สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยต้องบอกเลยว่าตัวเองได้ติดตามตั้งแต่เกิดกระทู้นี้ใหม่ๆ ใน Pantip ด้วยความที่เป็นคนติดตามเรื่องราวของการศัลยกรรมมาตั้งแต่ต้น เพราะความอยากที่มี แต่ก็มาพร้อมกับความกลัว เพราะการเสียเงินหลายหมื่น เพื่อแลกกับความหล่อมันก็ต้องคิดหนักหน่อย
จนมาเจอกระทู้ดังใน Pantip นี้แหละ รู้สึกกลัวขึ้นมากอีกหลาย level แต่เพราะความรู้ที่สะสมจากการดูรีวิวทั้งในเว็บบอร์ดต่างๆ ทั้งในเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คของคลินิกที่ติดตาม รวมทั้งในกลุ่มศัลยกรรมต่างๆ ทำให้เข้าใจมากกว่า สิ่งที่เห็น แต่ยังไงผมขอออกตัวก่อนเลยล่ะกันนะครับว่านี่คือความคิดเห็นส่วนบุคคล
อย่างเคสนี้ ก็ไม่มีภาพก่อนทำมาประกอบ เลยไม่ค่อยจะกล้าไปดึงรูปมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เลยขอนำภาพที่เผยแพร่โดยน้องเค้าเองมาใช้ประกอบแล้วกันนะครับ อย่างในภาพจะพบว่าพอเสริมแล้วตรงดั้งมันสูงมากกกกก ขอย้ำว่าสูงมากจริงๆ น้องบอกว่าทำมาสามเดือนแล้ว ตอนแรกนึกว่ายังไม่หายบวม แต่ทำไปทำมามันไม่ใช่ล่ะ ไปพบหมอก็บอกว่าต้องแก้ไข ถ้าเปลี่ยนซิลิโคนก็ต้องจ่ายเพิ่ม 10,000 บาท อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเพราะอะไร คงต้องรอให้ทางคลินิกมาอธิบายแล้วล่ะ แต่นานขนาดนี้ทางคลินิกก็คงไม่ออกมาอธิบายแล้ว (แต่เห็นน้องเค้าก็บอกนะว่าคลินิกบอกว่าจะรับผิดชอบด้วยการแก้ไขให้ฟรี แต่น้องคงไม่กลับไปแก้ไขที่นั้นอีก ก็อย่างว่าครับวีนไปหนัก ทั้งโพส เพื่อนช่วยแชร์ แถมออกรายการทีวีอีก ก็คงจะไม่กล้าไปเหยียบที่คลินิกอีกแล้วล่ะ 555+)
รูปด้านล่างคือโพสที่น้องเจ้าของเรื่อง (ตัวจริง) โพสไว้ในเฟสบุ๊คของตัวเอง น่าจะหลังจากมาที่คลินิกสีน้ำเงินปีกนางฟ้านั้นแหละครับ ไม่ต้องสังเกตก็เห็นครับว่าคงอารมณ์เสียมาก เลยระบายมาซะเยอะ ซึ่งตัวผมเองก็คงอารมณ์ประมาณนั้นแหละ ถ้าเจอเหตุการณ์เดียวกัน
ส่วนอีกนึ่งเรื่องที่น่าสังเกตคือ เพื่อนของเจ้าของเรื่อง ซึ่งมาโพสในคอมเม้นท์นั้นอย่างมีอารมณ์ ยังกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง จริงๆ นะครับ ตอนแรกผมอ่านนี่คิดว่าเป็นเรื่องของน้องเค้าจริงๆ T_T”
และที่เด็ดที่สุดคือน้องเจ้าของเรื่อง หลังจากวันนั้นไม่นาน ไปออกรายการทีวีช่องหนึ่งครับ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นไปตามคาด คือแชร์ลงใน YouTube เรียบร้อยแล้ว ผมเลยมีโอกาสได้เข้าไปดู แต่เอ๊ะ..!! มีบางอย่างเปลี่ยนไป คือ รูปทรงจมูกครับมันดูไม่เป็นช้างน้อยแล้ว มันกลับดูไม่น่าเกลียดอย่างที่เราเห็นในกระทู้ดัง แต่ก็ยังคงเห็นบริเวณดั้งที่ก็ยังคงสูงไป ใครลองสังเกตดูนะครับ เดี๋ยวผมจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ
