สวัสดีค่ะ เพื่อนๆสมาชิกพันทิพทุกคน
วันนี้เรามีเรื่องทุกข์ทรมานใจที่สุด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่เราไม่เคยคิดฝันว่าจะมาเกิดกับตัวเองเลยค่ะ
เราขอเล่าแบบละเอียดถึงความรักของเรานะคะ
เรื่องของเรามีอยู่ว่า เราคบกับผู้ชายคนนึงมา 5 ปีกำลังเข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ เขาเป็นแฟนคนแรกของเรา และเป็นรักแรก รักเดียวมาตลอด
เราเจอเขาในที่ทำงานที่แรกที่เราเริ่มทำงานหลังจากเรียนจบมหาลัยค่ะ ถ้าดูจากภายนอกเขาเป็นคนสุภาพ สะอาด เรียบร้อย และเฟรนลี่กับทุกคน
ตอนนั้นเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนเลยค่ะ เรียนร.ร ญ ล้วน แถมตอนเรียนมหาลัยก็ยังเรียนคณะที่ไม่ค่อยมีผู้ชาย เราก็เลยมักจะวางตัวไม่ถูกเท่าไรเวลาอยู่กับเพศตรงข้าม เรียกได้ว่าเป็นเด็กเอ๋อๆคนนึงเลยค่ะ แต่พอเราเข้ามาทำงาน ก็มีเหตุให้เราต้องมาทำงานร่วมกับพี่คนนี้ค่ะ เวลาผ่านไปไม่นาน ก็สนิทกัน และเราก็ทำตัวตามปกตินะคะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้สึกดีกับเรา เราก็แค่รู้สึกว่าพี่คนนี้ใจดี คอยช่วยเหลือ แนะนำงานต่างๆให้เราตลอด แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบนะคะ จนวันนึงเขาชวนเราไปทานข้าวตอนเย็น พอดีว่าบ้านเขากับเราใกล้กัน เราก็เลยไปด้วยค่ะ แล้ววันนั้นเขาก็บอกว่ามีอะไรจะบอก เราตกใจมาก เหมือนมันเป็นเซ้นท์ว่ารู้แล้วว่าเขาจะบอกอะไร แล้วเขาก็บอกเราว่าเขาชอบเราค่ะ อยากเป็นแฟนกับเรา เราก็ยังงงแล้วก็ตกใจ คิดว่าเขาแกล้ง จนผ่านไปหลายวัน เขาก็ยังมาถามอีกว่าตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ ตอนนั้นเรายอมรับว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ที่มีคนมาให้ความสำคัญและมาบอกว่าชอบเรา เราก็เลยตกลงเป็นแฟนกับพี่เขาตั้งแต่ตอนนั้น (ลืมเล่าไปว่าตอนเราเข้ามาทำงานแรกๆ เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพี่คนนี้เพิ่งเลิกกับแฟนค่ะ และกำลังโสดสนิท เรารู้มาแบบนั้น) จากนั้นพอได้เป็นแฟนกัน พี่เขาก็ยิ่งดูแลเราดีมากๆค่ะ เพราะแรกๆเราก็ไม่เชื่อว่าเขาจะชอบเราจริงๆ เพราะเราคิดตลอดว่าเราไม่สวย หุ่นไม่ดี คือเป็นคนค่อนข้างมีแง่ลบกับตัวเอง เพราะตลอดมา ไม่เคยมีใครมาจีบเลย แต่ผู้ชายคนนี้เขาหน้าตาถือว่าดีนะคะ ขาว ตี๋ และก็บุคคลิกดีมาก (อันนี้ไม่ได้อวยนะคะ เหอๆ) คือเราก็ด้วยความเด็ก และเป็นคนเพ้อฝัน ก็ดีใจมากที่เขามาชอบ มารักเราก่อน เขาเป็นคนที่เข้ากับเราได้ทุกอย่างเลยนะคะ ตอนที่คบกัน เราแทบไม่มีปัญหาทะเลาะกันเพราะนิสัยส่วนตัวเลย (จากมุมมองของเรานะคะ) คือ เราโอเคกับสิ่งที่เขาเป็น และเขาดูแลเอาใจใส่เราทุกอย่างดีมาก ไม่ว่าเราจะออกจากบริษัทนั้นและแยกย้ายไปทำงานคนละที่ เราก็เรียนต่อโท และต้องไปเมืองนอกบ่อยๆ เขาก็ยังปฏิบัติกับเราเหมือนเดิม ส่งไลน์หากันตลอด เรียกได้ว่าวันนึงๆไม่เคยหายไปไหนเลยค่ะ จะรับรู้ตลอดว่าอีกฝ่ายทำอะไร อยู่ที่ไหน เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มคบ ใช้ BB คุยจนมาเป็นสมาร์ทโฟนแบบทุกวันนี้ ก็เล่นไลน์ หรืออินบ็อกในเฟส
