[CR] แชร์ประสบการณ์แบกเป้เที่ยวกระบี่

..........."คำเตือนก่อนอ่าน กระทู้นี้ไม่ได้รีวิว แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวของกลุ่มเพื่อน ดังนั้น กระทู้นี้จึงหาสาระได้น้อยมาก"

จากแรงกดดันของเพื่อนร่วมทริป ที่บอกว่า แก อีกไม่ถึงเดือนจะครบ 1 ปีที่เราไปเที่ยวแล้วนะ เมื่อไหร่จะเขียนเสร็จ  เอาล่ะ เสร็จแล้ว

เริ่มได้

.....เมื่อฤดูร้อนมาถึง ใครๆ ก็เรียกร้องหาแต่ "ทะเล"


         ใช่แล้วอะไรมันจะไปดับร้อนและฟินได้เท่ากับทะเลไม่มีอักแล้ว ภาพ ฝรั่งแซบๆ ตัวเองใส่บีกินนี่ ปรากฎขึ้นมาในหัว เดี๋ยวนะ แกจะไปทะเล ไม่ได้ไปหาสามีซะหน่อย และเนื่องจากที่เป็นคนที่เขียนทริปทีไรทริปจะล่มตลอด เอาล่ะ งานนี้ต้องไม่ล่ม โยนให้เพื่อนค่ะ 55  แรกเริ่มเดิมที เราเขียนไว้ว่าจะไปเกาะช้าง ที่ตราด เพราะใกล้กว่า กระบี่ ไม่อยู่ในหัวเลย แต่แล้ว เซอร์ไพรซ์ สุดๆ ก็ตอนที่เพื่อนร่วมทริปอีกสองคนจะกลับบ้านที่ภาคใต้ มันเลยหว่านล้อมให้พวกเราลงใต้จนสำเร็จค่ะ เมื่อเขียนทริปแล้ว เราก็เริ่มดำเนินการ ขั้นแรก เนื่องจากเป็นทริปประหยัด

เราจึงเลือก........ รถไฟ
ซื้อตั๋ว นั่งจาก หัวลำโพง ไป ทุ่งสง ราคา 3-4 ร้อยบาท ช่วงที่ไปจอง เป็นช่วงก่อนสงกรานต์ คนมาจองตั๋วกลับบ้านมหาศาล แต่เราก็ไขว่ขว้ามาได้ หึหึ (หัวเราะอย่างภาคภูมิ) จากนั้นทำการจองพาหนะชนิดที่สอง เนื่องจากว่า เราเป็นเด็กมหาลัยต่างจังหวัด ต้องหารถเข้า กทม. ทางเลือกแรกคือ รถไฟ แต่มันจะเพลีย เพราะต้อง 8-10 ชม กว่าจะถึง

เราจึงเลือกทางที่สอง.....รถทัวร์โดยสาร นครชัยแอร์
จองได้สบาย เพราะไม่ค่อยมีใครเข้า กทม. ราคา 383 บาท

ส่วนขากลับจองตัวเครื่องบินค่ะ
คิดว่ากลับรถไฟคงไม่ไหว สายการบิน ไทยไลออนแอร์ ราคา 940 บาท กระบี่-ดอนเมือง  เตรียมพร้อมกันขนาดนี้แล้วก็เริ่มเดินทางกันเล้ยย

วันที่ 6 เมษา เรานัดกันตอน 4 ทุ่ม ที่หน้าโรงอาหารมหาลัย(รถตู้ฟรีไปบขส) เพราะจะไปไหว้ เจ้าพ่อมอดินแดงเพื่อสิริมงคลกันก่อนออกเดินทาง รอรถทัวร์ ตี 1 ผ่านไปรถไม่มา
สรุป รถมาเกือบตี 2 ค่ะ เขาบอกว่ามีรถประสบอุบัติเหตุ ขวางการจราจร ทำให้รถเคลื่อนตัวช้า
ขึ้นรถได้ก็หลับเลยค่ะ ตื่นทีเดียวก็รังสิตแล้ว ดูวิวกรุงเทพต่อเลยละกัน