นอกจากจมูกที่ดูไม่น่าเกลียด น่ากลัว (อย่างที่น้องเค้าเปรียบเปรย) เหมือนตอนที่โพส Pantip ถึงแม้ว่าสันจมูกที่ยังสูงไป แต่ด้วยปลายจมูกที่โด่งขึ้นแล้ว อาจจะเป็นเพราะอาการบวมที่อาจจะเกือบหายดีแล้วก็เป็นได้
แต่นอกจากเรื่องจมูกที่ผมสังเกตเห็นความผิดปกติ ผมยังแอบข้องใจเรื่องการลบพื้นหลังของรูปบนขวา ที่มีจุดสังเกตุเห็นคือเส้นผมที่ดูเห็นอย่างชัดเจนว่ามีการรีทัชพื้นหลังของภาพไป เพราะอะไร? ไม่ทราบได้ และรูปซ้ายบน การถ่ายภาพแบบใด แสงเงาแบบใด ถึงทำให้เงาศีรษะของน้องเป็นมุมตัดแบบนั้นครับ อันนี้คือข้อสงสัยของตัวผมเอง และไม่อาจจะหาคำตอบได้ นอกจากตัวน้องเองที่มาตอบคำถามนี้
ผมว่าจริงๆ แล้วในการศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมใด สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือความพอใจในสิ่งที่คุณมีและต้องยอมรับให้ได้ ว่าทำแล้วจะได้แค่ไหน ขนาดไหน จะสวยหรือหล่อขึ้นได้มากขนาดไหน และคุณหมอเองก็ต้องชัดเจน ต้องมีจรรยาบรรณ ต้องกล้าบอก กล้าพูดความจริง เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลจริง ว่าทำแล้วได้เท่านี้นะ ได้ประมาณนี้นะ แบบที่คุณขอมันทำไม่ได้ เพราะบลาๆๆๆๆ มันต้องคนละครึ่งทางครับ
อีกเรื่องที่อยากจะพูด และแอบคิด เพราะระหว่างที่เกิดกระแสนี้อย่างหนักหน่วง ทั้งแชร์ทั้ งออกรายการทีวี เพจดังๆ ออกมาแชร์กันอย่างมากมาย คุณเคยคิดไหมว่านี่คือหลักการตลาด ทำไมคลินิกต้นเรื่องไม่ออกมาแถลงข่าว ไม่ออกมาทำความเข้าใจกับผู้บริโภคในสื่อต่างๆ เลยแม้แต่น้อย การแข่งขันในธุรกิจนี้ดุเดือดขนาดไหน ผมรู้เพราะเป็นคนหนึ่งที่ติดตาม เพราะอยากทำ อย่างที่เอ่ยไปตอนแรกเลยครับ ทั้งลดราคา กระหน่ำรีวิว โพสรีวิวในบอร์ด ในกลุ่มศัลยกรรม ทั้งลูกค้ามาโพสเอง และคลินิกส่งหน้าม้ามาโพสอีกมากมายครับ คลินิกไม่ต้องลงทุนในการโฆษณาสักบาทเดียว ซึ่งรวมๆ แล้วราคาแต่ละเพจ ก็คงหลักแสนเลยทีเดียว หรือเป็นไปได้อีกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดคือ เรื่องจงใจให้เกิดขึ้น เพราะศึกแห่งการแข่งขันในธุรกิจคลินิกศัลยกรรมก็ดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจอื่นเลย ไม่ว่าจะเกิดจากคลินิกต้นเรื่อง หรือคลินิกคู่แข่งที่บรรจงตีข่าวให้ดังทั่วบ้านทั่วเมือง ให้เกิดการรับรู้ และที่สำคัญให้เกิดความเชื่อกับคนกลุ่มนึง.. แต่อย่างไรก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วครับ (วงการนี้อยู่ยากจริงๆ ครับ 555+)
ยังไงก็ติดตามกันนะครับ ว่าเรื่องนี้จะจบกันอย่างไร อะไรจะเปิดเผยออกมาบ้าง ผมว่าไม่แน่เร็วๆ นี้อาจจะมีรีวิวของน้องคนนี้ออกมาให้ยลโฉมก็เป็นได้นะครับ ผู้เสพข่าวอย่างเราก็คงต้องรอชมกัน ถ้ามีภาคต่อหลังจากนี้ แต่ยังไงก็ต้องมีสติและรับข่าวสารอย่างมีเหตุและผลด้วยเสมอนะครับ ด้วยความปราถนาดีจากชายคนหนึ่ง... ลาก๋อยครับ ว่างๆ จะแวะมาพิสูจน์สตอรี่บทใหม่อีกแน่นอน โปรดติดตามกันนะครับ