เราขอเล่าแบบลึกๆอีกก็คือ พอเราคบกันได้สักระยะ เค้าก็พาเราเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาด้วยค่ะ ตอนแรกเราไม่ยอมไป เราคิดว่ามันไม่ดีเลย ไม่ควรเลย แต่แล้วเราก็ใจอ่อนค่ะ แล้วก็ใช้ชีวืตอยู่กับเขา ซึ่งมาคิดตอนนี้เราก็รู้สึกผิดต่อพ่อแม่นะคะ (พ่อแม่อยู่ตจว.ค่ะ) พอมันเลยตามเลย เราก็อยู่ไปเพราะด้วยรักเขามากค่ะ ตอนนั้นก็มีความสุขกันดี ดูแลกันตลอด เค้าก็ตัวติดเรามาก ไปไหนก็จะเอาเราไปด้วยค่ะ ไม่ว่าเขาจะไปกินเหล้า ไปเตะบอล เค้าจะพาเราไปตลอด เรากับเขาเคยมีปัญหาที่แรงสุดคงเป็นเรื่องครอบครัวของเขาค่ะ ที่เรามีปัญหาด้วย และเกือบต้องเลิกกัน แต่เขาก็ร้องไห้และขอร้องว่าอย่าไป เขาจะทำเพื่อเราทุกอย่าง จะไม่ขออะไรจากเราเลย ตอนนั้นเขาเลิกทำงานบริษัทแล้วมาขายของเองค่ะ เขาอยากลองทำธุรกิจส่วนตัว ตอนนั้นเราก็ช่วยเขาทุกอย่าง เขาลำบากมาก จากคนที่แต่งตัวโก้ ใส่รองเท้าหนัง ขับรถยนต์ ก็เปลี่ยนมาขับมอไซต์ ใส่นันยาง และเสื้อยืดธรรมดาๆ เพราะต้องเป็นพ่อค้า เราไม่เคยดูเรื่องสิ่งภายนอกเลย เพราะเรารักเขามาก อยู่ด้วยกันแม้วันที่เขาไม่มีเงินเลย ต้องเอาสร้อย เอาแหวนไปจำนำ เงินก็ติดลบ จนธุรกิจพังค่ะ ตอนนั้นเราเรียนเฉยๆ ก็เลยมีเวลาช่วยงานเขาค่ะ จนเขาล้มเลิกความตั้งใจจะทำธุรกิจและจะกลับมาหางานออฟฟิสทำตามเดิม เราก็เลยช่วยหาให้ค่ะ (เพราะเราเรียนจบมาสายวิชาเดียวกัน) เราก็แนะนำเขาให้ไปสมัครที่บริษัทนึง ใหญ่และมั่นคงมาก แล้วเขาก็ได้งานค่ะ เรียกว่าเริ่มต้นชีวิตกันใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นเราก็เป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ เราเรียนไป เขาก็ทำงานไป แต่ตอนช่วงแรก เขายังไม่กลับมาขับรถยนต์นะคะ เพราะว่าอยากประหยัดเงินค่านำ้มัน เราไปไหนกับเขาก็ซ้อนมอไซต์ไปด้วยตลอด เราไม่เคยบ่น เรามีความสุขมาก ขอแค่เราได้อยู่กับเขานะคะ ตลอดเวลาเขาเป็นคนที่ไม่เคยสร้างปัญหาเรื่องผู้ญ. ให้เราต้องคิดระแวงใดๆเลย เราจึงเชื่อใจเขามากค่ะ ไว้ใจ และเราคิดเสมอว่าเมื่อเราคบกันมาถึงขนาดนี้ เราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เราคิดว่าเราซื่อสัตย์ต่อเขา อย่างไรเสียเขาก็ต้องซื่อสัตย์กับเรา เราเลยไม่เคยเชคมือถือ ไม่เคยเชคเฟสหรืออะไรส่วนตัวของเราเลย เขาก็เปิดเผยแบบว่าให้เราถือมือถือเขาได้ บอกพาสเวิร์ดทุกอย่างของเขาให้เรา จนเราวางใจมากๆค่ะ และเข้าก็ดูไม่มีพิรุธอะไร คือดูรักเรามากกกก ใครๆเห็นก็บอกว่าเราสองคนต้องลงเอยกันแน่ๆ แถมยังบอกว่าเราหน้าตาเหมือนกันมาก ต้องเปนเนื้อคู่กันแน่ๆ ด้วยความที่เราเป็นคนเพ้อฝันค่ะ เราก็ยิ่งเอามาคิดเป็นจริงๆเป็นจังว่า เรานี่แร่ะที่จะมีรักแรก รักเดียวและรักสุดท้าย
แต่แล้ววันนึง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังเราเรียนจบโท เราก็มีเหตุจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ตจว. เพื่ออนาคตการงานของเราค่ะ ตอนแรกเราร้องไห้ไม่ยอมไปท่าเดียว เพราะไม่อยากต้องอยู่ห่างจากเขานานๆค่ะ เรากอดเขาร้องไห้ จะไม่ยอมไป จนเขาบอกว่าไปเถอะ เพื่อตัวของเราเอง เขาจะไม่ไปไหน เขาจะรออยู่ตรงนี้ที่เดิม วันๆเขาทำงานหนัก กลับมาบ้านก็เหนื่อยแล้วต้องดูแลสัตว์เลี้ยงอะไรๆอีก ไม่ต้องห่วงเขา ให้เราไปเพื่ออนาคตของเราบ้าง เขาพูดจนเราคล้อยตามค่ะ คือเราเชื่อว่าเขาจารอเราแน่นอน และการไปครั้งนี้ก็ถือว่าอาจจะช่วยพิสูจน์ความมั่นคงของเขาที่มีต่อเราก็ได้ เราเลยตัดสินใจไปอยู่ตจว.