วันที่ 7 เมษา เวลา 9 โมง กว่า ถึงหมอชิตแล้ววว เย้ วิ่งลงรถ 555 และด้วยความที่บ้านนอกเข้ากรุง แต่จะไม่ยอมเสียค่าแท็กซี่ เราเดินตามหาทางไปขึ้น รถเมล์ เดินไปก็ถามทางไปเรื่อยๆ ทำไม หมอชิตมันมีซอยเยอะจัง ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เย้ นั่นไงรถเมล์ แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมมันเยอะแบบนี้ ! เดินอ่านทีละคัน สรุป ได้คันนี้ค่ะ ค่ารถเมล์ ราคา..19 บาท หมอชิต-หัวลำโพง


10 โมง กว่า สวัสดีหัวลำโพงงงง


จขกท.เพิ่งจะเริ่มตื่นเต้นค่ะ ตอนช่วงที่จองตั๋วรถไฟ พวกเราอ่านมาในเว็บค่ะ ว่าวันที่ 7 เมษา จะมีการเปิดใช้ห้องน้ำใหม่ของหัวลำโพง แล้วก็โม้กันว่าจะไปประเดิมห้องน้ำกันอย่างนั้นอย่างนี้ พอลงรถเมล์เท่านั้นแหละ จะวิ่งหาที่แปรงฟัน

"เฮี่ยยยย ห้องน้ำใหม่ยังไม่เปิด !!"  อ่าวว ได้แปรงฟังและทำธุระกันใน "รถห้องน้ำหรือห้องน้ำเคลื่อนที่" (อยากให้นึกภาพตาม)ที่กลิ่นสุดบรรยายและคนต่อแถวแปดแสน โอ้ววว เสร็จกิจส่วนตัวทุกคน อ่าวเพื่อนหายไปสอง เราเลยเดินเข้าไปรอข้างใน สายตาหันขวับไปมอง แล้วบอกเพื่อนว่า
“เฮ้ยย ห้องน้ำใหม่เปิดแล้ว” แล้วทุกคนก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำอีกรอบโดยไม่สนว่าเข้ามาแล้ว 55 พอเพื่อนมาครบทุกคนเลยคุยกันว่าหายไปไหนมา และคำตอบที่ได้ถึงกับอึ้ง “ไปขอเข้าห้องน้ำในโรงแรมมาเดินไกลมาก” ได้ฟังล่ะก็ขำ คุณเธอดูพยายามมาก 555ก่อนเดินทางออกจาก กทม. มีคุณลุงของเพื่อนในทริปมาส่งพวกเราค่ะ เลี้ยงน้ำด้วย อ่า สวรรค์เลย (ขอขอบคุณคุณลุงของหนุงหนิงอีกทีค่ะ)


ได้เวลา รถไฟออก เพื่อนอีกคนที่ไม่ได้ไปด้วย มาส่ง (คนมาส่งเยอะจัง 55) ลืมบอกว่ามีรถไฟฟรี แต่เราก็เพิ่งรู้ตอนซื้อตั๋วเสร็จ 55 ไม่เป็นไร มีที่นั่งเป็นของตัวเองดี



บู๊นๆ บ่ายโมงแล้วรถไฟออก จากนี้ไปจะเจออะไรบ้างนะ ตื่นเต้นจังง ลาก่อน กรุงเทพ เจอกันวันที่ 11 นะ รถไฟเคลื่อนขบวนไปจากชานชาลาช้าๆ เราก็ไม่รอช้าเหมือนกันค่ะ เตรียมนอนรอ ตั้ง 15 ชม จะอยู่ยังไงล่ะทีนี้  
ระหว่างการเดินทาง มีอาหารแต่ล่ะจังหวัดแวะเวียนขึ้นมาขายประปราย เป็นของดีประจำจังหวัดที่ผ่านบ้าง อาหารที่ทานได้ง่ายๆบ้าง หรือแม้กระทั่ง อาหารที่สัมปทานขายบนรถไฟ
เด็ดสุด ก็ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ห่อ 10 บาท นครปฐม อร่อยมาก จนอยากซื้อหลายๆกล่อง  แต่ราชบุรีก็มีก๋วยเตี๋ยวแห้งแบบนี้เหมือนกันนะ เราเลยจัดอีก รสชาติ นครปฐม ชนะ
อีกอย่างที่เด็ด พอๆ กัน เห็นจะเป็น ข้าวต้มกุ้ง กระเพาะปลา ที่หัวหินค่ะ แหม เห็นกุ้งเน้นๆแบบ นี้ถ้วย 25 เองนะ


