( กระทู้นี้ ต้องการนำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์แก่ ว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มีงบอยู่อย่างจำกัด เหมือน จขกท อิอิ อาจไม่ตรงใจใครทุกคน แต่อยากให้ข้อมูลเผื่อจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้บ้างนะคะ )
ตามชื่อกระทู้เลยคะ มันคือแว๊บแรกที่เกิดขึ้นในสมอง ย้อมกลับไปเมื่อ หลายเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่ สามีขอแต่งงาน
แน่นอนเลยคะ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ
1.การหาฤกษ์งามยามดี (...ค่าใช้จ่าย 0 บาท...)
จำได้ว่า เราเริ่มหาฤกษ์กัน ในช่วงเดือนตุลาคม 2557 คะ ตอนแรกนั้นเราก็ได้หาฤกษ์ที่วัดเหมือนคู่อื่นๆ คะ
ได้ฤกษ์มา ช่วงเดือน กันยายน และ ตุลาคม 2558 (นั้นคือช่วงที่คิดไว้ในตอนแรก ซึ่งเราจะมีเวลาเตรียมงานประมาณ 1 ปี)
พอได้ฤกษ์ มาแล้ว งานต่อไปคือการคิด คอนเซ็ป งาน (นี้ล่ะคะ ตัวเจ้าปัญหา)
เพราะคอนเซ็ป ที่เราอยากได้คือ Outdoor คะ คิดดูสิคะ ตุลาคม ฝนตกโรยปราย เลยจ้า ฮ่าๆๆๆๆ
เริ่มกันใหม่ หาฤกษ์กันใหม่อีกรอบ แต่คราวนี้ ฤกษ์ที่เราได้คือ ฤกษ์สะดวกคะ นั้นหมายถึง กำหนดวันเอง
เราเพียงแค่ลองค้นหาทางอินเตอร์เน็ต เอาเป็นว่าไม่เป็นวันอัปมงคล เราก็เป็นอันตกลง
แต่จริงๆแล้ว มันก็ไม่ง่ายอย่างที่ว่าเท่าไรนะคะ เราก็มีเถียงกันบ้าง ขัดกันบ้าง สุดท้ายก็ได้มา
เป็นวันที่ 6 ธันวาคม 2558 เหตุผลคือ
-เราไม่อยากให้เกิน ปี 2558 เพราะ ผู้ใหญ่ทางฝ่ายสามี ได้มาคุยกันอย่างเป็นทางการเมื่อ ปลายปี 2557 แล้ว เกรงว่าจะนานเกินไป จะดูไม่ดี
-ใกล้กับวันหยุดวันพ่อ ซึ่งเราทั้งคู่อยากมอบเป็น ของขวัญ ให้กับท่าน
-และเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องการกลับดึกของแขกในงาน
สรุปแล้ว เราเหลือเวลา เตรียมงานทั้งหมด ประมาณ 14 เดือน
เมื่อได้ฤกษ์เรียบร้อย ต่อไป เราก็เริ่มหาข้อมูลเรื่องสถานที่คะ
2.การหาสถานที่จัดงาน (...ค่าใช้จ่าย 13,160...)
