ทริปนี้เกิดขึ้นแบบงงๆ หลังจากมีเหตุต้องไปทำงานที่ HIlton Head Island (South Carolina) ช่วงกลางเดือนกุมภาที่ผ่านมา จะบินไปอเมริกาทั้งทีเนอะ ถ้าไปทำแต่งานก็แลดูจะนั่งเครื่องเมื่อยก้นฟรีป่าวๆ ไหนไปแล้วก็ต้องเอาให้คุ้ม หุหุ ทริปนี้บินเดี่ยวและมีเวลาเที่ยวแค่ 4 คืนค่ะ (บินถึง JFK 12 ก.พ.ช่วงบ่าย และออกจากนิวยอร์ค 16 ก.พ.ช่วงบ่าย)
ชีวิตนี้ไม่เคยไปนิวยอร์คมาก่อน ก่อนไปก็หาข้อมูลจากห้องบลู หาหนังสือมาอ่านนิดหน่อย (ไปคนเดียว กลัวหลงเป็นธรรมดา 55)
กระทู้นี้จะค่อนไปทางรูปเยอะหน่อย
ถ้าข้อมูลที่เขียนมีอะไรผิดพลาดหรือเขียนอ่านไม่รู้เรื่องนี่ ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
รูปในกระทู้นี้จะปนๆกันระหว่างกล้อง Sony A6000 (เลนส์คิตกับ Fish Eye) แล้วก็ไอโฟนค่ะ (อันไหนหยิบถนัดก็จับถ่ายอันนั้น 55)
สวยบ้างเบลอบ้างปนๆกันไป
แล้วก็ทริปนี้หยิบเอากล้องฟิล์มติดไปถ่ายด้วย ล้างมาได้รูปที่พอดูได้ประมาณนึง ยังไงก็ฝากแปะกระทู้รูปจากกล้องฟิล์ม Olympus Trip 35 ไว้ตรงนี้อีกรอบด้วยละกันค่ะ (^___^)
พา Olympus Trip 35 ไปเที่ยวนิวยอร์คคคคคกันเต๊อะ (New York City by Olympus Trip 35- Film Camera)
http://pantip.com/topic/34885752
………………………………………
………………
………
ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยละกัน!
เรื่องวีซ่า : วิธีการขอวีซ่าเราจะไม่ขอพูดถึง (เพราะจำโมเม้นที่วีซ่าผ่านไม่ได้แล้วจริงๆ 55) ขอเพิ่มเติมแค่ข้อมูลบางส่วนละกันค่ะเรื่องวันหมดอายุของวีซ่า ประเด็นคือวีซ่าอเมริกาของเราจะหมดอายุวันที่ 20 กุมภา (ช่วงเวลาที่เราเดินทางคือ 12-23 กุมภา) ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำวีซ่าใหม่หรือเปล่าเพราะว่าเราจะอยู่เลยวันหมดอายุที่ระบุบนวีซ่า ก็เลยเสิร์ชหาข้อมูลจากเว็บไซต์ แล้วก็อีเมล์ไปถามสถานทูตอเมริกาที่เซี่ยงไฮ้ (เราทำงานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ค่ะ) ได้ความมาว่าไม่ต้องทำใหม่ เนื่องจากวันที่ระบุบนวีซ่านั้นหมายถึงวันสุดท้ายที่เราสามารถเข้าประเทศเค้าได้ ส่วนการจะได้อยู่นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กะ Immigration Officer ... ก็แอบดีใจเบาๆไม่ต้องเสียตังค์ทำใหม่ 55 แต่เพื่อความมั่นใจ (กลัวไปถึงแล้วเค้าไม่ให้เข้างี้) เลยฝากเพื่อนที่กำลังจะยื่นขอวีซ่าอเมริกาถามที่สถานทูตอเมริกาที่ไทยให้อีกทีเป็นการคอนเฟิร์ม ตอนแรกพนักงานรับโทรศัพท์ที่ไทยบอกว่าต้องทำใหม่ ข้อมูลดันไม่ตรงกันอี๊กกกก ก็เลยงงไปเล็กน้อย แต่เพื่อนก็ถามให้กะคนที่เค้าสัมภาษณ์ด้วยอีกที สรุปคือไม่ต้องทำใหม่นะคะ เย้!!
