ยังคงต้องเฝ้าจับตามองพฤติกรรมของยักษ์ใหญ่ผู้ประกอบการในแวดวงสื่อสารโทรคมนาคมในการดำเนินธุรกิจนี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากเก่าสู่ใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ความหายนะอาจบังเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว มีตัวอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เห็น มีอันต้องพับเสื่อไปแล้วหลายราย
แต่สำหรับธุรกิจนี้ในบ้านเรา ตัวแปรไม่ได้อยู่แค่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยเรื่องสัญญาที่ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมหลายรายยัง "อีนุงตุงนัง" อยู่กับคู่สัญญารัฐวิสาหกิจที่เคยร่วมงานในอดีต
ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ดีแทค ทรู และจัสมิน ล้วนแล้วแต่มีอดีตอันหวานชื่นและข่มขื่นกับทีโอที และ กสท รัฐวิสาหกิจคู่สัญญาคละเคล้ากันไป
ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดกรณีกลุ่มทรู ในเวลานี้ถือว่าเป็นดาวรุ่งก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการนี้ได้อย่างสวยหรู อาจจะด้วยพละกำลังของ แบ๊กอัพ "แข็งโป๊ก" อย่างเครือซีพีบริษัทแม่ หรืออะไรก็สุดแท้แต่แต่ก็ยังมีปัญหาจากการกระทำในอดีตต้องสะสางอีกมากมาย นับแต่การเข้าซื้อกิจการของ BFKT จาก กสท เมื่อหลายปีก่อน เพื่อเข้ามาเป็นผู้ให้บริการมือถือ หรือแม้แต่การถูกโจมตีกรณีการหลีกเลี่ยงการโอนย้ายอุปกรณ์เครื่องมือหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับ กสท ตามเงื่อนไขสัญญา
ล่าสุดยังเป็นประเด็นร้อนฉ่า ต้องเร่งตอบคำถาม ก็คือกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบงบการเงิน บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กรณีทำสัญญากับกลุ่มทรู
สำหรับปีงบประมาณ 2557 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 พบสัญญาการดำเนินกิจกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องมีข้อกำหนดอาจไม่รัดกุม อาจทำให้ กสท เสียเปรียบ รวมทั้งพบประเด็นสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและคู่สัญญาของ กสท ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา ทำให้ กสท ไม่ได้รับสิทธิอันพึงมีพึงได้ตามสัญญาคิดเป็นเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบการดำเนินการที่ทำให้ กสท มีความเสี่ยงจะเกิดความเสียหายได้
จากการตรวจสอบ พบว่ามีคำถามหลายประการ ดังนี้1.การขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA ที่ กสท ทำสัญญา กับ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด ตกลงชำระค่าบริการเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2557 เป็นเงิน 49,864.86 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ยืนยันการชำระหนี้เพียง 37,665.80 ล้านบาท ที่เหลือจำนวน 12,199.06 ล้านบาท จะเจรจาหาข้อยุติในภายหลัง แต่จนปัจจุบันทำไมยังไม่คืบหน้า กสท ยังรอการชำระเงินหลายพันล้านบาท
2.การเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม จากบริษัทบี เอฟ เคที (ประเทศไทย) จำกัด ตามสัญญากำหนดให้บริษัทฯ จัดหาเครื่องและอุปกรณ์สถานีฐานให้ กสท 13,500 ชุด ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่ ไม่สามารถจัดหาให้ครบได้ ต้องชำระค่าปรับให้ กสท เป็นเงิน 2,364.99 ล้านบาท ทำไม กสท เรียกให้ชำระค่าปรับเพียง 2,016.20 ล้านบาท ต่ำไป 348.78 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้จ่ายค่าปรับให้ กสท และยังพบว่าบริษัทสร้างสถานีฐานเกิน 13,500 ชุด โดย กสท ไม่ได้รับค่าบริการจากส่วนเกินดังกล่าว และทำไมยังไม่มีการเจรจารายได้ค่าบริการจากสถานีฐานส่วนเกินให้ชัดเจน