ออกจากหัวหิน ประมาณ 6 โมง เย็น ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี ไฟบนรถไฟก็เริ่มเปิดขึ้น เพื่อนเราก็หลับอีกครั้ง
เวลาเกือบ 2 ทุ่ม ทุกอย่างรอบตัวมืดสนิท มีเพียงแสงไฟ จากรถไฟเท่านั้น ด้วยความที่อยากรู้เหลือเกินว่าเราอยู่ที่ไหนกันแล้ว เปิดเน็ต ใช้แอพ แผนที่ อ่าวว 3g ไม่มี เพราะ ไม่มีสัญญาณ นี่ฉันอยู่ไหนเนี่ยยยย มองนอกหน้าต่างออกไปเจอไฟตกหมึก สีเขียวๆ อยู่ใกล้ๆ ถ้าไฟอยู่ใกล้ขนาดนี้แสดงว่าต้องเป็นทะเลสินะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ สัญญาณมาแล้ว เปิด ดูแผนที่อีกครั้ง

ทะเลจริงๆ นั้นมันทะเล แต่ทำไมต้องมืดด ฮือออ เสียใจจ ถ้าสว่างคงจะสวยมากๆเลย อยู่ใกล้แค่นี้เองง พับความฟุ้งซ่านเก็บไว้แล้วนอนต่อ

วันที่ 8 เมษา เวลา ณ ตี 5 .33 และในที่สุดดดดดด ถึงแล้วค่า ถึงทุ่งสงแล้วว


ลงรถไปด้วยความเพลีย ล้างหน้าแปรงฟันกัน อีกครั้ง เมื่อเสร็จธุระกันครบองค์แล้ว เราเดินเท้าไปที่ บขส รถตู้ ของ อำเภอทุ่งสงเพื่อที่จะได้นั่งรถตู้ ต่อไปยังกระบี่ ระหว่างทางไม่มีใครรู้ว่าต้องไปทางไหน เลยให้เด็กใต้ ไปแหล่งใต้ ถามทาง

ถามไป เป็นระยะ บางคน เห็นเราเดิน แบบไม่รู้ทิศก็ช่วยบอก ทั้งๆที่ยังไม่เอ่ยปากถาม คนใต้นี่ใจดีจริงๆ  แล้วก็เดินมาถึง บขส.รถตู้

รถตู้ ทุ่งสง-กระบี่ ราคา 140 บาท ซื้อตั๋วรถเสร็จ รอรถออกตอน 7 โมง  พวกเราก็ไปสั่งโจ๊กแถวนั้นกิน  เพิ่งได้โจ๊ก 6 ถ้วย และกำลังกินอย่างชูชกอยู่นั้น คนขับรถตู้ ตะโกนมาถาม
“จะไปกันม้าย รถจะออกแล้ว”
อ่าว ทางนี้ยังไม่ได้กินอีก 3 คน หิวก็หิว แย่งเพื่อนกินก่อนแล้วกัน ใครกินไม่หมดก็ห่อค่ะ จ่ายตังได้สินค้าก็วิ่งขึ้นรถกันอย่างลืมเพื่อนลืมฝูงกันเลยทีเดียว ระหว่างอยู่บนรถ แถบจะทุกคนที่ยังมีสติหลงเหลืออยู่ อ้วกแทบพุ่ง ไม่รู้พี่คนขับแกเคยขับรถในกรุงเทพหรือไร ขับๆเบรคๆ ป้าดซ้ายปาดขวา เรานี่หลับ แล้วพิงเพื่อน เพื่อนที่เราพิงอยู่ๆก็พูดว่า
“โจ๊กกูจะออกทางเดิมแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นสติคืนสู่ร่างแล้วยกหัวขึ้นมา พลางปลอบใจ ให้มันกลืนลงไปตามเดิม  


เวลา 8 โมง ถึงอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่โดยสวัสดิภาพ เย้ 900 กว่าบาทถึงกระบี่ กระบี่จ๋า พี่มาแย้วว ลงรถได้ เพื่อนอีกคนก็เดินไปหาพ่อกับแม่ของแฟนเพื่อน ทริปนี้เรานอนบ้านแฟนของเพื่อนค่ะ น้องและพ่อแม่น้อง น่ารักและใจดีมาก พอถึงบ้าน ก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องที่จะใช้นอน และ แย่งห้องอาบน้ำกัน นับเวลาก็ปาไป 2 วัน ที่น้ำไม่โดนตัวเลย เหนียวสุดๆ เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ สระมรกตค่ะ

