………นานแค่ไหนแล้วนะ……….
………นับตั้งแต่ที่เธอคนนั้นจากไป……
………นานแค่ไหนแล้วที่ผมเฝ้ารอคอยวันพรุ่งนี้……..
………ที่มันไม่เคยมาถึง……..
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ผมชื่อ นภวัต ครับ ทุกคนเรียกผมว่า วัต ผมมานั่งอยู่ในสวนสาธารณะนี่มาสามชั่วโมงเต็มๆแล้ว รอบกายของผมเต็มไปด้วยเด็กๆผู้ไร้เดียงสากำลังเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนๆ บางคนก็เล่นอยู่กับสัตว์เลี้ยง เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย รอยยิ้มถูกระบายลงบนใบหน้าเนียนใส ทั้งผู้ใหญ่และคนชราต่างก็มาเดินเล่น ออกกำลังกาย ทุกคนดูมีความสุขจังเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว คนที่รัก ผมก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ สงสัยใช่มั้ยล่ะว่าผมมานั่งรอใครอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง โอเคผมจะเล่าให้ฟัง
….
….
หนึ่งปีก่อน (พ.ศ. 2559)
“พรุ่งนี้ห้ามลืมเดทของเรานะ ไม่งั้นเรางอนนายจริงๆด้วย”
ผมนั่งอ่านไลน์ที่แฟนสาวของผมส่งมาจนอดยิ้มไม่ได้กับอาการขี้น้อยใจของเธอ
เวลาที่ส่งคือ วันที่ 13 ธันวาคม 2559 เวลา 21.45 นาที ผมตอบกลับไปในเวลาใกล้ๆกัน
“ไม่ลืมหรอกครับ เธอนั่นแหละ อย่าทำให้ผมต้องรอนะ ไม่งั้นงอนจริงๆด้วย”
“เราไม่ทำให้นายรอหรอก สัญญาเลย 5555”
“รักรินนะครับ"
พร้อมส่งสติกเกอร์ไลน์ รูปหัวใจไป
“รักเหมือนกันนะ <3”
หลังจากจบบทสนทนา ผมก็เอนตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยว พร้อมรอยยิ้ม พรุ่งนี้แล้วสินะ นี่เป็นเดทแรกของคู่ผมล่ะ เราสองคนรู้จักกันที่มหาวิทยาลัย เราเรียนคณะเดียวกันและได้รู้จักกัน เธอชื่อ ริน เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตสีรัตติกาลที่จ้องมองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ จมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวบาง เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งในคณะและนอกคณะ และแน่นอนว่าผมเองก็สนใจเธอเช่นเดียวกัน แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเลือกผม วันที่ 20 เมษายน ปี 2558 คือวันที่ผมขอรินเป็นแฟน เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด
และแล้ว ก็ถึงวันที่ผมจะได้ออกไปเดทกับเธอ ปฎิธินของผมบอกว่าวันนี้วันที่ 14 ธันวาคม ผมตื่นเต้นมาก นั่งเลือกชุดอยู่นานเลยล่ะ พอจัดการเสริมหล่อทุกอย่างเสร็จ ผมก็เดินลงบันไดบ้านมาก่อนจะไปใส่รองเท้าผ้าใบ Adidas รุ่นใหม่ที่ผมลงทุนซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ใบหน้าของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนคนบ้าเลยล่ะครับ แต่แล้ว….
(กริ๊งงงง กริ๊งงงง)
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นทำให้ผมฉงนใจเล็กน้อย นี่เพิ่งเก้าโมงเช้าเองนะ ไม่น่ามีใครโทรมาหาผมนี่นา แต่ขาเรียวยาวของตัวเองก็พาผมเดินมารับจนได้
“ฮัลโหลครับ”
“ไอ้วัต!”
อ้อเพื่อนผมนั่นเองชื่อ นนท์ มาถึงก็ตะโกนใส่หูผมเลยแฮะ อะไรของมันกัน?
“รู้ข่าวยัง?!! เรื่องรินอ่ะ...”
ไอ้นนท์มันหมายความว่ายังไงของมัน ทำไมมันไม่พูดต่อล่ะเนี่ย ความสงสัยทำให้ผมถมมันกลับไป
“แฟนกูทำไม?”
จู่ๆผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาเฉยๆ เกิดอะไรขึ้นกับรินกัน
“ตั้งสติดีๆนะ คือรินเขา…”
“………….”