3.กสท ตกลงให้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวเคชั่น จำกัด ใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA บริการโรมมิ่ง แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อ กสท แจ้งเรียกเก็บค่าบริการ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ถึงเดือนสิงหาคม 2557 เป็นเงิน 6,225.53 ล้านบาท บริษัทฯไม่ยอมชำระค่าบริการ โดยอ้างว่าการเจราจายังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องอัตราค่าบริการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
4.บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ตกลงอนุญาตให้ กสท ใช้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในลักษณะโรมมิ่ง มีข้อตกลงว่า กสท จะจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัทฯตามกำหนด รายได้ที่บริษัทได้รับจาก กสท อยู่ภายใต้เงื่อนไขบริษัทต้องนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้เพื่อชำระเงินให้แก่ กสท ตามสัญญา แต่บริษัทฯยังไม่ได้ชำระส่วนแบ่งรายได้ของปี 2554-2556 ให้ กสท เป็นเงิน 1,578.09 ล้านบาท กสท ยังไม่เรียกให้บริษัทฯชำระส่วนแบ่ง และเงินเพิ่มกรณีชำระล่าช้า และไม่ได้รับรู้รายได้ส่วนแบ่งดังกล่าวให้ถูกต้องในปีที่เกิดรายได้ ส่งผลให้ กสท ต้องเสียเงินเพิ่มจากการชำระภาษีไม่ถูกต้อง 23.28 ล้านบาท เกิดอะไรขึ้น
5.การให้บริการอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม กสท อนุญาตให้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจ ติดตั้งอุปกรณ์และใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมก่อนทำสัญญาหรือข้อตกลงและยังไม่มีข้อตกลงเรื่องอัตราค่าใช้บริการ ทำให้ กสท ไม่สามารถออกใบแจ้งหนี้ให้บริษัทฯชำระค่าบริการได้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ถึง 31 ธันวาคม 2557 รวมเป็นเงิน 287.75 ล้านบาท เพราะอะไร
เป็นคำถามที่ผู้คนสงสัยถึงกรรมในอดีตที่ทำไว้ ก่อนจะเดินหน้าสู่อนาคตอันหวานชื่น เพราะอะไรถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ อย่าให้ฉาวโฉ่ เสียชื่อองค์กรเน้นเรื่อง "ธรรมาภิบาล" ที่อุตส่าห์พยายามสั่งสมมานาน
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 16 มี.ค. 2559 (กรอบบ่าย)
เดินหน้าชน: 'กรรม'
เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากเก่าสู่ใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ความหายนะอาจบังเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว มีตัวอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เห็น มีอันต้องพับเสื่อไปแล้วหลายราย
แต่สำหรับธุรกิจนี้ในบ้านเรา ตัวแปรไม่ได้อยู่แค่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยเรื่องสัญญาที่ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมหลายรายยัง "อีนุงตุงนัง" อยู่กับคู่สัญญารัฐวิสาหกิจที่เคยร่วมงานในอดีต
ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ดีแทค ทรู และจัสมิน ล้วนแล้วแต่มีอดีตอันหวานชื่นและข่มขื่นกับทีโอที และ กสท รัฐวิสาหกิจคู่สัญญาคละเคล้ากันไป
ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดกรณีกลุ่มทรู ในเวลานี้ถือว่าเป็นดาวรุ่งก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการนี้ได้อย่างสวยหรู อาจจะด้วยพละกำลังของ แบ๊กอัพ "แข็งโป๊ก" อย่างเครือซีพีบริษัทแม่ หรืออะไรก็สุดแท้แต่แต่ก็ยังมีปัญหาจากการกระทำในอดีตต้องสะสางอีกมากมาย นับแต่การเข้าซื้อกิจการของ BFKT จาก กสท เมื่อหลายปีก่อน เพื่อเข้ามาเป็นผู้ให้บริการมือถือ หรือแม้แต่การถูกโจมตีกรณีการหลีกเลี่ยงการโอนย้ายอุปกรณ์เครื่องมือหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับ กสท ตามเงื่อนไขสัญญา
ล่าสุดยังเป็นประเด็นร้อนฉ่า ต้องเร่งตอบคำถาม ก็คือกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบงบการเงิน บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กรณีทำสัญญากับกลุ่มทรู
