.....เวิ่นเว้อ.....
ในบรรดาร้อยกรองทั้งหมด มีหลายท่ายเคยกล่าวไว้ว่า
"กลอดแปด" เป็นร้อยกรองที่สามารถประพันธ์ให้เกิดอารมณ์
"เวิ่นเว้อ" ได้มากที่สุด
ด้วยฉันทลักษณ์ที่มีจำนวนคำถึง ๓๒-๓๖ คำต่อหนึ่งบท ทำให้ร้อยเรียงเรื่องราวได้ยาว
ป้าเหน่ก็เลยลองเขียนกลอนแปดในแบบที่จะดูว่า
"เวิ่นเว้อ" ได้มากขนาดไหน
โดยเลือกแต่งเป็น
"กลบทเทพชุมนุม" ซึ่งกำหนดข้อบังคับเพิ่มเติมจากกลอนแปด
ให้ใช้ตัวสะกด
"แม่เดียวกัน" ตลอดบท
ยกเว้นคำสุดท้ายของบทที่เป็นคำส่งต่อไปบทถัดไป
ให้ใช้ตัวสะกดแม่เดียวกับบทถัดไป
แต่ในสำนวนนี้ ป้าเหน่เลือกใช้
"แม่กน" ตลอดสำนวน
เพื่อให้เป็นสระเสียงยาว เพื่อเวลาอ่านจะได้รู้สึกอ้อยส้อย อ้อยอิ่งไปกับการอ่าน
แต่งเสร็จ...ลองอ่านดู...เอ้อ...เวิ่นเว้อได้พอสมควรทีเดียวค่ะ...อิอิ
หมายเหตุ :
กลบทเทพชุมนุม : บังคับพิเศษเพิ่มจากกลอนทั่วไปคือ
- แต่ละบท
"บังคับให้ใช้ตัวสะกดเพียงมาตราเดียวกันตลอดทั้งบท" ยกเว้นคำสุดท้ายของบท ที่เป็นคำส่ง ให้ใช้เป็นมาตราเดียวกับที่จะใช้ในบทต่อไป
- อนุโลม : บทใดที่ไม่ใช่มาตรา ก.กา ให้ใช้ "คำมูล" ที่เป็น ลหุแท้ และ สระ อำ แทรกได้ เช่น กระสัน รำพึง (ที่เป็น "ลหุลอย" และ "คำโดด" เช่น จะ มิ เพราะ ทำ น้ำ จำใช้ไม่ได้)
ปล. ขอแก้ไขคำตามรูปนะคะ เนื่องจากของเดิมเป็นสระเสียงยาว แก้เป็นเข็ญซึ่งเป็นเสียงสั้น ตามสัมผัสของบทกาอนหน้า (เพ็ญ)ค่ะ
เผื่อภายหลังมีน้องๆมาสืบค้น จะได้เป็นตัวอย่างที่ไม่ใช้เป็นกรณีศึกษาได้
.....เวิ่นเว้อ.....
.....เวิ่นเว้อ.....
ในบรรดาร้อยกรองทั้งหมด มีหลายท่ายเคยกล่าวไว้ว่า
"กลอดแปด" เป็นร้อยกรองที่สามารถประพันธ์ให้เกิดอารมณ์ "เวิ่นเว้อ" ได้มากที่สุด
ด้วยฉันทลักษณ์ที่มีจำนวนคำถึง ๓๒-๓๖ คำต่อหนึ่งบท ทำให้ร้อยเรียงเรื่องราวได้ยาว
ป้าเหน่ก็เลยลองเขียนกลอนแปดในแบบที่จะดูว่า "เวิ่นเว้อ" ได้มากขนาดไหน
โดยเลือกแต่งเป็น "กลบทเทพชุมนุม" ซึ่งกำหนดข้อบังคับเพิ่มเติมจากกลอนแปด
ให้ใช้ตัวสะกด "แม่เดียวกัน" ตลอดบท
ยกเว้นคำสุดท้ายของบทที่เป็นคำส่งต่อไปบทถัดไป
ให้ใช้ตัวสะกดแม่เดียวกับบทถัดไป
แต่ในสำนวนนี้ ป้าเหน่เลือกใช้ "แม่กน" ตลอดสำนวน
เพื่อให้เป็นสระเสียงยาว เพื่อเวลาอ่านจะได้รู้สึกอ้อยส้อย อ้อยอิ่งไปกับการอ่าน
แต่งเสร็จ...ลองอ่านดู...เอ้อ...เวิ่นเว้อได้พอสมควรทีเดียวค่ะ...อิอิ
หมายเหตุ :
กลบทเทพชุมนุม : บังคับพิเศษเพิ่มจากกลอนทั่วไปคือ
- แต่ละบท "บังคับให้ใช้ตัวสะกดเพียงมาตราเดียวกันตลอดทั้งบท" ยกเว้นคำสุดท้ายของบท ที่เป็นคำส่ง ให้ใช้เป็นมาตราเดียวกับที่จะใช้ในบทต่อไป
- อนุโลม : บทใดที่ไม่ใช่มาตรา ก.กา ให้ใช้ "คำมูล" ที่เป็น ลหุแท้ และ สระ อำ แทรกได้ เช่น กระสัน รำพึง (ที่เป็น "ลหุลอย" และ "คำโดด" เช่น จะ มิ เพราะ ทำ น้ำ จำใช้ไม่ได้)
เช่นเคย...มาพร้อมกับบทเพลง "หวานรัก" (เพลงบอกอายุเหมียลลลลเดิม...อิอิ)
เครดิตเพลงจากยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=MmkyLx0HsqU
เชิญทัศนาและร่วมสนทนากันตามอัธยาศัยค่ะ
ปล. ขอแก้ไขคำตามรูปนะคะ เนื่องจากของเดิมเป็นสระเสียงยาว แก้เป็นเข็ญซึ่งเป็นเสียงสั้น ตามสัมผัสของบทกาอนหน้า (เพ็ญ)ค่ะ
เผื่อภายหลังมีน้องๆมาสืบค้น จะได้เป็นตัวอย่างที่ไม่ใช้เป็นกรณีศึกษาได้