ค่ะ ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา เราไปอยู่ตจว.บ้าง ไปอยู่เมืองนอกบ้าง แต่ก็จะมีนานๆทีกลับมาหาเขาที่กทม. ครั้งละวันสองวัน คือไม่ได้มาอยู่นานๆเลย เพราะมันไม่ว่างค่ะ ส่วนเขาก็ยังมีชีวิตทำงานที่เดิม (ที่ที่เราแนะนำ) แต่ชีวิตการเป็นอยู่เขากลับมาดีขึ้น กลับมาขับรถยนต์ กลับมาใส่ชุดทำงาน เสื้อแพงๆได้ นาฬิกาแพงๆก็มี รองเท้าหนัง คือ เขาดูดีขึ้นมาก จากที่ทรุดโทรมไปตอนทำธุรกิจแล้วเจ๊ง เขาก็กลับมาดูแลตัวเอง การเงินเริ่มมีใช้คล่องมือ แต่เขาเป็นคนประหยัดนะคะ แต่ด้วยความที่เขาเรียนจบจากร.รลูกคนรวยมาตลอด ก็คิดรสนิยมสูงอยู่บ้าง (ซึ่งเราก็แอบเป็นแบบนั้น) เราใช้ชีวิตที่ห่างกันด้วยระยะทาง แต่ใจเราไม่เคยรู้สึกห่างจากเขาเลย นับวันเราก็ยิ่งรักเขา เขายังสมำ่เสมอคุยกับเราทุกวัน เวลาเรามาหาที่กทม. ก็พาไปไหนที่เราอยากไป เอาใจเราตลอด เรารู้สึกเหมือนเจ้าหญิงเลยด้วยซ้ำ แต่เราก็ดูแลเขาในส่วนของเราเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่รับฝ่ายเดียวนะ จนมาถึงเมื่อวันที่ 29 กพ. ที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายของภารกิจ 2 ปีที่เรามาอยู่ตจว. กำหนดการทุกอย่างเสร็จสิ้น และเรากำลังจะกลับมาหาเขาที่กทม. ตามเดิมแล้ว (คือ ระหว่างที่เราไปอยู่ตจว. เราก็ได้แนะนำเขาให้พ่อแม่รู้จัก พ่อแม่เราและครอบครัวเขาได้เจอกัน มาทานข้าวกัน และพูดคุยเรื่องอนาคตของเรา เรื่องการแต่งงานต่างๆ และทั้งสองฝ่ายรับรู้เรียบร้อยแล้ว ว่าถ้าเรากลับมากทม. อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันค่ะ)
ความสัมพันธ์ของเรากับเขา (ในความรู้สึกเรา) มันไม่เคยมีปัญหา หลายคนถามเราว่ามาอยู่ตจว.ไม่กลัวเขานอกใจหรอ เราก็เถียงแทนเขาเลยนะคะว่า เขาไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะเรารู้จักเขาดี เขาไม่มีเรื่องแบบนี้เลย จนวันที่เราย้ายของเตรียมจะกลับกทม.อีก 3 วันแล้วค่ะ คืนนั้น เขาแปลกไป เพราะเราไลน์หา เขาก็ไม่ตอบ โทรหาเขาก็ไม่รับ จนเขาโทมาหา บอกว่ากลับถึงบ้านและหลับไป เหนื่อยมาก จนลืมดูมือถือ ผิดวิสัยเขามากๆค่ะ เพราะเขาเป็นคนดูมือถือตลอดเวลา จนเราแอบตงิดใจ คืนนั้นก็งอนเขานะคะ เขาบอกเขาขอโทษ แต่เรางอนๆ ก็แค่ตอบไปสั้นๆ ทั้งๆที่ปกติเราจะไม่เคยงอนกันข้ามคืนเลย แต่วันนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วค่ะ พอเช้าอีกวัน เราเลยตัดสินใจถามเขาไปว่าเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมแปลกๆไปแบบนี้ เขาก็เหมือนไม่ค่อยตอบ แล้วจู่ๆก็ถามเราว่าว่างไหม จะโทรหา เราก็นึกว่าเขาจะคุยธุระค่ะ เลยให้เขาโทรมา ปรากฏว่าวันนั้นเป็นวันที่โลกของเราพังทลายลงตรงหน้าเลยค่ะ เขาโทรมาและบอกว่าเขามีอะไรจะบอก.....แล้วเขาก็เงียบ เราก็นึกว่าเขามีปัญหาอะไรรึเปล่า เขาก็เงียบอีก คราวนี้ความรู้สึกมันมาเต็มเลยค่ะ เราถามเขาว่าถ้าเราได้ฟังแล้วเราจะร้องไห้ไหม เขาบอกว่าเราร้องไห้แน่นอนค่ะ พอฟังจบ...