สายการบิน : รอบนี้ใช้บริการ China Eastern ค่ะ เพราะว่าตั๋วถูกสุด แล้วก็บินตรงจากเซี่ยงไฮ้รวดเดียวถึงนิวยอร์คเลยไม่เสียเวลา (ถ้าบินสายการบินนี้จาก กทม. ก็จะแวะพักเครื่องที่เซี่ยงไฮ้) ตอนแรกนึกว่าสายการบินนี้ไม่มีจอหน้าที่นั่ง เลยเตรียมอุปกรณ์เอนเตอร์เทนตัวเองไปเพียบ แต่พอขึ้นไปดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย มีจอหน้าที่นั่ง ส่วนที่นั่งก็สบายๆนะคะเราว่าไม่แคบ เครื่องไม่เต็มด้วย บนเครื่องเสิร์ฟอาหาร 2 มื้อละก็มีอาหารว่างอีกมื้อนึง เราขึ้นเครื่องปุ๊ปกิจกรรมหลักก็คือนอนค่ะ (เอาแรงก่อน) กะว่าพอถึงได้มีแรงเที่ยวได้เลย ไม่อยากเจ๊ทแลค 55 มีตื่นมาดื่มน้ำ เดินไปเดินมาแก้เมื่อยบ้าง
ที่พัก : เราพักใน Manhattan ค่ะ เนื่องจากเวลามีน้อย ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆแถบนี้ ได้ไปไหนมาไหนสะดวก ตอนแรกก็ดู Hostel แถวเซนทรัลปาร์คไว้ กะห้องดอร์มของ The OUT NYC แต่เสิร์ชไปเรื่อยๆดันเจอใน AirBnB เป็นห้องพักแถบ Hell’s Kitchen (ใกล้ๆกับ Port Authority Bus Terminal) คำนวนราคาแล้วตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะว่าถูกกว่าแล้วก็เดินทางสะดวกค่ะ ราคาต่อคืน 59$ แต่ต้องพัก 4 คืนขึ้นไปนะคะ เจ้าของห้องชื่อ Luiz อพาร์ทเม้นของเค้ามีทั้งหมด 2 ห้องนอน เราเลือกห้องเล็กเพราะราคาถูกกว่า ในอพาร์ทเม้นมีไมโครเวฟให้ใช้ มีเครื่องทำกาแฟ (และกาแฟฟรี) มีไวไฟ (เร็วมากกก) มีทีวี ตู้เย็น มีห้องน้ำที่เป็นอ่างอาบน้ำ แล้วก็อ่างล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนห้องส้วมจะอยู่นอกห้องค่ะ (แปลกดีเนอะ) ต้องเดินออกไปนอกห้องตรงทางขึ้นบันไดของตึกเพื่อไปเข้า แต่ว่าไม่ใช่ห้องน้ำรวมนะคะ เป็นห้องน้ำสำหรับอพาร์ทเม้นห้องนี้อย่างเดียวเลย มีกุญแจล็อคให้ เข้าเสร็จก็ล็อค ส่วนตัวเราไม่ค่อยซีเรียสเรื่องที่พักเท่าไหร่ ขอแค่ราคาสมเหตุสมผล ปลอดภัย สะอาด เดินกลับดึกๆจากไทม์แสควร์ได้ ไม่น่ากลัวก็โอเคค่ะ ^__^ ข้อเสียมีแค่ห้องเล็กที่เราจองไปไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่ ช่วงที่เราไปมันหน๊าวววหนาว พี่ Luiz เค้าก็จัดผ้าห่มมาให้เต็มแมกซ์ 3 ผืนนะ แต่ก็ไม่ค่อยช่วยสักเท่าไหร่ 555 ไม่น่างกเลย ถ้าเลือกห้องใหญ่ชีวิตน่าจะดีกว่านี้ (ห้องใหญ่แพงกว่าคืนละ 10$ เอง) ตอนที่เราไปมีหนุ่มออสเตรเลียเป็นรูมเมท ฮีมาทำงาน Toy’s Fair ได้คุยกันวันสองวัน เพราะต่างคนก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมห้องที่ดี