สำหรับเรานั้น บ้านเจ้าสาว ไม่สามารถจะจัดงานได้อย่างแน่นอน เราจึงจำเป็นจะต้องพึ่งสถานที่รับจัดงานต่างๆค่ะ
ในความคิดแรก เรากะว่าจะจัดเพียงแค่พิธีสงฆ์ เท่านั้น มีเลี้ยงแขกนิดหน่อย กะว่า เอาแบบประหยัด งบ สุดๆ
ซึ่งสถานที่เดียว ที่เราจ้องไว้ ตั้งแต่ยังไม่มีแผนแต่งงาน (แหม ก็ผู้หญิงอะนะ เรื่องอย่างงี้ ถนัดนักหล่ะ อิอิ)
คือ โรงพยาบาลสงฆ์ แถว พญาไท กรุงเทพ คะ
สำหรับเราแล้ว เป็นที่ที่เหมาะที่สุดแล้ว เหตุผลที่เลือกคือ
-สะดวกมาก เราแทบไม่ต้อง ปวดหัวกับเรื่องจัดเตรียมอุปกรณ์ และสถานที่เลย เพราะที่นี้ เขาเตรียมให้เราเสร็จทุกอย่าง เราเพียงแค่รอ ให้ถึงวันสมรส แต่งตัวสวยงาม ขันหมาก และซองปัจจัย 9 ซอง เท่านั้น แต่เรามีการเพิ่มซองให้กับหมอขวัญด้วย (หมอขวัญ คนที่ดำเนินพิธี คอยบอกว่าจะต้องทำอะไรยังไงไปตามขั้นตอน ซึ่งทางสถานที่จัดให้เราค่ะ) สรุปแล้วคือ ทุกอย่างพร้อมคะ
-ประหยัดเงินในกระเป๋ามากคะ และทุกอย่างจบในเงินก้อนเดียว ไม่บานปลายคะ
เมื่อเราตกลงเลือก โรงพยาบาลสงฆ์เป็นสถานที่จัดพิธีเช้าแล้ว เราก็เดินทางไปจองห้อง เราไปช่วงเดือน มกราคม 2558 คะ จำได้ว่า ณ.ขณะนั้น สถานที่รับจองพิธี เต็มจนถึงเดือน กรกฏาคม คะ ซึ่งเรายังคุยกับสามีเลยว่า โชคดีมากๆ ที่เราไม่ชะล่าใจ มาจองในวันใกล้ๆงาน คิดดูสิคะ เราได้ฤกษ์เดือน ธันวาคม เราไปจองเดือน มกราคม ตอนนั้นวันที่ตรงกับฤกษ์ของเรา เหลือแค่ 3 ห้องเท่านั้น
พอเราไปถึง เราก็ไปที่ห้องรับจอง บอกวันที่เราต้องการ แล้วทางเจ้าหน้าที่ ก็จะบอกห้องที่ว่าง แล้วให้เราไปเดินดู เพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกห้องพิธีไหน
ของเราจองแบบ พิธีสมรส เดี่ยว (เพล) เราได้ห้องพิธีที่ 4 คะ สามารถรับแขกได้ประมาณ 60-70 ท่านคะ อันนี้ข้อมูลจากสอบถามทางสถานที่นะคะ แต่แขกเราก็ไม่ถึงคะ เลยได้บรรยากาศล่วมๆ ไม่คับแคบ
วันนั้น เราได้ชำระค่าจองห้องพิธี ทั้งสิ้น 13,160 บาทคะ
ซึ่งถ้าจองแบบ พิธีสมรสหมู่ (เช้า) ก็จะประหยัดเข้าไปอีกคะ
สำหรับสถานที่แล้ว การแห่ขันหมาก อนุญาติให้โห่รับขันหมากได้ค่ะ แต่ไม่ควรมีดนตรีเสียงดังเกินไป แค่พอเป็นพิธีน่ารักๆ ได้คะ
และไม่อนุญาติให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มนะคะ สำหรับ พิธีสมรสเดี่ยว (เพล) แขกในงานอาจไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องนี้ แต่โชคดีที่แขกของเราไม่ซีเรียส ต้องขอกราบขอบพระคุณ *-*
ทั้งนี้ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในอินเตอร์เน็ต เลยนะคะ






















พอได้ สถานที่เช้าแล้ว เราก็ข้ามมา เรื่อง Pre-wedding ก่อนเลยคะ เพราะสถานที่กินเลี้ยงยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง ยังตัดสินใจไม่ได้เลยจริงๆ ร้อยแปดพัน สถานที่ อยู่ในหัว และกับอีกมากมาย ที่คนรอบข้างลองเอามาให้ดู
3.ถ่าย Pre-wedding (...ค่าใช้จ่าย 11,700 ...)