เราพูดเลยว่า จะทิ้งเราไปแล้วใช่ไหม ไม่เอานะ อย่าไป คือกลายเป็นบ้าไปเลยค่ะ เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้รักเราแบบนั้นอีกแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์กับเราแล้วนะ เขานอกใจเราไปคุยกับคนอื่นมา 3 เดือนแล้ว เราตกใจมาก พูดคำเดิมซ้ำๆว่ามันไม่จริงๆ แล้วเราก็บอกเขาว่า โอเคนะ เราจะไม่ถามรายละเอียด เราให้อภัยนะ เรารู้ว่าเราห่างกัน เขาอาจจะเหงา เราจะให้อภัยทุกอย่าง แต่เขายืนยันว่าตัดสินใจแล้วค่ะ เขาบอกว่า เขาซื่อสัตย์กับเราไม่ได้แล้ว เขาทำร้ายเรา และไม่อยากจะทำร้ายเราต่อไปมากกว่านี้ เขาบอกว่าเราเป็นเด็กดี (ใช้คำว่าเด็กดี T.T) เขาบอกว่าเรายังมีโอกาสดีๆอีกเยอะ เขาบอกว่าเขาอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรางงมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง คนที่บอกรักเราทุกวัน คนที่คิดจะสร้างครอบครัวกับเรา ยังคุยกันอยู่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน จะมาบอกว่าไม่รักเราอีกแล้ว และจะไปแล้วนะ แบบจะไปก็ไปง่ายๆเลยค่ะ ไม่ได้มีเหตุการณ์ว่าทะเลาะอะไรกันเลย
หลังจากวันนั้น เขาก็เลิกติดต่อเราไปค่ะ มีแต่เราที่ใจจะขาด ทุกข์ทรมาน ร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่เขาก็หายไปเลยเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน พ่อแม่และครอบครัวต้องคอยดูแลเราทุกอย่าง เรากลับมากทม.ตามเดิม และอยู่บ้านตัวเองค่ะ เขาไม่เคยส่งข้อความใดๆมาหา มีแต่เราที่ส่งไปหาเค้า แรกๆก็ตัดพ้อว่าเราจะอยู่ได้ยังไง เค้าก็ตอบกลับมานะคะ แต่เราคิดว่าเขาตอบตามมารยาทเท่านั้นเอง เราพยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่ทุกๆวันด้วยความยากลำบากมาก เกิดมาเราไม่เคยพบกับความผิดหวังเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย อยู่ก็เหมือนตาย แต่เราไม่เคยคิดทำร้ายตัวเองหรอกนะคะ เพียงแต่มันเป็นความทุกข์ทีเราเฝ้าถามคำถามตลอดว่า ทำไม ทำไม เราไม่ดีตรงไหน เราทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่จะมีร่วมกันกับเขา เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาตลอด เป็นคนที่ไม่เคยทิ้งเข้าไปไหน ไม่เคยทำตัวไม่ดี แล้วเราทำผิดที่ตรงไหน จู่ๆเขาถึงไปคบกับคนที่เพิ่งเข้ามาได้แค่ 3 เดือนแล้วเป็นคนที่มาสมัครงานบริษัทเขาแต่ไม่ได้ทำงาน เขาหาเวลาไปคุยกันตอนไหน เราคิดแล้วก็ได้แต่เจ็บปวด ตอนไหนกันที่เขาหลอกเรา เราไม่เคยเอะใจ หรือสงสัยอะไรเลย เขาบอกแค่ว่าหมดรักเราแล้วนะ ให้เราไปเริ่มชีวิตใหม่นะ เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวและใจร้ายกับเรามาก แต่วันนี้เขาตัดสินใจแล้ว และจะไม่กลับมารักเราอีก ไม่ว่าเขาจะไปรอกดับคนที่คบตอนนนี้ไหมก็ตาม