จากกระทู้ต้นเรื่องในห้องโต๊ะเครื่องแป้งกับการแชร์ประสบการณ์การทำจมูกครั้งแรกค่ะ
จนมาเจอกระทู้ดังใน Pantip นี้แหละ รู้สึกกลัวขึ้นมากอีกหลาย level แต่เพราะความรู้ที่สะสมจากการดูรีวิวทั้งในเว็บบอร์ดต่างๆ ทั้งในเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คของคลินิกที่ติดตาม รวมทั้งในกลุ่มศัลยกรรมต่างๆ ทำให้เข้าใจมากกว่า สิ่งที่เห็น แต่ยังไงผมขอออกตัวก่อนเลยล่ะกันนะครับว่านี่คือความคิดเห็นส่วนบุคคล
อย่างเคสนี้ ก็ไม่มีภาพก่อนทำมาประกอบ เลยไม่ค่อยจะกล้าไปดึงรูปมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เลยขอนำภาพที่เผยแพร่โดยน้องเค้าเองมาใช้ประกอบแล้วกันนะครับ อย่างในภาพจะพบว่าพอเสริมแล้วตรงดั้งมันสูงมากกกกก ขอย้ำว่าสูงมากจริงๆ น้องบอกว่าทำมาสามเดือนแล้ว ตอนแรกนึกว่ายังไม่หายบวม แต่ทำไปทำมามันไม่ใช่ล่ะ ไปพบหมอก็บอกว่าต้องแก้ไข ถ้าเปลี่ยนซิลิโคนก็ต้องจ่ายเพิ่ม 10,000 บาท อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเพราะอะไร คงต้องรอให้ทางคลินิกมาอธิบายแล้วล่ะ แต่นานขนาดนี้ทางคลินิกก็คงไม่ออกมาอธิบายแล้ว (แต่เห็นน้องเค้าก็บอกนะว่าคลินิกบอกว่าจะรับผิดชอบด้วยการแก้ไขให้ฟรี แต่น้องคงไม่กลับไปแก้ไขที่นั้นอีก ก็อย่างว่าครับวีนไปหนัก ทั้งโพส เพื่อนช่วยแชร์ แถมออกรายการทีวีอีก ก็คงจะไม่กล้าไปเหยียบที่คลินิกอีกแล้วล่ะ 555+)
รูปด้านล่างคือโพสที่น้องเจ้าของเรื่อง (ตัวจริง) โพสไว้ในเฟสบุ๊คของตัวเอง น่าจะหลังจากมาที่คลินิกสีน้ำเงินปีกนางฟ้านั้นแหละครับ ไม่ต้องสังเกตก็เห็นครับว่าคงอารมณ์เสียมาก เลยระบายมาซะเยอะ ซึ่งตัวผมเองก็คงอารมณ์ประมาณนั้นแหละ ถ้าเจอเหตุการณ์เดียวกัน
ส่วนอีกนึ่งเรื่องที่น่าสังเกตคือ เพื่อนของเจ้าของเรื่อง ซึ่งมาโพสในคอมเม้นท์นั้นอย่างมีอารมณ์ ยังกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง จริงๆ นะครับ ตอนแรกผมอ่านนี่คิดว่าเป็นเรื่องของน้องเค้าจริงๆ T_T”
และที่เด็ดที่สุดคือน้องเจ้าของเรื่อง หลังจากวันนั้นไม่นาน ไปออกรายการทีวีช่องหนึ่งครับ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นไปตามคาด คือแชร์ลงใน YouTube เรียบร้อยแล้ว ผมเลยมีโอกาสได้เข้าไปดู แต่เอ๊ะ..!! มีบางอย่างเปลี่ยนไป คือ รูปทรงจมูกครับมันดูไม่เป็นช้างน้อยแล้ว มันกลับดูไม่น่าเกลียดอย่างที่เราเห็นในกระทู้ดัง แต่ก็ยังคงเห็นบริเวณดั้งที่ก็ยังคงสูงไป ใครลองสังเกตดูนะครับ เดี๋ยวผมจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ
นอกจากจมูกที่ดูไม่น่าเกลียด น่ากลัว (อย่างที่น้องเค้าเปรียบเปรย) เหมือนตอนที่โพส Pantip ถึงแม้ว่าสันจมูกที่ยังสูงไป แต่ด้วยปลายจมูกที่โด่งขึ้นแล้ว อาจจะเป็นเพราะอาการบวมที่อาจจะเกือบหายดีแล้วก็เป็นได้