ซิมการ์ด : เราซื้อที่จีนก่อนไป ในราคา 248หยวน (หรือ 1,350บาท ที่จีนนี่มีทุกอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพื่อนคนจีนไปเที่ยวเมื่องไทยนี่ชีซื้อซิมดีแทคถูกกว่าซื้อที่ไทยอี๊กกกเป็นไปได้ไง 555) ซิมที่เราซื้อมาเป็นของ AT&T ใช้อินเตอร์เน็ตได้แบบ Unlimited แล้วก็โทรได้ 200 นาทีมั้งคะถ้าจำไม่ผิด ที่ต้องการใช้ซิมก็ไว้เผื่อดู Google Map ดูแผนที่รถไฟใต้ดินระหว่างวันประมาณนั้นค่ะ (ไม่ได้ติดโซเชียลเลยจริงจริ๊งงงงง)
ก่อนไปเราวางแผนเที่ยวคร่าวๆไป ตอนแรกแอบงงๆทิศนิดนึงไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน ก็อาศัยหาข้อมูลจากในพันทิปแล้วก็ซื้อหนังสือ D Plus Guide มาอ่าน เพื่อนแนะนำเล่มนี้มาอีกที อ่านแล้วเห็นภาพ แผนที่ดูง่าย เข้าใจผังเมืองแล้วก็วางแผนเที่ยวง่ายขึ้นค่ะ
เล่มนี้เลย
(รูปจากอินเตอร์เน็ต www.dplusshop.com)
เอาจริงๆจากตอนแรกมีที่มาร์คไว้ว่าอยากไปไม่กี่ที่ แต่พออ่านหนังสือจบอยากไปหลายที่มากกกกกก 555 (ครั้งแรกงี้) เลยอัดไปเยอะๆก่อน แต่สรุปแล้วเนื่องจากเวลาและความหนาว ทำให้ไม่ได้ไปทุกที่ที่อยากไปค่ะ
………………………………………
เกริ่นมานาน ออกเดินทางกันเต๊อะะะะะ
12 ก.พ. 2016
วันนี้ออกเดินทางจากสนามบิน Pudong International Airport
ที่นั่งบนเครื่องแบบ 3-4-3 แต่ก็คนไม่เต็มนะ
หมอนพร้อม เตรียมตัวนอนยาว
นั่งๆนอนๆครบ 14 ชั่วโมง พี่กัปตันก็ประกาศว่ากำลังจะแลนดิ้งแล้วววว
วิวจากบนเครื่อง หิมะขาวโพลนเลยทีเดียว เตรียมห่อตัวกันให้ดี หุหุ
Immigration คนแอบเยอะ
จากสนามบิน JFK เข้าเมืองใช้บริการ Air Train นั่งสายสีแดงไป Jamaica Station (Sutphin Blvd) ค่าเสียหาย 5$+ค่าบัตรอีก 1$ จ่ายตอนออกจากสถานี บัตร Air Train ให้เก็บไว้ใช้ตอนขากลับ ได้ไม่ต้องเสียค่าบัตรใหม่
จากนั้นก็นั่ง Metro สาย E (ซื้อบัตรแบบ Unlimited 7 วัน 30$+ค่าบัตร 1$) ไปลง 42st Port Authority Bus Terminal
จาก Port Authority Bus Terminal เดินอีกสองบล็อคก็ถึงที่พักเรียบร้อย คุณ Luiz มารอรับ พร้อมกุญแจอพาร์ทเม้น (ตอนรับกุญแจนี่เบลอมาก มันมีหลายดอกจริงๆ ทั้งกุญแจเข้าตึก กุญแจประตูใหญ่ กุญแจห้องนอน กุญแจห้องน้ำ กุจะจำได้มั้ยเนี่ย)
หน้าตาที่พักของเรา ประหยัด นอนสบ๊ายยย (มีกาแฟฟรีให้กินด้วย ดี๊ดี)
ได้เข้าห้องเรียบร้อย ขออาบน้ำ ยืดแข้งยืดขา พักสายตาสักงีบสองงีบ
คืนแรกในนิวยอร์ค เรามีนัดกับ Les Miserable จองตั๋วมาล่วงหน้ากับเว็บ