“….โดนรถชนตายเมื่อคืน…”
กลับมาปัจจุบัน
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง ตอนที่ผมรู้ข่าวจากนนท์ มันทำให้ผมช็อกทั้งยืน มือไม้อ่อนเรี่ยวแรงจนยืนไม่อยู่ ร่างกายผมทรุดลงกับพื้น แววตาราวกับไร้ชีวิต มันเป็นไปได้ยังไงกัน ผมเพิ่งไลน์คุยกับเธอเมื่อคืนเองนะ…
สองวันหลังจากนั้น ผมอยู่ในงานศพของเธอ แม่ของรินร่ำไห้พลางบอกผมว่า วันนั้นเมื่อตอนสี่ทุ่มรินบอกว่า จะออกไปซื้อโคโลญขวดใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ แม่เธอเห็นว่าร้านอยู่ใกล้ๆเลยปล่อยไป รู้ตัวอีกทีคือมีคนโทรมาบอกว่า เธอถูกรถชนเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุแล้ว
นั่นเป็นนาทีที่ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ใช่ผมนั่งลงหลั่งน้ำตาราวกับเด็กๆ ไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนของผม หรือแขกเหรื่ออะไรจะมองยังไง
นั่นเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ครั้งแรกก็ตอนที่พ่อแม่ของผมเสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อน ในช่วงเวลาไล่เลี้ยกัน นี่ผมต้องสูญเสียคนสำคัญไปถึงสามคนเชียวหรือ
โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตผมเสียจริง
ตอนนี้ก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้วที่ผมมานั่งรอ
รอคนที่จะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว…
ผมเหมือนคนไร้สติเลยเนอะ รู้ทั้งรู้ว่ารอไปก็ไม่มีทางที่เธอจะกลับมาหาผมอีกแล้ว
ทั้งใบหน้า น้ำเสียง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ช่วงเวลาที่เราเคยมีให้กัน มันไม่มีอีกแล้ว
เธอเป็นคนแรกที่เข้ามาเติมสีสันในชีวิตผม.......
เธอเป็นคนแรกที่ทำให้โลกของผมสดใส........
เธอเป็นคนแรกที่ทำให้ผมมีความสุขได้ทุกวัน........
และเธอก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมทรมานได้ทุกวันเช่นเดียวกัน……
นับตั้งแต่วันที่เธอจากไป ผมใช้ชีวิตอย่างไม่มีจุดหมาย ไปมหาวิทยาลัยก็ไม่มีเธอมานั่งข้างๆผม ตอนพักเที่ยงก็ไม่มีใครมากินข้าวกับผม ถ้าถามถึงพวกเพื่อนๆ มันเห็นผมซึมจนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็นะ ผมเก็บตัว ตีตัวออกห่างจากพวกมันเองแหละ พอมันเป็นแบบนี้แล้ว เล่นเอาผมไม่อยากไปเรียนเลยล่ะ แต่ทำไม่ได้หรอก พ่อแม่ที่เฝ้าดูอยู่บนสวรรค์คงด่าผมตายเลย
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง พลางเปิดไลน์เข้าไปที่ห้องแชทส่วนตัวของผมกับริน
“รักเหมือนกันนะ <3”
นั่นคือข้อความสุดท้ายที่ผมได้รับจากเธอ…..
นี่ผ่านมาปีหนึ่งแล้ว เธอยังไม่มาตามนัดเลย…..
ผมเริ่มจะงอนเธอจริงๆแล้ว ไหนว่าจะไม่ปล่อยให้ผมรอไง….
จู่ๆน้ำตาของผมก็ไหลออกมาจนผมต้องรีบเช็ด เพราะกลัวใครเห็น มันคงจะตลกน่าดูถ้ามีผู้ชายมานั่งดูโทรศัพท์และก็ร้องไห้อยู่คนเดียว บ้าเนอะแต่น้ำตาของผมก็ยังไหลรินไม่หยุดหย่อนซักที สุดท้ายผมต้องยอมจำนนให้กับความอ่อนแอของตนเองอีกรอบ ผมพยายามก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ แต่ทันใดนั้น…
“วัต…”
เสียงผู้หญิง เสียงอันสดใสที่ผมคุ้นหูเรียกชื่ออยู่ข้างหลัง ดวงตาผมเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะรีบหันหลังไปตามเสียงเรียก และได้พบกับสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าผม
ไม่จริงใช่มั้ย?.... ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?....