ชีวิตเราเหมือนพังทลายลงตรงหน้า แผนการทุกอย่าง วันเวลาที่เราเฝ้ารอจะได้กลับมาอยู่กับเขาพังไปหมด เรายังเรียกสติกลับมาไม่ได้ คำว่ายอมรับความจริงก็ดูเหมือนจะยังห่างไกลจากสภาพเราตอนนี้ เพราะเราไปไหนๆ เราจะเห็นภาพความทรงจำกับเขาตลอด เพราะเราตัวติดกันมากจริงๆ เราไม่รู้จะทำใจรับกับสภาพตอนนี้อย่างไร เราใช้ธรรมะ ไปวัด ไปทำบุญ อยู่กับน้อง แต่เราก็ยังทุกข์ ยังใจหาย ยังหวังในใจลึกๆว่าเขาจะกลับมาหาเรา ใจเรายังรอ ...เราไลน์หาเขาแบบนี้ด้วยซ้ำว่ายังไงเราาก็ยังรอ แต่เขากลับบอกเราได้แค่ว่าให้เราเข้มแข็งนะ เค้ารู้มันยากแต่ก็อยากให้เข้มแข็ง....เราเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร เราอยากผ่านช่วงเวลาที่ทรมานนี้ไปสักที เราไม่อยากคิดว่าเขาจะทำอะไร จะเสียใจไหม จะคิดถึงความทรงจำของเราไหม แต่ใจเรามันก็ยังคิดอยู่แบบนั้น วันนี้เราอยากมาระบาย และอยากขอคำแนะนำดีๆ ที่จะพาให้เราเกิดสติ ปัญญา และเอาชนะอุปสรรคครั้งใหญ่ครั้งนี้ไปได้ เราทุกข์มากจริงๆ ขอบคุณที่ทนอ่านเรื่องของเรานะคะ
คบกับแฟนมา 5 ปี รักกันดีมาตลอด จู่ๆแฟนมาบอกว่าไม่รักเราแล้ว มีคนใหม่ได้ 3 เดือนแล้ว
วันนี้เรามีเรื่องทุกข์ทรมานใจที่สุด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่เราไม่เคยคิดฝันว่าจะมาเกิดกับตัวเองเลยค่ะ
เราขอเล่าแบบละเอียดถึงความรักของเรานะคะ
เรื่องของเรามีอยู่ว่า เราคบกับผู้ชายคนนึงมา 5 ปีกำลังเข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ เขาเป็นแฟนคนแรกของเรา และเป็นรักแรก รักเดียวมาตลอด
เราเจอเขาในที่ทำงานที่แรกที่เราเริ่มทำงานหลังจากเรียนจบมหาลัยค่ะ ถ้าดูจากภายนอกเขาเป็นคนสุภาพ สะอาด เรียบร้อย และเฟรนลี่กับทุกคน
ตอนนั้นเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนเลยค่ะ เรียนร.ร ญ ล้วน แถมตอนเรียนมหาลัยก็ยังเรียนคณะที่ไม่ค่อยมีผู้ชาย เราก็เลยมักจะวางตัวไม่ถูกเท่าไรเวลาอยู่กับเพศตรงข้าม เรียกได้ว่าเป็นเด็กเอ๋อๆคนนึงเลยค่ะ แต่พอเราเข้ามาทำงาน ก็มีเหตุให้เราต้องมาทำงานร่วมกับพี่คนนี้ค่ะ เวลาผ่านไปไม่นาน ก็สนิทกัน และเราก็ทำตัวตามปกตินะคะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้สึกดีกับเรา เราก็แค่รู้สึกว่าพี่คนนี้ใจดี คอยช่วยเหลือ แนะนำงานต่างๆให้เราตลอด แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบนะคะ จนวันนึงเขาชวนเราไปทานข้าวตอนเย็น พอดีว่าบ้านเขากับเราใกล้กัน เราก็เลยไปด้วยค่ะ แล้ววันนั้นเขาก็บอกว่ามีอะไรจะบอก เราตกใจมาก เหมือนมันเป็นเซ้นท์ว่ารู้แล้วว่าเขาจะบอกอะไร แล้วเขาก็บอกเราว่าเขาชอบเราค่ะ อยากเป็นแฟนกับเรา เราก็ยังงงแล้วก็ตกใจ คิดว่าเขาแกล้ง จนผ่านไปหลายวัน เขาก็ยังมาถามอีกว่าตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ ตอนนั้นเรายอมรับว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ที่มีคนมาให้ความสำคัญและมาบอกว่าชอบเรา เราก็เลยตกลงเป็นแฟนกับพี่เขาตั้งแต่ตอนนั้น (ลืมเล่าไปว่าตอนเราเข้ามาทำงานแรกๆ เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพี่คนนี้เพิ่งเลิกกับแฟนค่ะ และกำลังโสดสนิท เรารู้มาแบบนั้น) จากนั้นพอได้เป็นแฟนกัน พี่เขาก็ยิ่งดูแลเราดีมากๆค่ะ เพราะแรกๆเราก็ไม่เชื่อว่าเขาจะชอบเราจริงๆ เพราะเราคิดตลอดว่าเราไม่สวย หุ่นไม่ดี คือเป็นคนค่อนข้างมีแง่ลบกับตัวเอง เพราะตลอดมา ไม่เคยมีใครมาจีบเลย แต่ผู้ชายคนนี้เขาหน้าตาถือว่าดีนะคะ ขาว ตี๋ และก็บุคคลิกดีมาก (อันนี้ไม่ได้อวยนะคะ เหอๆ) คือเราก็ด้วยความเด็ก และเป็นคนเพ้อฝัน ก็ดีใจมากที่เขามาชอบ มารักเราก่อน เขาเป็นคนที่เข้ากับเราได้ทุกอย่างเลยนะคะ ตอนที่คบกัน เราแทบไม่มีปัญหาทะเลาะกันเพราะนิสัยส่วนตัวเลย (จากมุมมองของเรานะคะ) คือ เราโอเคกับสิ่งที่เขาเป็น และเขาดูแลเอาใจใส่เราทุกอย่างดีมาก ไม่ว่าเราจะออกจากบริษัทนั้นและแยกย้ายไปทำงานคนละที่ เราก็เรียนต่อโท และต้องไปเมืองนอกบ่อยๆ เขาก็ยังปฏิบัติกับเราเหมือนเดิม ส่งไลน์หากันตลอด เรียกได้ว่าวันนึงๆไม่เคยหายไปไหนเลยค่ะ จะรับรู้ตลอดว่าอีกฝ่ายทำอะไร อยู่ที่ไหน เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มคบ ใช้ BB คุยจนมาเป็นสมาร์ทโฟนแบบทุกวันนี้ ก็เล่นไลน์ หรืออินบ็อกในเฟส
เราขอเล่าแบบลึกๆอีกก็คือ พอเราคบกันได้สักระยะ เค้าก็พาเราเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาด้วยค่ะ ตอนแรกเราไม่ยอมไป เราคิดว่ามันไม่ดีเลย ไม่ควรเลย แต่แล้วเราก็ใจอ่อนค่ะ แล้วก็ใช้ชีวืตอยู่กับเขา ซึ่งมาคิดตอนนี้เราก็รู้สึกผิดต่อพ่อแม่นะคะ (พ่อแม่อยู่ตจว.ค่ะ) พอมันเลยตามเลย เราก็อยู่ไปเพราะด้วยรักเขามากค่ะ ตอนนั้นก็มีความสุขกันดี ดูแลกันตลอด เค้าก็ตัวติดเรามาก ไปไหนก็จะเอาเราไปด้วยค่ะ ไม่ว่าเขาจะไปกินเหล้า ไปเตะบอล เค้าจะพาเราไปตลอด เรากับเขาเคยมีปัญหาที่แรงสุดคงเป็นเรื่องครอบครัวของเขาค่ะ ที่เรามีปัญหาด้วย และเกือบต้องเลิกกัน แต่เขาก็ร้องไห้และขอร้องว่าอย่าไป เขาจะทำเพื่อเราทุกอย่าง จะไม่ขออะไรจากเราเลย ตอนนั้นเขาเลิกทำงานบริษัทแล้วมาขายของเองค่ะ เขาอยากลองทำธุรกิจส่วนตัว ตอนนั้นเราก็ช่วยเขาทุกอย่าง เขาลำบากมาก จากคนที่แต่งตัวโก้ ใส่รองเท้าหนัง ขับรถยนต์ ก็เปลี่ยนมาขับมอไซต์ ใส่นันยาง และเสื้อยืดธรรมดาๆ เพราะต้องเป็นพ่อค้า เราไม่เคยดูเรื่องสิ่งภายนอกเลย เพราะเรารักเขามาก อยู่ด้วยกันแม้วันที่เขาไม่มีเงินเลย ต้องเอาสร้อย เอาแหวนไปจำนำ เงินก็ติดลบ จนธุรกิจพังค่ะ ตอนนั้นเราเรียนเฉยๆ ก็เลยมีเวลาช่วยงานเขาค่ะ จนเขาล้มเลิกความตั้งใจจะทำธุรกิจและจะกลับมาหางานออฟฟิสทำตามเดิม เราก็เลยช่วยหาให้ค่ะ (เพราะเราเรียนจบมาสายวิชาเดียวกัน) เราก็แนะนำเขาให้ไปสมัครที่บริษัทนึง ใหญ่และมั่นคงมาก แล้วเขาก็ได้งานค่ะ เรียกว่าเริ่มต้นชีวิตกันใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นเราก็เป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ เราเรียนไป เขาก็ทำงานไป แต่ตอนช่วงแรก เขายังไม่กลับมาขับรถยนต์นะคะ เพราะว่าอยากประหยัดเงินค่านำ้มัน เราไปไหนกับเขาก็ซ้อนมอไซต์ไปด้วยตลอด เราไม่เคยบ่น เรามีความสุขมาก ขอแค่เราได้อยู่กับเขานะคะ ตลอดเวลาเขาเป็นคนที่ไม่เคยสร้างปัญหาเรื่องผู้ญ. ให้เราต้องคิดระแวงใดๆเลย เราจึงเชื่อใจเขามากค่ะ ไว้ใจ และเราคิดเสมอว่าเมื่อเราคบกันมาถึงขนาดนี้ เราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เราคิดว่าเราซื่อสัตย์ต่อเขา อย่างไรเสียเขาก็ต้องซื่อสัตย์กับเรา เราเลยไม่เคยเชคมือถือ ไม่เคยเชคเฟสหรืออะไรส่วนตัวของเราเลย เขาก็เปิดเผยแบบว่าให้เราถือมือถือเขาได้ บอกพาสเวิร์ดทุกอย่างของเขาให้เรา จนเราวางใจมากๆค่ะ และเข้าก็ดูไม่มีพิรุธอะไร คือดูรักเรามากกกก ใครๆเห็นก็บอกว่าเราสองคนต้องลงเอยกันแน่ๆ แถมยังบอกว่าเราหน้าตาเหมือนกันมาก ต้องเปนเนื้อคู่กันแน่ๆ ด้วยความที่เราเป็นคนเพ้อฝันค่ะ เราก็ยิ่งเอามาคิดเป็นจริงๆเป็นจังว่า เรานี่แร่ะที่จะมีรักแรก รักเดียวและรักสุดท้าย
