**** ระวังภัย แผ่นดินทรุด ใจกลางกรุงเทพฯ สัญญาณอันตราย // นำ้เเห้งจะทำนำ้ใต้ดิน ยุบยิ่งไปไว **** ( By : Robinhood )

กระทู้สนทนา




เหตุการณ์การเกิดหลุมขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 6 เมตร ความลึกประมาณกว่า 2 เมตร ทรุดตัวลงบนถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า ช่วงใต้สะพานไทย-เบลเยียม เยื้องสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินี (ประตู 2) ใกล้สี่แยกวิทยุ  เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้คนกรุงต่างตื่นตระหนก  ซึ่งถัดมาไม่ถึงเดือนก็เกิดเหตุทำนองเดียวกัน ฟุตบาทบริเวณหน้าร้านอาหารไก่ย่างกลางกรุง ระหว่างซอย 21-23 ถนนพระรามที่ 3 เขตบางคอแหลม เกิดการทรุดตัวลงเป็นหลุมลึกประมาณ 3 เมตร กว้าง 5 เมตร ยาวประมาณ 22 เมตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน และเหตุการณ์ล่าสุดก็เกิดขึ้นอีก เมื่อถนนเจริญกรุงบริเวณหน้าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เขตบางคอแหลม เป็นโพรงกว้าง 50 ซม.

โดยสาเหตุที่การทรุดตัวนั้น จากการตรวตสอบ คาดว่าเกิดจากการกัดเซาะของน้ำที่รั่วซึม  ซึ่งเป็นผลของการขยายตัวของสิ่งก่อสร้าง  แต่ด้วยสภาพพื้นที่ของกรุงเทพมหานครนั้น เป็นที่ราบต่ำหลายพื้นที่จึงเกิดภาวะเสี่ยง อาจจะเกิดดินทรุดได้

เกิดคำถามขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับชั้นใต้ดิน?

ในพื้นที่ของกทม.ที่มีตึกระฟ้าทั่วกรุง หากเกิดหลุมยุบ แผ่นดินทรุดใต้ตึก อาคาร สำนักงาน ก็จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคาร บางอาคารก่อสร้างมานานกว่า 30-40 ปี ที่มีการเสื่อมสภาพ และคงต้องเฝ้าระวัง ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งปัญหาที่เกิดจากการออกแบบอาคาร และปัญหาการทรุดตัวของดิน

ซึ่งจริงๆแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าว จะแยกเป็น 2 ลักษณะก็คือ หลุมยุบ (Sinkhole) นั้น เกิดจากชั้นดินที่มีหินปูนและเกลือ ซึ่งละลายน้ำได้ เมื่อมีโพรงใต้ดินเยอะ  ก็เกิดการยุบตัวลงไป ลักษณะนี้มักไม่ค่อยเกิดในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากใต้พื้นดินของกรุงเทพฯมีลักษณะเป็นชั้น แต่จะเกิดลักษณะของการ “ทรุดตัว” แทน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการทรุดตัว ของชั้นใต้ดินในกทม.กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่าพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่แผ่นดินมีการทรุดตัวมากที่สุดถึงปีละ 10 เซนติเมตร คือพื้นที่หัวหมาก ลาดพร้าว พระโขนง และบางนา เฉพาะที่รามคำแหง พบว่าในช่วงเดียวกันนั้น แผ่นดินทรุดตัวลงไปถึง 1 เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่รุนแรงมากสุด

จากการสำรวจพบว่า พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร พบมีการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลกลับเข้าไปทดแทน ในอัตราประมาณ5-10 เซ็นติเมตรต่อปี โดยเฉพาะพื้นที่เขตพระโขนง บางกะปิ และห้วยขวาง จึงทำให้พื้นดินเป็นแอ่งกะทะ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ นั่นจึงส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมตามมาในระยะยาว หากการระบายน้ำไม่เป็นไปอย่างสมดุล

อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวของกทม.เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่จะใช้ระยะเวลายาวนาน ข้อมูลของนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยว่า

“กรุงเทพและปริมณฑลต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและการทรุดตัวของแผ่นดิน รวมทั้งการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเขตดอนเมืองเป็นพื้นที่ที่มีการทรุดตัวมากที่สุดประมาณ 4 เซนติเมตรต่อปี ภายใน 30 ปีนี้  ”

นอกจากนี้ นายเฉลิมชนม์ สถิระพจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้เปิดเผยว่า ดาวเทียมเรดาร์ที่ใช้ตรวจวัดการทรุดตัวของชั้นดินทรายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย พบว่า มีการทรุดตัวลงถึง 15 มิลมิเมตรต่อปี และคาดว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึง 10 ปี

กล่าวสั้นๆ ได้ว่า กทม.กำลังจมลงเรื่อยๆ

สัญญานอันตราย กำลังเป็นสิ่งเตือนภัยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบทำการสำรวจ วางแผน และแก้ไขปัญหา แม้ว่าจะเร่งตรวจสอบแก้ไขปัญหาแบบวัวหายล้อมคอก แต่อย่างน้อยก็มีการตื่นตัว ตระหนักถึงปัญหา

เพราะหากมิเช่นนั้น เมื่อแผ่นดินทรุดจนเกิดความสูญเสีย คงจะสายเกินไปที่จะแก้ไข…
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่