อยากให้ช่วยติชมเรื่องสั้นเรื่องใหม่ด้วยค่ะ (มือใหม่หัดเขียน ต้องการคำแนะนำ)
………นับตั้งแต่ที่เธอคนนั้นจากไป……
………นานแค่ไหนแล้วที่ผมเฝ้ารอคอยวันพรุ่งนี้……..
………ที่มันไม่เคยมาถึง……..
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ผมชื่อ นภวัต ครับ ทุกคนเรียกผมว่า วัต ผมมานั่งอยู่ในสวนสาธารณะนี่มาสามชั่วโมงเต็มๆแล้ว รอบกายของผมเต็มไปด้วยเด็กๆผู้ไร้เดียงสากำลังเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนๆ บางคนก็เล่นอยู่กับสัตว์เลี้ยง เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย รอยยิ้มถูกระบายลงบนใบหน้าเนียนใส ทั้งผู้ใหญ่และคนชราต่างก็มาเดินเล่น ออกกำลังกาย ทุกคนดูมีความสุขจังเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว คนที่รัก ผมก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ สงสัยใช่มั้ยล่ะว่าผมมานั่งรอใครอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง โอเคผมจะเล่าให้ฟัง
….
….
หนึ่งปีก่อน (พ.ศ. 2559)
“พรุ่งนี้ห้ามลืมเดทของเรานะ ไม่งั้นเรางอนนายจริงๆด้วย”
ผมนั่งอ่านไลน์ที่แฟนสาวของผมส่งมาจนอดยิ้มไม่ได้กับอาการขี้น้อยใจของเธอ
เวลาที่ส่งคือ วันที่ 13 ธันวาคม 2559 เวลา 21.45 นาที ผมตอบกลับไปในเวลาใกล้ๆกัน
“ไม่ลืมหรอกครับ เธอนั่นแหละ อย่าทำให้ผมต้องรอนะ ไม่งั้นงอนจริงๆด้วย”
“เราไม่ทำให้นายรอหรอก สัญญาเลย 5555”
“รักรินนะครับ"
พร้อมส่งสติกเกอร์ไลน์ รูปหัวใจไป
“รักเหมือนกันนะ <3”
หลังจากจบบทสนทนา ผมก็เอนตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยว พร้อมรอยยิ้ม พรุ่งนี้แล้วสินะ นี่เป็นเดทแรกของคู่ผมล่ะ เราสองคนรู้จักกันที่มหาวิทยาลัย เราเรียนคณะเดียวกันและได้รู้จักกัน เธอชื่อ ริน เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตสีรัตติกาลที่จ้องมองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ จมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวบาง เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งในคณะและนอกคณะ และแน่นอนว่าผมเองก็สนใจเธอเช่นเดียวกัน แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเลือกผม วันที่ 20 เมษายน ปี 2558 คือวันที่ผมขอรินเป็นแฟน เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด
และแล้ว ก็ถึงวันที่ผมจะได้ออกไปเดทกับเธอ ปฎิธินของผมบอกว่าวันนี้วันที่ 14 ธันวาคม ผมตื่นเต้นมาก นั่งเลือกชุดอยู่นานเลยล่ะ พอจัดการเสริมหล่อทุกอย่างเสร็จ ผมก็เดินลงบันไดบ้านมาก่อนจะไปใส่รองเท้าผ้าใบ Adidas รุ่นใหม่ที่ผมลงทุนซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ใบหน้าของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนคนบ้าเลยล่ะครับ แต่แล้ว….
(กริ๊งงงง กริ๊งงงง)
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นทำให้ผมฉงนใจเล็กน้อย นี่เพิ่งเก้าโมงเช้าเองนะ ไม่น่ามีใครโทรมาหาผมนี่นา แต่ขาเรียวยาวของตัวเองก็พาผมเดินมารับจนได้
“ฮัลโหลครับ”
“ไอ้วัต!”
อ้อเพื่อนผมนั่นเองชื่อ นนท์ มาถึงก็ตะโกนใส่หูผมเลยแฮะ อะไรของมันกัน?
“รู้ข่าวยัง?!! เรื่องรินอ่ะ...”
ไอ้นนท์มันหมายความว่ายังไงของมัน ทำไมมันไม่พูดต่อล่ะเนี่ย ความสงสัยทำให้ผมถมมันกลับไป
“แฟนกูทำไม?”
จู่ๆผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาเฉยๆ เกิดอะไรขึ้นกับรินกัน
“ตั้งสติดีๆนะ คือรินเขา…”
“………….”