แต่แล้ววันนึง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังเราเรียนจบโท เราก็มีเหตุจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ตจว. เพื่ออนาคตการงานของเราค่ะ ตอนแรกเราร้องไห้ไม่ยอมไปท่าเดียว เพราะไม่อยากต้องอยู่ห่างจากเขานานๆค่ะ เรากอดเขาร้องไห้ จะไม่ยอมไป จนเขาบอกว่าไปเถอะ เพื่อตัวของเราเอง เขาจะไม่ไปไหน เขาจะรออยู่ตรงนี้ที่เดิม วันๆเขาทำงานหนัก กลับมาบ้านก็เหนื่อยแล้วต้องดูแลสัตว์เลี้ยงอะไรๆอีก ไม่ต้องห่วงเขา ให้เราไปเพื่ออนาคตของเราบ้าง เขาพูดจนเราคล้อยตามค่ะ คือเราเชื่อว่าเขาจารอเราแน่นอน และการไปครั้งนี้ก็ถือว่าอาจจะช่วยพิสูจน์ความมั่นคงของเขาที่มีต่อเราก็ได้ เราเลยตัดสินใจไปอยู่ตจว.ค่ะ ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา เราไปอยู่ตจว.บ้าง ไปอยู่เมืองนอกบ้าง แต่ก็จะมีนานๆทีกลับมาหาเขาที่กทม. ครั้งละวันสองวัน คือไม่ได้มาอยู่นานๆเลย เพราะมันไม่ว่างค่ะ ส่วนเขาก็ยังมีชีวิตทำงานที่เดิม (ที่ที่เราแนะนำ) แต่ชีวิตการเป็นอยู่เขากลับมาดีขึ้น กลับมาขับรถยนต์ กลับมาใส่ชุดทำงาน เสื้อแพงๆได้ นาฬิกาแพงๆก็มี รองเท้าหนัง คือ เขาดูดีขึ้นมาก จากที่ทรุดโทรมไปตอนทำธุรกิจแล้วเจ๊ง เขาก็กลับมาดูแลตัวเอง การเงินเริ่มมีใช้คล่องมือ แต่เขาเป็นคนประหยัดนะคะ แต่ด้วยความที่เขาเรียนจบจากร.รลูกคนรวยมาตลอด ก็คิดรสนิยมสูงอยู่บ้าง (ซึ่งเราก็แอบเป็นแบบนั้น) เราใช้ชีวิตที่ห่างกันด้วยระยะทาง แต่ใจเราไม่เคยรู้สึกห่างจากเขาเลย นับวันเราก็ยิ่งรักเขา เขายังสมำ่เสมอคุยกับเราทุกวัน เวลาเรามาหาที่กทม. ก็พาไปไหนที่เราอยากไป เอาใจเราตลอด เรารู้สึกเหมือนเจ้าหญิงเลยด้วยซ้ำ แต่เราก็ดูแลเขาในส่วนของเราเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่รับฝ่ายเดียวนะ จนมาถึงเมื่อวันที่ 29 กพ. ที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายของภารกิจ 2 ปีที่เรามาอยู่ตจว. กำหนดการทุกอย่างเสร็จสิ้น และเรากำลังจะกลับมาหาเขาที่กทม. ตามเดิมแล้ว (คือ ระหว่างที่เราไปอยู่ตจว. เราก็ได้แนะนำเขาให้พ่อแม่รู้จัก พ่อแม่เราและครอบครัวเขาได้เจอกัน มาทานข้าวกัน และพูดคุยเรื่องอนาคตของเรา เรื่องการแต่งงานต่างๆ และทั้งสองฝ่ายรับรู้เรียบร้อยแล้ว ว่าถ้าเรากลับมากทม. อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันค่ะ)
ความสัมพันธ์ของเรากับเขา (ในความรู้สึกเรา) มันไม่เคยมีปัญหา หลายคนถามเราว่ามาอยู่ตจว.ไม่กลัวเขานอกใจหรอ เราก็เถียงแทนเขาเลยนะคะว่า เขาไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะเรารู้จักเขาดี เขาไม่มีเรื่องแบบนี้เลย จนวันที่เราย้ายของเตรียมจะกลับกทม.