สำหรับปีงบประมาณ 2557 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 พบสัญญาการดำเนินกิจกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องมีข้อกำหนดอาจไม่รัดกุม อาจทำให้ กสท เสียเปรียบ รวมทั้งพบประเด็นสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและคู่สัญญาของ กสท ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา ทำให้ กสท ไม่ได้รับสิทธิอันพึงมีพึงได้ตามสัญญาคิดเป็นเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบการดำเนินการที่ทำให้ กสท มีความเสี่ยงจะเกิดความเสียหายได้
จากการตรวจสอบ พบว่ามีคำถามหลายประการ ดังนี้1.การขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA ที่ กสท ทำสัญญา กับ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด ตกลงชำระค่าบริการเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2557 เป็นเงิน 49,864.86 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ยืนยันการชำระหนี้เพียง 37,665.80 ล้านบาท ที่เหลือจำนวน 12,199.06 ล้านบาท จะเจรจาหาข้อยุติในภายหลัง แต่จนปัจจุบันทำไมยังไม่คืบหน้า กสท ยังรอการชำระเงินหลายพันล้านบาท
2.การเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม จากบริษัทบี เอฟ เคที (ประเทศไทย) จำกัด ตามสัญญากำหนดให้บริษัทฯ จัดหาเครื่องและอุปกรณ์สถานีฐานให้ กสท 13,500 ชุด ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่ ไม่สามารถจัดหาให้ครบได้ ต้องชำระค่าปรับให้ กสท เป็นเงิน 2,364.99 ล้านบาท ทำไม กสท เรียกให้ชำระค่าปรับเพียง 2,016.20 ล้านบาท ต่ำไป 348.78 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้จ่ายค่าปรับให้ กสท และยังพบว่าบริษัทสร้างสถานีฐานเกิน 13,500 ชุด โดย กสท ไม่ได้รับค่าบริการจากส่วนเกินดังกล่าว และทำไมยังไม่มีการเจรจารายได้ค่าบริการจากสถานีฐานส่วนเกินให้ชัดเจน
3.กสท ตกลงให้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวเคชั่น จำกัด ใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA บริการโรมมิ่ง แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อ กสท แจ้งเรียกเก็บค่าบริการ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ถึงเดือนสิงหาคม 2557 เป็นเงิน 6,225.53 ล้านบาท บริษัทฯไม่ยอมชำระค่าบริการ โดยอ้างว่าการเจราจายังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องอัตราค่าบริการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
4.บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ตกลงอนุญาตให้ กสท ใช้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในลักษณะโรมมิ่ง มีข้อตกลงว่า กสท จะจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัทฯตามกำหนด รายได้ที่บริษัทได้รับจาก กสท อยู่ภายใต้เงื่อนไขบริษัทต้องนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้เพื่อชำระเงินให้แก่ กสท ตามสัญญา แต่บริษัทฯยังไม่ได้ชำระส่วนแบ่งรายได้ของปี 2554-2556 ให้ กสท เป็นเงิน 1,578.09 ล้านบาท กสท ยังไม่เรียกให้บริษัทฯชำระส่วนแบ่ง และเงินเพิ่มกรณีชำระล่าช้า และไม่ได้รับรู้รายได้ส่วนแบ่งดังกล่าวให้ถูกต้องในปีที่เกิดรายได้ ส่งผลให้ กสท ต้องเสียเงินเพิ่มจากการชำระภาษีไม่ถูกต้อง 23.28 ล้านบาท เกิดอะไรขึ้น
5.การให้บริการอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม กสท อนุญาตให้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจ ติดตั้งอุปกรณ์และใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมก่อนทำสัญญาหรือข้อตกลงและยังไม่มีข้อตกลงเรื่องอัตราค่าใช้บริการ ทำให้ กสท ไม่สามารถออกใบแจ้งหนี้ให้บริษัทฯชำระค่าบริการได้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ถึง 31 ธันวาคม 2557 รวมเป็นเงิน 287.75 ล้านบาท เพราะอะไร
เป็นคำถามที่ผู้คนสงสัยถึงกรรมในอดีตที่ทำไว้ ก่อนจะเดินหน้าสู่อนาคตอันหวานชื่น เพราะอะไรถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ อย่าให้ฉาวโฉ่ เสียชื่อองค์กรเน้นเรื่อง "ธรรมาภิบาล" ที่อุตส่าห์พยายามสั่งสมมานาน
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 16 มี.ค. 2559 (กรอบบ่าย)