“….โดนรถชนตายเมื่อคืน…”
กลับมาปัจจุบัน
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง ตอนที่ผมรู้ข่าวจากนนท์ มันทำให้ผมช็อกทั้งยืน มือไม้อ่อนเรี่ยวแรงจนยืนไม่อยู่ ร่างกายผมทรุดลงกับพื้น แววตาราวกับไร้ชีวิต มันเป็นไปได้ยังไงกัน ผมเพิ่งไลน์คุยกับเธอเมื่อคืนเองนะ…
สองวันหลังจากนั้น ผมอยู่ในงานศพของเธอ แม่ของรินร่ำไห้พลางบอกผมว่า วันนั้นเมื่อตอนสี่ทุ่มรินบอกว่า จะออกไปซื้อโคโลญขวดใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ แม่เธอเห็นว่าร้านอยู่ใกล้ๆเลยปล่อยไป รู้ตัวอีกทีคือมีคนโทรมาบอกว่า เธอถูกรถชนเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุแล้ว
นั่นเป็นนาทีที่ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ใช่ผมนั่งลงหลั่งน้ำตาราวกับเด็กๆ ไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนของผม หรือแขกเหรื่ออะไรจะมองยังไง
นั่นเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ครั้งแรกก็ตอนที่พ่อแม่ของผมเสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อน ในช่วงเวลาไล่เลี้ยกัน นี่ผมต้องสูญเสียคนสำคัญไปถึงสามคนเชียวหรือ
โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตผมเสียจริง
ตอนนี้ก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้วที่ผมมานั่งรอ
รอคนที่จะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว…
ผมเหมือนคนไร้สติเลยเนอะ รู้ทั้งรู้ว่ารอไปก็ไม่มีทางที่เธอจะกลับมาหาผมอีกแล้ว
ทั้งใบหน้า น้ำเสียง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ช่วงเวลาที่เราเคยมีให้กัน มันไม่มีอีกแล้ว
เธอเป็นคนแรกที่เข้ามาเติมสีสันในชีวิตผม.......
เธอเป็นคนแรกที่ทำให้โลกของผมสดใส........
เธอเป็นคนแรกที่ทำให้ผมมีความสุขได้ทุกวัน........
และเธอก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมทรมานได้ทุกวันเช่นเดียวกัน……
นับตั้งแต่วันที่เธอจากไป ผมใช้ชีวิตอย่างไม่มีจุดหมาย ไปมหาวิทยาลัยก็ไม่มีเธอมานั่งข้างๆผม ตอนพักเที่ยงก็ไม่มีใครมากินข้าวกับผม ถ้าถามถึงพวกเพื่อนๆ มันเห็นผมซึมจนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็นะ ผมเก็บตัว ตีตัวออกห่างจากพวกมันเองแหละ พอมันเป็นแบบนี้แล้ว เล่นเอาผมไม่อยากไปเรียนเลยล่ะ แต่ทำไม่ได้หรอก พ่อแม่ที่เฝ้าดูอยู่บนสวรรค์คงด่าผมตายเลย
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง พลางเปิดไลน์เข้าไปที่ห้องแชทส่วนตัวของผมกับริน
“รักเหมือนกันนะ <3”
นั่นคือข้อความสุดท้ายที่ผมได้รับจากเธอ…..
นี่ผ่านมาปีหนึ่งแล้ว เธอยังไม่มาตามนัดเลย…..
ผมเริ่มจะงอนเธอจริงๆแล้ว ไหนว่าจะไม่ปล่อยให้ผมรอไง….
จู่ๆน้ำตาของผมก็ไหลออกมาจนผมต้องรีบเช็ด เพราะกลัวใครเห็น มันคงจะตลกน่าดูถ้ามีผู้ชายมานั่งดูโทรศัพท์และก็ร้องไห้อยู่คนเดียว บ้าเนอะแต่น้ำตาของผมก็ยังไหลรินไม่หยุดหย่อนซักที สุดท้ายผมต้องยอมจำนนให้กับความอ่อนแอของตนเองอีกรอบ ผมพยายามก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ แต่ทันใดนั้น…
“วัต…”
เสียงผู้หญิง เสียงอันสดใสที่ผมคุ้นหูเรียกชื่ออยู่ข้างหลัง ดวงตาผมเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะรีบหันหลังไปตามเสียงเรียก และได้พบกับสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าผม
ไม่จริงใช่มั้ย?.... ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?....