http://www.telechargeoffers.com ปกติแล้วตั๋วบรอดเวย์ลดราคาสามารถไปต่อแถวซื้อได้ที่บู๊ท TKTS ตรงบันไดแดงที่ไทม์แสควร์ แต่ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด กลัวพลาดเลยจองออนไลน์มาก่อน ก่อนจองวิตกจริตมากว่าจะนั่งตรงไหนดี 555 ไปเจอรีวิวใน Tripadvisor เค้าแปะลิงค์ไว้
http://www.entertainment-link.com/broadway-theaters.asp เป็นแนะนำที่นั่งของแต่ละโรง ใครไม่แน่ใจเรื่องที่นั่งลองกดเข้าไปดู
ก่อนละครเริ่มไปเดินเล่นแถวไทม์แสควร์นิดหน่อยเดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง
คนเยอะมว๊ากกกกกกกก
บันไดแดง สัญลักษณ์ไทม์แสควร์ บู๊ท TKTS อยู่ตรงข้างๆบันไดแดงนี้แหละ
ด้านหน้าโรงละคร Imperial Theatre จะเปิดให้คนเข้าก่อนเริ่มแสดง 30นาที
สำหรับเรื่องนี้ตั้งใจว่าอยากดูแบบติดขอบเวที อยากดูพี่ Alfie Boe แบบใกล้ชิด ในเว็บมีตั๋วลดราคาที่ราคาพอสู้ไหว เลยได้ตั๋วแถว A ที่นั่ง 6 มา (ค่าเสียหายรวม Service Charge & Tax ทุกอย่างแล้ว 114$) เราเลือกไปรับตั๋วหน้าโรงเพราะอยากเก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึก (ไม่ได้มาบ่อยๆเนอะ ฮ่าๆ) พอไปถึงก็เอาใบจองที่ปริ้นท์มาไปรับได้เลย (ในใบจองเค้าบอกว่าต้องเอาพาสปอร์ตกับบัตรเครดิตที่ซื้อไปโชว์ด้วย แต่เอาจริงๆไปถึงเค้าก็ไม่ได้ขอดูไรเลย)
เข้าไปในโรงตื่นเต้นอลังการมว๊ากกกก ไม่นึกว่าจะติดขอบเวทีขนาดเน้
ก่อนละครเริ่ม สงสัยจะตื่นเต้นมากไปหน่อยจนหิวน้ำเลยจัดน้ำไป 1 ขวด แทบกรี๊ด แม่เจ้าน้ำแพงมากกกกกกกก 555 เกือบขำไม่ออก คือคิดอยู่แล้วว่าน้ำในโรงก็คงแพงแหละแต่ไม่นึกว่าจะแพงขนาดนี้ โดนไป 5$ เบาๆ (น้ำบ้าไรแว้ขวดละเกือบ 200)

ในส่วนของละคร ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ร่างกายแอบล้าจากการนั่งเครื่อง จนเกือบจะหลับตอนช่วงหลังๆ
เคลิ้มมม เพลงเพราะงี้ 555
ป.ล. ช่วงพักครึ่งห้องน้ำของโรงละครที่นี่แถวยาวมาก ขดจากชั้นบนสุดไปถึงชั้นล่างสุด ทางที่ดีอย่าดื่มน้ำเยอะเลยดีที่สุด >____<
หลังละครจบแอบเจอพี่ Marius (Lewin Ilaw) ตรง Stage Door งานดีต้องมาๆ
ช่วงอาทิตย์ที่เราไปเป็นช่วง New York แฟชั่นวีคพอดิบพอดี เลยบังเอิญได้เจอรุ่นน้องที่สนิทกันแบบไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน (ปกติชีอยู่ซานฟราน ชีมางานแฟชั่นวีค) ชีเปิดเฟซเห็นเราเช็คอินที่ New York งี้ เลยอินบ๊อกซ์มา เราเจอกันครั้งสุดท้ายตอนไปอ้วกแตกอ้วกแตนด้วยกันแถว RCA เมื่อสองปีที่แล้ว 555 (รอบนี้แลดูดีเนอะ มาเจอกันที่ไทม์แสควร์)
ตานี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Les Miserable นะ 555