ข้อนี้ภูมิใจนำเสนอมากๆคะ เราจะข้ามประเด็น เรื่องแพ๊คเกจถ่าย Pre จากทางร้านต่างๆไปเลยนะคะ อันนี้บังคับความชอบส่วนบุคคลไม่ได้จริงๆ ขอพูดแต่ส่วนของเรานะคะ *-*
อันดับแรก คำพูดจากทางผู้ใหญ่ของเราทั้ง สองฝ่าย พูดพร้อมกันเลยว่า ขอเลย เรื่องนี้ อย่าสิ้นเปลื้องกันมาก เอาแค่พอดีๆ นะลูก มันเลยเป็นสาเหตุของกิจกรรมสนุกๆ ที่เราจะกล่าวต่อไปนี้คะ
พอดี น้องที่ทำงาน งานอดิเรกน้อง เป็นช่างภาพ เราชอบงานน้องมาก เคยหยอกกันเล่นๆว่า ถ้าพี่แต่งงาน พี่ขอจ้างน้องนะ น้องยังเคยแซวกลับเลย “เอาน่าพี่ รอให้ถึงวันนั้นก่อน” ฮ่าๆๆๆๆ แล้วมันก็มาถึงวันนั้นจริงๆ
ตอนแรก เราก็กะจะถ่ายที่ กทม. นี้หล่ะคะ เอาแบบง่ายๆ แต่สามีเราไม่ชอบ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบทะเลทั้งคู่ และประจวบกับ สามี เป็นคนจังหวัดกระบี่คะ พอจะเดาออกแล้วใช่ไหมคะ ...ถูกต้องคะ เราไปถ่ายกันถึงที่กระบี่
น้องช่างภาพก็ยินดี ที่จะตามไปถ่ายที่จังหวัดกระบี่ ให้เรา น่ารักที่สุด
ราคาช่างภาพ 4,500 บาท ไม่ผิดคะ 4,500 บาทจริงๆคะ น้องคงคิดให้ราคากันเอง
น้องจะล้าง ขนาด 12 x 18 ให้ 12 ภาพ พร้อมซีดีรูปภาพที่แต่งแล้วทั้งหมด ไฟล์ละเอียด และ หยาบสำหรับโพส FB อิอิ
งานเข้าแล้วสิทีนี้ !!! ก็เราจ้างช่างภาพเอง แล้วเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม จะเอาไงดีหล่ะ
เราเลือกวิธี หาเช่าชุดแต่งงาน ตามร้านเช่าชุดราตรีคะ บอกเลยคะ ช่วงแรกๆ ปวดหัวมากๆ ไม่รู้จะเอายังไงดี ให้มันสบายเงินในกระเป๋า มีอยู่วันนึง เรานั้งหาร้านเช่าชุดใน FB หาเพจร้าน และแล้วก็เจอ คือเราอยู่โซนพระราม 2 คะ
ร้านชื่อ DD Wedding เช่าชุดราตรี ชุดเพื่อนเจ้าสาว ของแอบบอกว่า พี่เจ้าของร้าน น่ารักมากๆๆๆๆๆ ชื่อ พี่หมวยคะ
ก็ได้ดูชุดจากในเพจไปคราวๆ แล้วพอไปถึงร้าน ก็เปิดให้พี่หมวยดู แล้วก็ลอง ก็มาเจอชุดที่ถูกใจคะ
ชุดนี้ ราคาเช่า 900 บาทคะ *-*
ซื้อรองเท้าส้นสูงเอง อีก ราคา 300 บาท
นำชุดไปเอง เป็นชุดที่เคยใส่ไปงานแต่งงานเพื่อนอีก 1400 บาท
เสื้อเชิตลำรอง 100 บาท กางเกงขาสั้น มีอยู่ในตู้แล้ว 0 บาท
แต่งหน้าเอง 0 บาท ทำผม(ทำเองไม่ได้จริงๆ อิอิ) 500 บาท

พอได้ชุดเจ้าสาวแล้ว คราวนี้ ก็มาถึงเรื่องชุดเจ้าบ่าวคะ
เราเลือกเป็น ตัดซื้อค่ะ เพราะลองหาข้อมูลดูแล้ว ตัดซื้อ หรือตัดเช่า ราคาไม่ต่างกันเลย
ตัดทั้งหมด 2 ชุดค่ะ สีดำ และสีน้ำเงินเข้ม ราคารวม 3500 บาท ถูกใช่ไหมล่ะ อิอิ
เสื้อเชิตแขนยาว 2 ตัว 500 บาท แต่งหน้าเอง ทำผม เอง 0 บาทคะ

ทั้ง 2 ชุด ทรงเดียวกันคะ เราตัดสินใจว่า ชุดถ่ายพรี กับชุดวันจริง จะใช้ชุดเดิม ซึ่งจะประหยัดไปได้อีก *-*
ภาพถ่ายหลัง ช่างภาพส่งงานค่ะ บางส่วนนะคะ จริงๆ ได้ภาพทั้งหมดมา 172 ภาพคะ









แต่งงาน งบ 1 แสน (นิดๆ) จะออกมายังไงกันนะ
ตามชื่อกระทู้เลยคะ มันคือแว๊บแรกที่เกิดขึ้นในสมอง ย้อมกลับไปเมื่อ หลายเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่ สามีขอแต่งงาน
แน่นอนเลยคะ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ
1.การหาฤกษ์งามยามดี (...ค่าใช้จ่าย 0 บาท...)
