็จพระนเรศวร
เดินชมรอบๆ ก็สวยงามตามท้องเรื่อง เพราะที่พม่า เขาเน้นสีทองเป็นหลัก มันดูระยิบระยับ ตระการตาดี
จุดที่สาม พระนอนชเวตาเหลียว
จุดนี้ เราเรียยกว่าเป็นจุดซื้อของฝากได้เลย เพราะมีทั้งหยก มีงานไม้ แกะสลัก และอื่นๆ ขายอยู่ สองข้างทาง ที่จะเดินไปไหว้พระ คือตอนแรก ในใจเราคิดว่าที่ตลาดสก๊อตคือจุดซื้อของฝาก เราเลยไม่ค่อยได้ซื้ออะไรไปมาก
แต่พอไปตลาดสก๊อตจริงๆ กลับคิดผิด คือที่ตลาดสก๊อต จะเน้นขายผ้า ขายหยกแท้ และงานศิลปะ
พวกของฝาก เราว่าถ้าซื้อที่นี้จะได้ของฝากสำหรับหลายคนมากกว่านะ 55+ เพราะซื้อได้หลายชิ้น ราคาก็ย่อมเยาว์ แล้วแต่เทคนิคการต่อของแต่ละคนด้วยอ่ะ