เมาท์มอยกันนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ละก็แยกย้ายกันไป ชีไปเต้น ส่วนเราขอตัวไปนอน คืนแรกในเมืองนี้กว่าจะถึงห้องก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง สลบบบบเป็นตายยยยยครัชชช




(TRIP) New York 1st Time หนีเที่ยวนิวหยวกกกกกันเต๊อะ :))))))))))
ชีวิตนี้ไม่เคยไปนิวยอร์คมาก่อน ก่อนไปก็หาข้อมูลจากห้องบลู หาหนังสือมาอ่านนิดหน่อย (ไปคนเดียว กลัวหลงเป็นธรรมดา 55)
กระทู้นี้จะค่อนไปทางรูปเยอะหน่อย
ถ้าข้อมูลที่เขียนมีอะไรผิดพลาดหรือเขียนอ่านไม่รู้เรื่องนี่ ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
รูปในกระทู้นี้จะปนๆกันระหว่างกล้อง Sony A6000 (เลนส์คิตกับ Fish Eye) แล้วก็ไอโฟนค่ะ (อันไหนหยิบถนัดก็จับถ่ายอันนั้น 55)
สวยบ้างเบลอบ้างปนๆกันไป
แล้วก็ทริปนี้หยิบเอากล้องฟิล์มติดไปถ่ายด้วย ล้างมาได้รูปที่พอดูได้ประมาณนึง ยังไงก็ฝากแปะกระทู้รูปจากกล้องฟิล์ม Olympus Trip 35 ไว้ตรงนี้อีกรอบด้วยละกันค่ะ (^___^)
พา Olympus Trip 35 ไปเที่ยวนิวยอร์คคคคคกันเต๊อะ (New York City by Olympus Trip 35- Film Camera)
http://pantip.com/topic/34885752
………………………………………
………………
………
ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยละกัน!
เรื่องวีซ่า : วิธีการขอวีซ่าเราจะไม่ขอพูดถึง (เพราะจำโมเม้นที่วีซ่าผ่านไม่ได้แล้วจริงๆ 55) ขอเพิ่มเติมแค่ข้อมูลบางส่วนละกันค่ะเรื่องวันหมดอายุของวีซ่า ประเด็นคือวีซ่าอเมริกาของเราจะหมดอายุวันที่ 20 กุมภา (ช่วงเวลาที่เราเดินทางคือ 12-23 กุมภา) ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำวีซ่าใหม่หรือเปล่าเพราะว่าเราจะอยู่เลยวันหมดอายุที่ระบุบนวีซ่า ก็เลยเสิร์ชหาข้อมูลจากเว็บไซต์ แล้วก็อีเมล์ไปถามสถานทูตอเมริกาที่เซี่ยงไฮ้ (เราทำงานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ค่ะ) ได้ความมาว่าไม่ต้องทำใหม่ เนื่องจากวันที่ระบุบนวีซ่านั้นหมายถึงวันสุดท้ายที่เราสามารถเข้าประเทศเค้าได้ ส่วนการจะได้อยู่นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กะ Immigration Officer ... ก็แอบดีใจเบาๆไม่ต้องเสียตังค์ทำใหม่ 55 แต่เพื่อความมั่นใจ (กลัวไปถึงแล้วเค้าไม่ให้เข้างี้) เลยฝากเพื่อนที่กำลังจะยื่นขอวีซ่าอเมริกาถามที่สถานทูตอเมริกาที่ไทยให้อีกทีเป็นการคอนเฟิร์ม ตอนแรกพนักงานรับโทรศัพท์ที่ไทยบอกว่าต้องทำใหม่ ข้อมูลดันไม่ตรงกันอี๊กกกก ก็เลยงงไปเล็กน้อย แต่เพื่อนก็ถามให้กะคนที่เค้าสัมภาษณ์ด้วยอีกที สรุปคือไม่ต้องทำใหม่นะคะ เย้!!