จำได้ว่า เราเริ่มหาฤกษ์กัน ในช่วงเดือนตุลาคม 2557 คะ ตอนแรกนั้นเราก็ได้หาฤกษ์ที่วัดเหมือนคู่อื่นๆ คะ
ได้ฤกษ์มา ช่วงเดือน กันยายน และ ตุลาคม 2558 (นั้นคือช่วงที่คิดไว้ในตอนแรก ซึ่งเราจะมีเวลาเตรียมงานประมาณ 1 ปี)
พอได้ฤกษ์ มาแล้ว งานต่อไปคือการคิด คอนเซ็ป งาน (นี้ล่ะคะ ตัวเจ้าปัญหา)
เพราะคอนเซ็ป ที่เราอยากได้คือ Outdoor คะ คิดดูสิคะ ตุลาคม ฝนตกโรยปราย เลยจ้า ฮ่าๆๆๆๆ
เริ่มกันใหม่ หาฤกษ์กันใหม่อีกรอบ แต่คราวนี้ ฤกษ์ที่เราได้คือ ฤกษ์สะดวกคะ นั้นหมายถึง กำหนดวันเอง
เราเพียงแค่ลองค้นหาทางอินเตอร์เน็ต เอาเป็นว่าไม่เป็นวันอัปมงคล เราก็เป็นอันตกลง
แต่จริงๆแล้ว มันก็ไม่ง่ายอย่างที่ว่าเท่าไรนะคะ เราก็มีเถียงกันบ้าง ขัดกันบ้าง สุดท้ายก็ได้มา
เป็นวันที่ 6 ธันวาคม 2558 เหตุผลคือ
-เราไม่อยากให้เกิน ปี 2558 เพราะ ผู้ใหญ่ทางฝ่ายสามี ได้มาคุยกันอย่างเป็นทางการเมื่อ ปลายปี 2557 แล้ว เกรงว่าจะนานเกินไป จะดูไม่ดี
-ใกล้กับวันหยุดวันพ่อ ซึ่งเราทั้งคู่อยากมอบเป็น ของขวัญ ให้กับท่าน
-และเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องการกลับดึกของแขกในงาน
สรุปแล้ว เราเหลือเวลา เตรียมงานทั้งหมด ประมาณ 14 เดือน
เมื่อได้ฤกษ์เรียบร้อย ต่อไป เราก็เริ่มหาข้อมูลเรื่องสถานที่คะ
2.การหาสถานที่จัดงาน (...ค่าใช้จ่าย 13,160...)