แต่นอกจากเรื่องจมูกที่ผมสังเกตเห็นความผิดปกติ ผมยังแอบข้องใจเรื่องการลบพื้นหลังของรูปบนขวา ที่มีจุดสังเกตุเห็นคือเส้นผมที่ดูเห็นอย่างชัดเจนว่ามีการรีทัชพื้นหลังของภาพไป เพราะอะไร? ไม่ทราบได้ และรูปซ้ายบน การถ่ายภาพแบบใด แสงเงาแบบใด ถึงทำให้เงาศีรษะของน้องเป็นมุมตัดแบบนั้นครับ อันนี้คือข้อสงสัยของตัวผมเอง และไม่อาจจะหาคำตอบได้ นอกจากตัวน้องเองที่มาตอบคำถามนี้
ผมว่าจริงๆ แล้วในการศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมใด สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือความพอใจในสิ่งที่คุณมีและต้องยอมรับให้ได้ ว่าทำแล้วจะได้แค่ไหน ขนาดไหน จะสวยหรือหล่อขึ้นได้มากขนาดไหน และคุณหมอเองก็ต้องชัดเจน ต้องมีจรรยาบรรณ ต้องกล้าบอก กล้าพูดความจริง เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลจริง ว่าทำแล้วได้เท่านี้นะ ได้ประมาณนี้นะ แบบที่คุณขอมันทำไม่ได้ เพราะบลาๆๆๆๆ มันต้องคนละครึ่งทางครับ
อีกเรื่องที่อยากจะพูด และแอบคิด เพราะระหว่างที่เกิดกระแสนี้อย่างหนักหน่วง ทั้งแชร์ทั้ งออกรายการทีวี เพจดังๆ ออกมาแชร์กันอย่างมากมาย คุณเคยคิดไหมว่านี่คือหลักการตลาด ทำไมคลินิกต้นเรื่องไม่ออกมาแถลงข่าว ไม่ออกมาทำความเข้าใจกับผู้บริโภคในสื่อต่างๆ เลยแม้แต่น้อย การแข่งขันในธุรกิจนี้ดุเดือดขนาดไหน ผมรู้เพราะเป็นคนหนึ่งที่ติดตาม เพราะอยากทำ อย่างที่เอ่ยไปตอนแรกเลยครับ ทั้งลดราคา กระหน่ำรีวิว โพสรีวิวในบอร์ด ในกลุ่มศัลยกรรม ทั้งลูกค้ามาโพสเอง และคลินิกส่งหน้าม้ามาโพสอีกมากมายครับ คลินิกไม่ต้องลงทุนในการโฆษณาสักบาทเดียว ซึ่งรวมๆ แล้วราคาแต่ละเพจ ก็คงหลักแสนเลยทีเดียว หรือเป็นไปได้อีกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดคือ เรื่องจงใจให้เกิดขึ้น เพราะศึกแห่งการแข่งขันในธุรกิจคลินิกศัลยกรรมก็ดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจอื่นเลย ไม่ว่าจะเกิดจากคลินิกต้นเรื่อง หรือคลินิกคู่แข่งที่บรรจงตีข่าวให้ดังทั่วบ้านทั่วเมือง ให้เกิดการรับรู้ และที่สำคัญให้เกิดความเชื่อกับคนกลุ่มนึง.. แต่อย่างไรก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วครับ (วงการนี้อยู่ยากจริงๆ ครับ 555+)
ยังไงก็ติดตามกันนะครับ ว่าเรื่องนี้จะจบกันอย่างไร อะไรจะเปิดเผยออกมาบ้าง ผมว่าไม่แน่เร็วๆ นี้อาจจะมีรีวิวของน้องคนนี้ออกมาให้ยลโฉมก็เป็นได้นะครับ ผู้เสพข่าวอย่างเราก็คงต้องรอชมกัน ถ้ามีภาคต่อหลังจากนี้ แต่ยังไงก็ต้องมีสติและรับข่าวสารอย่างมีเหตุและผลด้วยเสมอนะครับ ด้วยความปราถนาดีจากชายคนหนึ่ง... ลาก๋อยครับ ว่างๆ จะแวะมาพิสูจน์สตอรี่บทใหม่อีกแน่นอน โปรดติดตามกันนะครับ