สายการบิน : รอบนี้ใช้บริการ China Eastern ค่ะ เพราะว่าตั๋วถูกสุด แล้วก็บินตรงจากเซี่ยงไฮ้รวดเดียวถึงนิวยอร์คเลยไม่เสียเวลา (ถ้าบินสายการบินนี้จาก กทม. ก็จะแวะพักเครื่องที่เซี่ยงไฮ้) ตอนแรกนึกว่าสายการบินนี้ไม่มีจอหน้าที่นั่ง เลยเตรียมอุปกรณ์เอนเตอร์เทนตัวเองไปเพียบ แต่พอขึ้นไปดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย มีจอหน้าที่นั่ง ส่วนที่นั่งก็สบายๆนะคะเราว่าไม่แคบ เครื่องไม่เต็มด้วย บนเครื่องเสิร์ฟอาหาร 2 มื้อละก็มีอาหารว่างอีกมื้อนึง เราขึ้นเครื่องปุ๊ปกิจกรรมหลักก็คือนอนค่ะ (เอาแรงก่อน) กะว่าพอถึงได้มีแรงเที่ยวได้เลย ไม่อยากเจ๊ทแลค 55 มีตื่นมาดื่มน้ำ เดินไปเดินมาแก้เมื่อยบ้าง
ที่พัก : เราพักใน Manhattan ค่ะ เนื่องจากเวลามีน้อย ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆแถบนี้ ได้ไปไหนมาไหนสะดวก ตอนแรกก็ดู Hostel แถวเซนทรัลปาร์คไว้ กะห้องดอร์มของ The OUT NYC แต่เสิร์ชไปเรื่อยๆดันเจอใน AirBnB เป็นห้องพักแถบ Hell’s Kitchen (ใกล้ๆกับ Port Authority Bus Terminal) คำนวนราคาแล้วตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะว่าถูกกว่าแล้วก็เดินทางสะดวกค่ะ ราคาต่อคืน 59$ แต่ต้องพัก 4 คืนขึ้นไปนะคะ เจ้าของห้องชื่อ Luiz อพาร์ทเม้นของเค้ามีทั้งหมด 2 ห้องนอน เราเลือกห้องเล็กเพราะราคาถูกกว่า ในอพาร์ทเม้นมีไมโครเวฟให้ใช้ มีเครื่องทำกาแฟ (และกาแฟฟรี) มีไวไฟ (เร็วมากกก) มีทีวี ตู้เย็น มีห้องน้ำที่เป็นอ่างอาบน้ำ แล้วก็อ่างล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนห้องส้วมจะอยู่นอกห้องค่ะ (แปลกดีเนอะ) ต้องเดินออกไปนอกห้องตรงทางขึ้นบันไดของตึกเพื่อไปเข้า แต่ว่าไม่ใช่ห้องน้ำรวมนะคะ เป็นห้องน้ำสำหรับอพาร์ทเม้นห้องนี้อย่างเดียวเลย มีกุญแจล็อคให้ เข้าเสร็จก็ล็อค ส่วนตัวเราไม่ค่อยซีเรียสเรื่องที่พักเท่าไหร่ ขอแค่ราคาสมเหตุสมผล ปลอดภัย สะอาด เดินกลับดึกๆจากไทม์แสควร์ได้ ไม่น่ากลัวก็โอเคค่ะ ^__^ ข้อเสียมีแค่ห้องเล็กที่เราจองไปไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่ ช่วงที่เราไปมันหน๊าวววหนาว พี่ Luiz เค้าก็จัดผ้าห่มมาให้เต็มแมกซ์ 3 ผืนนะ แต่ก็ไม่ค่อยช่วยสักเท่าไหร่ 555 ไม่น่างกเลย ถ้าเลือกห้องใหญ่ชีวิตน่าจะดีกว่านี้ (ห้องใหญ่แพงกว่าคืนละ 10$ เอง) ตอนที่เราไปมีหนุ่มออสเตรเลียเป็นรูมเมท ฮีมาทำงาน Toy’s Fair ได้คุยกันวันสองวัน เพราะต่างคนก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมห้องที่ดี
