ในจังหวะที่โนโซมิผูกเชือกรองเท้าก็โดนกรรมการเตือนเหมือนกัน ไม่ใช่แป้งโดนอยู่ฝ่ายเดียว แต่ในเคสนี้มันต่างกันตรงที่ วิธีการถ่วงเวลาของแต่ละคน
สำหรับโนโซมิผูกเชือกรองเท้าช้าแล้วโดนกรรมการเตือน แต่หลังจากที่เตือนยังไงมันก็ต้องผูกต่อให้เสร็จถูกต้องไหม ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นกรรมการ เมื่อเตือนแล้วจะแจกใบเหลืองทันทีเลยหรอครับ ในเมื่อนักกีฬายังผูกเชือกร้องเท้าไม่เสร็จ ยกเว้นแต่ว่าเตือนแล้วยังทำเถลไถลผูกช้าเหมือนเดิม ซึ่งต่างจากเคสแป้งที่อ้างเหตุผลกัดเล็บ ที่เตือนแล้ว เรียกชื่อหวัง3-4รอบก็แล้ว เตรียมมือควักกระเป๋าก็แล้วยังดื้อดึง ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นกรรมการคุณจะทำไง ถ้าพยายามเตือนแล้วแต่นักกีฬาไม่เชื่อฟัง ผลสุดท้ายก็สมควรโดนใบแล้วล่ะครับ ดังนั้น เคสนี้มันต่างกันตรงที่โนโซมิฉลาดหาวิธีการถ่วงเวลา ส่วนแป้งพลาดที่ไปถ่วงเวลาโดยอ้างการกัดเล็บซึ่งไม่มีเหตุผลพอ และพลาดซ้ำสองคือกรรมการเตือนแล้วแต่ยังดื้อดึงดัน จึงโดนใบในที่สุด
ส่วนตัวผมมองว่ากรรมการทำถูกแล้ว
สำหรับโนโซมิผูกเชือกรองเท้าช้าแล้วโดนกรรมการเตือน แต่หลังจากที่เตือนยังไงมันก็ต้องผูกต่อให้เสร็จถูกต้องไหม ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นกรรมการ เมื่อเตือนแล้วจะแจกใบเหลืองทันทีเลยหรอครับ ในเมื่อนักกีฬายังผูกเชือกร้องเท้าไม่เสร็จ ยกเว้นแต่ว่าเตือนแล้วยังทำเถลไถลผูกช้าเหมือนเดิม ซึ่งต่างจากเคสแป้งที่อ้างเหตุผลกัดเล็บ ที่เตือนแล้ว เรียกชื่อหวัง3-4รอบก็แล้ว เตรียมมือควักกระเป๋าก็แล้วยังดื้อดึง ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นกรรมการคุณจะทำไง ถ้าพยายามเตือนแล้วแต่นักกีฬาไม่เชื่อฟัง ผลสุดท้ายก็สมควรโดนใบแล้วล่ะครับ ดังนั้น เคสนี้มันต่างกันตรงที่โนโซมิฉลาดหาวิธีการถ่วงเวลา ส่วนแป้งพลาดที่ไปถ่วงเวลาโดยอ้างการกัดเล็บซึ่งไม่มีเหตุผลพอ และพลาดซ้ำสองคือกรรมการเตือนแล้วแต่ยังดื้อดึงดัน จึงโดนใบในที่สุด