แต่ก่อนจะไปเราต้องเติมพลังก่อน เจ้าถิ่นพาเราไปเติมพลัง กินข้าวร้านพ่อของแฟนเพื่อน ที่ตลาด รุ่งโรจน์ อำเภอเหนือคลอง
จากนั้นก็นั่งรถไปสระมรกตกันเลยยย รถกระบะ 4 ประตู พ่อให้ยืมใช้ อัดกัน 10 คน ข้างหน้า นั่งไปยังไงก็ไม่รู้ แต่ นั่งหน้าทุกคน
ถึงแล้ววว สระมรกต คนเยอะมากก  น้ำเขียวมาก ฟินนนนน ส่วนใหญ่ คนที่มาที่สระมรกตจะเป็นคนไทยค่ะ ต่างชาติน้อยมาก อาจเพราะมันไกลจากชายหาดเลยทำให้เดินทางมาไม่สะดวกมั้ง อันนี้เราก็เดาไป

เล่นน้ำเสร็จ อยากเห็นสระน้ำผุด เขาเขียนไว้ในป้าย บอกว่า 800 ม. เราตัดสินใจ ไปต่อค่ะ น้ำผุดเป็นไงหนอ เดินมาเริ่มไกลขึ้น และแดดตอนบ่าย 2  ก็แรง เริ่มบ่น ทำไมไกลจัง เมื่อไหร่จะถึง นั่งรอตรงนี้นะ ต่างๆนานาสาระพัด จนเดินขึ้นไปถึงที่หมาย สระน้ำผุดอยู่ตรงหน้าเราแล้ว มันสวยมาก มากเกินที่จะส่งเสียงดังเพราะกลัวจะทำให้เสีย บรรยากาศการเสพธรรมชาติของหลายๆคน ไม่รอช้า เดินหามุมดีๆถ่ายรูปกันเถอะ

สระน้ำผุด ถ้าตบมือแล้วจะมีฟองอากาศผุดมาจากใต้น้ำ เราก็ตบกันใหญ่ เมื่อเสพธรรมชาติกันจนอิ่มหนำแล้ว
ได้เวลากลับเข้าเมือง เนคสเตชั่นนน วัดถ้ำเสือ

พูดกันตรงๆเลยว่า พวกเราใช้เวลาอยู่ในวัดน้อยมาก เพราะหลายอย่างกำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม อีกทั้งเย็นมากแล้ว บางที่ที่เปิดให้สักการะก็ปิดไป ส่วนถ้าจะถามว่าขึ้นไปถ้ำเสือ หรือ ปีนเขาดู วิว มั๊ย ตอบเลยว่า ไม่ได้ขึ้นค่ะ สระมรกต พาเพลีย ไม่มีแรงจะปีขึ้นไป

สุดท้ายของวันคือ การไปซื้อหอย ชักตีน กลับมากินบ้าน ราคาเบาๆโลละ 200 บาท เองง หารกัน น้ำตาแทบเล็ดเมื่อได้ยินราคา  

กินเสร็จ อาบน้ำ เรียบร้อย เตรียมนอน เจ้าถิ่นบอกว่าจะพาไปแช่น้ำร้อน ให้ฟินๆ
ไม่รอช้า เดินเท้า มุ่งหน้าไป บ่อน้ำร้อนที่ว่ากันเลย บ่อน้ำร้อนนี้ตั้งอยู่ในศาลเจ้า ซึ่งชาวเหนือคลอง บอกว่า มีท่อส่งน้ำร้อนมาจากอีกที่นึง

ในบ่อกลม ใช้ตักอาบ ส่วน สี่เหลี่ยมใช้แช่เท้าค่ะ

น้ำร้อนมาก ประมาณ 60-70 องศาได้ เอาเท้าลงครั้งแรกนี่ ร้องจ๊ากกันทุกคน  ซักพัก เริ่ม ชิน และฟินมาก สังเกตว่าที่พื้นมีหินกลมๆ อยากจะบอกว่า หินกลมๆ นี่ใช้นวดเท้าค่ะ เพิ่มปริมาณความสบายได้อีกเท่าตัว เดินทางมาทั้งวันได้มาผ่อนคลายแบบนี้ ดีสุดๆไปเลย
ชื่อสินค้า:   จังหวัดกระบี่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่