ซิมการ์ด : เราซื้อที่จีนก่อนไป ในราคา 248หยวน (หรือ 1,350บาท ที่จีนนี่มีทุกอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพื่อนคนจีนไปเที่ยวเมื่องไทยนี่ชีซื้อซิมดีแทคถูกกว่าซื้อที่ไทยอี๊กกกเป็นไปได้ไง 555) ซิมที่เราซื้อมาเป็นของ AT&T ใช้อินเตอร์เน็ตได้แบบ Unlimited แล้วก็โทรได้ 200 นาทีมั้งคะถ้าจำไม่ผิด ที่ต้องการใช้ซิมก็ไว้เผื่อดู Google Map ดูแผนที่รถไฟใต้ดินระหว่างวันประมาณนั้นค่ะ (ไม่ได้ติดโซเชียลเลยจริงจริ๊งงงงง)
ก่อนไปเราวางแผนเที่ยวคร่าวๆไป ตอนแรกแอบงงๆทิศนิดนึงไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน ก็อาศัยหาข้อมูลจากในพันทิปแล้วก็ซื้อหนังสือ D Plus Guide มาอ่าน เพื่อนแนะนำเล่มนี้มาอีกที อ่านแล้วเห็นภาพ แผนที่ดูง่าย เข้าใจผังเมืองแล้วก็วางแผนเที่ยวง่ายขึ้นค่ะ
เล่มนี้เลย
(รูปจากอินเตอร์เน็ต www.dplusshop.com)
เอาจริงๆจากตอนแรกมีที่มาร์คไว้ว่าอยากไปไม่กี่ที่ แต่พออ่านหนังสือจบอยากไปหลายที่มากกกกกก 555 (ครั้งแรกงี้) เลยอัดไปเยอะๆก่อน แต่สรุปแล้วเนื่องจากเวลาและความหนาว ทำให้ไม่ได้ไปทุกที่ที่อยากไปค่ะ
………………………………………
เกริ่นมานาน ออกเดินทางกันเต๊อะะะะะ
12 ก.พ. 2016
วันนี้ออกเดินทางจากสนามบิน Pudong International Airport
ที่นั่งบนเครื่องแบบ 3-4-3 แต่ก็คนไม่เต็มนะ
หมอนพร้อม เตรียมตัวนอนยาว
นั่งๆนอนๆครบ 14 ชั่วโมง พี่กัปตันก็ประกาศว่ากำลังจะแลนดิ้งแล้วววว
วิวจากบนเครื่อง หิมะขาวโพลนเลยทีเดียว เตรียมห่อตัวกันให้ดี หุหุ
Immigration คนแอบเยอะ
จากสนามบิน JFK เข้าเมืองใช้บริการ Air Train นั่งสายสีแดงไป Jamaica Station (Sutphin Blvd) ค่าเสียหาย 5$+ค่าบัตรอีก 1$ จ่ายตอนออกจากสถานี บัตร Air Train ให้เก็บไว้ใช้ตอนขากลับ ได้ไม่ต้องเสียค่าบัตรใหม่
จากนั้นก็นั่ง Metro สาย E (ซื้อบัตรแบบ Unlimited 7 วัน 30$+ค่าบัตร 1$) ไปลง 42st Port Authority Bus Terminal
จาก Port Authority Bus Terminal เดินอีกสองบล็อคก็ถึงที่พักเรียบร้อย คุณ Luiz มารอรับ พร้อมกุญแจอพาร์ทเม้น (ตอนรับกุญแจนี่เบลอมาก มันมีหลายดอกจริงๆ ทั้งกุญแจเข้าตึก กุญแจประตูใหญ่ กุญแจห้องนอน กุญแจห้องน้ำ กุจะจำได้มั้ยเนี่ย)
หน้าตาที่พักของเรา ประหยัด นอนสบ๊ายยย (มีกาแฟฟรีให้กินด้วย ดี๊ดี)
ได้เข้าห้องเรียบร้อย ขออาบน้ำ ยืดแข้งยืดขา พักสายตาสักงีบสองงีบ
คืนแรกในนิวยอร์ค เรามีนัดกับ Les Miserable จองตั๋วมาล่วงหน้ากับเว็บ http://www.telechargeoffers.com ปกติแล้วตั๋วบรอดเวย์ลดราคาสามารถไปต่อแถวซื้อได้ที่บู๊ท TKTS ตรงบันไดแดงที่ไทม์แสควร์ แต่ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด กลัวพลาดเลยจองออนไลน์มาก่อน ก่อนจองวิตกจริตมากว่าจะนั่งตรงไหนดี 555 ไปเจอรีวิวใน Tripadvisor เค้าแปะลิงค์ไว้ http://www.entertainment-link.com/broadway-theaters.asp เป็นแนะนำที่นั่งของแต่ละโรง ใครไม่แน่ใจเรื่องที่นั่งลองกดเข้าไปดู