สำหรับเรานั้น บ้านเจ้าสาว ไม่สามารถจะจัดงานได้อย่างแน่นอน เราจึงจำเป็นจะต้องพึ่งสถานที่รับจัดงานต่างๆค่ะ
ในความคิดแรก เรากะว่าจะจัดเพียงแค่พิธีสงฆ์ เท่านั้น มีเลี้ยงแขกนิดหน่อย กะว่า เอาแบบประหยัด งบ สุดๆ
ซึ่งสถานที่เดียว ที่เราจ้องไว้ ตั้งแต่ยังไม่มีแผนแต่งงาน (แหม ก็ผู้หญิงอะนะ เรื่องอย่างงี้ ถนัดนักหล่ะ อิอิ)
คือ โรงพยาบาลสงฆ์ แถว พญาไท กรุงเทพ คะ
สำหรับเราแล้ว เป็นที่ที่เหมาะที่สุดแล้ว เหตุผลที่เลือกคือ
-สะดวกมาก เราแทบไม่ต้อง ปวดหัวกับเรื่องจัดเตรียมอุปกรณ์ และสถานที่เลย เพราะที่นี้ เขาเตรียมให้เราเสร็จทุกอย่าง เราเพียงแค่รอ ให้ถึงวันสมรส แต่งตัวสวยงาม ขันหมาก และซองปัจจัย 9 ซอง เท่านั้น แต่เรามีการเพิ่มซองให้กับหมอขวัญด้วย (หมอขวัญ คนที่ดำเนินพิธี คอยบอกว่าจะต้องทำอะไรยังไงไปตามขั้นตอน ซึ่งทางสถานที่จัดให้เราค่ะ) สรุปแล้วคือ ทุกอย่างพร้อมคะ
-ประหยัดเงินในกระเป๋ามากคะ และทุกอย่างจบในเงินก้อนเดียว ไม่บานปลายคะ
เมื่อเราตกลงเลือก โรงพยาบาลสงฆ์เป็นสถานที่จัดพิธีเช้าแล้ว เราก็เดินทางไปจองห้อง เราไปช่วงเดือน มกราคม 2558 คะ จำได้ว่า ณ.ขณะนั้น สถานที่รับจองพิธี เต็มจนถึงเดือน กรกฏาคม คะ ซึ่งเรายังคุยกับสามีเลยว่า โชคดีมากๆ ที่เราไม่ชะล่าใจ มาจองในวันใกล้ๆงาน คิดดูสิคะ เราได้ฤกษ์เดือน ธันวาคม เราไปจองเดือน มกราคม ตอนนั้นวันที่ตรงกับฤกษ์ของเรา เหลือแค่ 3 ห้องเท่านั้น
พอเราไปถึง เราก็ไปที่ห้องรับจอง บอกวันที่เราต้องการ แล้วทางเจ้าหน้าที่ ก็จะบอกห้องที่ว่าง แล้วให้เราไปเดินดู เพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกห้องพิธีไหน
ของเราจองแบบ พิธีสมรส เดี่ยว (เพล) เราได้ห้องพิธีที่ 4 คะ สามารถรับแขกได้ประมาณ 60-70 ท่านคะ อันนี้ข้อมูลจากสอบถามทางสถานที่นะคะ แต่แขกเราก็ไม่ถึงคะ เลยได้บรรยากาศล่วมๆ ไม่คับแคบ
วันนั้น เราได้ชำระค่าจองห้องพิธี ทั้งสิ้น 13,160 บาทคะ
ซึ่งถ้าจองแบบ พิธีสมรสหมู่ (เช้า) ก็จะประหยัดเข้าไปอีกคะ
สำหรับสถานที่แล้ว การแห่ขันหมาก อนุญาติให้โห่รับขันหมากได้ค่ะ แต่ไม่ควรมีดนตรีเสียงดังเกินไป แค่พอเป็นพิธีน่ารักๆ ได้คะ
และไม่อนุญาติให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มนะคะ สำหรับ พิธีสมรสเดี่ยว (เพล) แขกในงานอาจไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องนี้ แต่โชคดีที่แขกของเราไม่ซีเรียส ต้องขอกราบขอบพระคุณ *-*
ทั้งนี้ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในอินเตอร์เน็ต เลยนะคะ
พอได้ สถานที่เช้าแล้ว เราก็ข้ามมา เรื่อง Pre-wedding ก่อนเลยคะ เพราะสถานที่กินเลี้ยงยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง ยังตัดสินใจไม่ได้เลยจริงๆ ร้อยแปดพัน สถานที่ อยู่ในหัว และกับอีกมากมาย ที่คนรอบข้างลองเอามาให้ดู
3.ถ่าย Pre-wedding (...ค่าใช้จ่าย 11,700 ...)
ข้อนี้ภูมิใจนำเสนอมากๆคะ เราจะข้ามประเด็น เรื่องแพ๊คเกจถ่าย Pre จากทางร้านต่างๆไปเลยนะคะ อันนี้บังคับความชอบส่วนบุคคลไม่ได้จริงๆ ขอพูดแต่ส่วนของเรานะคะ *-*
อันดับแรก คำพูดจากทางผู้ใหญ่ของเราทั้ง สองฝ่าย พูดพร้อมกันเลยว่า ขอเลย เรื่องนี้ อย่าสิ้นเปลื้องกันมาก เอาแค่พอดีๆ นะลูก มันเลยเป็นสาเหตุของกิจกรรมสนุกๆ ที่เราจะกล่าวต่อไปนี้คะ
พอดี น้องที่ทำงาน งานอดิเรกน้อง เป็นช่างภาพ เราชอบงานน้องมาก เคยหยอกกันเล่นๆว่า ถ้าพี่แต่งงาน พี่ขอจ้างน้องนะ น้องยังเคยแซวกลับเลย “เอาน่าพี่ รอให้ถึงวันนั้นก่อน” ฮ่าๆๆๆๆ แล้วมันก็มาถึงวันนั้นจริงๆ
ตอนแรก เราก็กะจะถ่ายที่ กทม. นี้หล่ะคะ เอาแบบง่ายๆ แต่สามีเราไม่ชอบ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบทะเลทั้งคู่ และประจวบกับ สามี เป็นคนจังหวัดกระบี่คะ พอจะเดาออกแล้วใช่ไหมคะ ...ถูกต้องคะ เราไปถ่ายกันถึงที่กระบี่
น้องช่างภาพก็ยินดี ที่จะตามไปถ่ายที่จังหวัดกระบี่ ให้เรา น่ารักที่สุด
ราคาช่างภาพ 4,500 บาท ไม่ผิดคะ 4,500 บาทจริงๆคะ น้องคงคิดให้ราคากันเอง
น้องจะล้าง ขนาด 12 x 18 ให้ 12 ภาพ พร้อมซีดีรูปภาพที่แต่งแล้วทั้งหมด ไฟล์ละเอียด และ หยาบสำหรับโพส FB อิอิ
งานเข้าแล้วสิทีนี้ !!! ก็เราจ้างช่างภาพเอง แล้วเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม จะเอาไงดีหล่ะ
เราเลือกวิธี หาเช่าชุดแต่งงาน ตามร้านเช่าชุดราตรีคะ บอกเลยคะ ช่วงแรกๆ ปวดหัวมากๆ ไม่รู้จะเอายังไงดี ให้มันสบายเงินในกระเป๋า มีอยู่วันนึง เรานั้งหาร้านเช่าชุดใน FB หาเพจร้าน และแล้วก็เจอ คือเราอยู่โซนพระราม 2 คะ
ร้านชื่อ DD Wedding เช่าชุดราตรี ชุดเพื่อนเจ้าสาว ของแอบบอกว่า พี่เจ้าของร้าน น่ารักมากๆๆๆๆๆ ชื่อ พี่หมวยคะ
ก็ได้ดูชุดจากในเพจไปคราวๆ แล้วพอไปถึงร้าน ก็เปิดให้พี่หมวยดู แล้วก็ลอง ก็มาเจอชุดที่ถูกใจคะ
ชุดนี้ ราคาเช่า 900 บาทคะ *-*
ซื้อรองเท้าส้นสูงเอง อีก ราคา 300 บาท
นำชุดไปเอง เป็นชุดที่เคยใส่ไปงานแต่งงานเพื่อนอีก 1400 บาท
เสื้อเชิตลำรอง 100 บาท กางเกงขาสั้น มีอยู่ในตู้แล้ว 0 บาท
แต่งหน้าเอง 0 บาท ทำผม(ทำเองไม่ได้จริงๆ อิอิ) 500 บาท
พอได้ชุดเจ้าสาวแล้ว คราวนี้ ก็มาถึงเรื่องชุดเจ้าบ่าวคะ
เราเลือกเป็น ตัดซื้อค่ะ เพราะลองหาข้อมูลดูแล้ว ตัดซื้อ หรือตัดเช่า ราคาไม่ต่างกันเลย
ตัดทั้งหมด 2 ชุดค่ะ สีดำ และสีน้ำเงินเข้ม ราคารวม 3500 บาท ถูกใช่ไหมล่ะ อิอิ
เสื้อเชิตแขนยาว 2 ตัว 500 บาท แต่งหน้าเอง ทำผม เอง 0 บาทคะ
ทั้ง 2 ชุด ทรงเดียวกันคะ เราตัดสินใจว่า ชุดถ่ายพรี กับชุดวันจริง จะใช้ชุดเดิม ซึ่งจะประหยัดไปได้อีก *-*
ภาพถ่ายหลัง ช่างภาพส่งงานค่ะ บางส่วนนะคะ จริงๆ ได้ภาพทั้งหมดมา 172 ภาพคะ