ก่อนละครเริ่มไปเดินเล่นแถวไทม์แสควร์นิดหน่อยเดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง
คนเยอะมว๊ากกกกกกกก
บันไดแดง สัญลักษณ์ไทม์แสควร์ บู๊ท TKTS อยู่ตรงข้างๆบันไดแดงนี้แหละ
ด้านหน้าโรงละคร Imperial Theatre จะเปิดให้คนเข้าก่อนเริ่มแสดง 30นาที
สำหรับเรื่องนี้ตั้งใจว่าอยากดูแบบติดขอบเวที อยากดูพี่ Alfie Boe แบบใกล้ชิด ในเว็บมีตั๋วลดราคาที่ราคาพอสู้ไหว เลยได้ตั๋วแถว A ที่นั่ง 6 มา (ค่าเสียหายรวม Service Charge & Tax ทุกอย่างแล้ว 114$) เราเลือกไปรับตั๋วหน้าโรงเพราะอยากเก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึก (ไม่ได้มาบ่อยๆเนอะ ฮ่าๆ) พอไปถึงก็เอาใบจองที่ปริ้นท์มาไปรับได้เลย (ในใบจองเค้าบอกว่าต้องเอาพาสปอร์ตกับบัตรเครดิตที่ซื้อไปโชว์ด้วย แต่เอาจริงๆไปถึงเค้าก็ไม่ได้ขอดูไรเลย)
เข้าไปในโรงตื่นเต้นอลังการมว๊ากกกก ไม่นึกว่าจะติดขอบเวทีขนาดเน้
ก่อนละครเริ่ม สงสัยจะตื่นเต้นมากไปหน่อยจนหิวน้ำเลยจัดน้ำไป 1 ขวด แทบกรี๊ด แม่เจ้าน้ำแพงมากกกกกกกก 555 เกือบขำไม่ออก คือคิดอยู่แล้วว่าน้ำในโรงก็คงแพงแหละแต่ไม่นึกว่าจะแพงขนาดนี้ โดนไป 5$ เบาๆ (น้ำบ้าไรแว้ขวดละเกือบ 200)
ในส่วนของละคร ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ร่างกายแอบล้าจากการนั่งเครื่อง จนเกือบจะหลับตอนช่วงหลังๆ
เคลิ้มมม เพลงเพราะงี้ 555
ป.ล. ช่วงพักครึ่งห้องน้ำของโรงละครที่นี่แถวยาวมาก ขดจากชั้นบนสุดไปถึงชั้นล่างสุด ทางที่ดีอย่าดื่มน้ำเยอะเลยดีที่สุด >____<
หลังละครจบแอบเจอพี่ Marius (Lewin Ilaw) ตรง Stage Door งานดีต้องมาๆ
ช่วงอาทิตย์ที่เราไปเป็นช่วง New York แฟชั่นวีคพอดิบพอดี เลยบังเอิญได้เจอรุ่นน้องที่สนิทกันแบบไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน (ปกติชีอยู่ซานฟราน ชีมางานแฟชั่นวีค) ชีเปิดเฟซเห็นเราเช็คอินที่ New York งี้ เลยอินบ๊อกซ์มา เราเจอกันครั้งสุดท้ายตอนไปอ้วกแตกอ้วกแตนด้วยกันแถว RCA เมื่อสองปีที่แล้ว 555 (รอบนี้แลดูดีเนอะ มาเจอกันที่ไทม์แสควร์)
ตานี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Les Miserable นะ 555
เมาท์มอยกันนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ละก็แยกย้ายกันไป ชีไปเต้น ส่วนเราขอตัวไปนอน คืนแรกในเมืองนี้กว่าจะถึงห้องก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง สลบบบบเป็นตายยยยยครัชชช