อีก 3 วันแล้วค่ะ คืนนั้น เขาแปลกไป เพราะเราไลน์หา เขาก็ไม่ตอบ โทรหาเขาก็ไม่รับ จนเขาโทมาหา บอกว่ากลับถึงบ้านและหลับไป เหนื่อยมาก จนลืมดูมือถือ ผิดวิสัยเขามากๆค่ะ เพราะเขาเป็นคนดูมือถือตลอดเวลา จนเราแอบตงิดใจ คืนนั้นก็งอนเขานะคะ เขาบอกเขาขอโทษ แต่เรางอนๆ ก็แค่ตอบไปสั้นๆ ทั้งๆที่ปกติเราจะไม่เคยงอนกันข้ามคืนเลย แต่วันนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วค่ะ พอเช้าอีกวัน เราเลยตัดสินใจถามเขาไปว่าเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมแปลกๆไปแบบนี้ เขาก็เหมือนไม่ค่อยตอบ แล้วจู่ๆก็ถามเราว่าว่างไหม จะโทรหา เราก็นึกว่าเขาจะคุยธุระค่ะ เลยให้เขาโทรมา ปรากฏว่าวันนั้นเป็นวันที่โลกของเราพังทลายลงตรงหน้าเลยค่ะ เขาโทรมาและบอกว่าเขามีอะไรจะบอก.....แล้วเขาก็เงียบ เราก็นึกว่าเขามีปัญหาอะไรรึเปล่า เขาก็เงียบอีก คราวนี้ความรู้สึกมันมาเต็มเลยค่ะ เราถามเขาว่าถ้าเราได้ฟังแล้วเราจะร้องไห้ไหม เขาบอกว่าเราร้องไห้แน่นอนค่ะ พอฟังจบ...เราพูดเลยว่า จะทิ้งเราไปแล้วใช่ไหม ไม่เอานะ อย่าไป คือกลายเป็นบ้าไปเลยค่ะ เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้รักเราแบบนั้นอีกแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์กับเราแล้วนะ เขานอกใจเราไปคุยกับคนอื่นมา 3 เดือนแล้ว เราตกใจมาก พูดคำเดิมซ้ำๆว่ามันไม่จริงๆ แล้วเราก็บอกเขาว่า โอเคนะ เราจะไม่ถามรายละเอียด เราให้อภัยนะ เรารู้ว่าเราห่างกัน เขาอาจจะเหงา เราจะให้อภัยทุกอย่าง แต่เขายืนยันว่าตัดสินใจแล้วค่ะ เขาบอกว่า เขาซื่อสัตย์กับเราไม่ได้แล้ว เขาทำร้ายเรา และไม่อยากจะทำร้ายเราต่อไปมากกว่านี้ เขาบอกว่าเราเป็นเด็กดี (ใช้คำว่าเด็กดี T.T) เขาบอกว่าเรายังมีโอกาสดีๆอีกเยอะ เขาบอกว่าเขาอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรางงมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง คนที่บอกรักเราทุกวัน คนที่คิดจะสร้างครอบครัวกับเรา ยังคุยกันอยู่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน จะมาบอกว่าไม่รักเราอีกแล้ว และจะไปแล้วนะ แบบจะไปก็ไปง่ายๆเลยค่ะ ไม่ได้มีเหตุการณ์ว่าทะเลาะอะไรกันเลย
หลังจากวันนั้น เขาก็เลิกติดต่อเราไปค่ะ มีแต่เราที่ใจจะขาด ทุกข์ทรมาน ร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่เขาก็หายไปเลยเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน พ่อแม่และครอบครัวต้องคอยดูแลเราทุกอย่าง เรากลับมากทม.ตามเดิม และอยู่บ้านตัวเองค่ะ เขาไม่เคยส่งข้อความใดๆมาหา มีแต่เราที่ส่งไปหาเค้า แรกๆก็ตัดพ้อว่าเราจะอยู่ได้ยังไง เค้าก็ตอบกลับมานะคะ แต่เราคิดว่าเขาตอบตามมารยาทเท่านั้นเอง เราพยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่ทุกๆวันด้วยความยากลำบากมาก เกิดมาเราไม่เคยพบกับความผิดหวังเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย อยู่ก็เหมือนตาย แต่เราไม่เคยคิดทำร้ายตัวเองหรอกนะคะ เพียงแต่มันเป็นความทุกข์ทีเราเฝ้าถามคำถามตลอดว่า ทำไม ทำไม เราไม่ดีตรงไหน เราทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่จะมีร่วมกันกับเขา เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาตลอด เป็นคนที่ไม่เคยทิ้งเข้าไปไหน ไม่เคยทำตัวไม่ดี แล้วเราทำผิดที่ตรงไหน จู่ๆเขาถึงไปคบกับคนที่เพิ่งเข้ามาได้แค่ 3 เดือนแล้วเป็นคนที่มาสมัครงานบริษัทเขาแต่ไม่ได้ทำงาน เขาหาเวลาไปคุยกันตอนไหน เราคิดแล้วก็ได้แต่เจ็บปวด ตอนไหนกันที่เขาหลอกเรา เราไม่เคยเอะใจ หรือสงสัยอะไรเลย เขาบอกแค่ว่าหมดรักเราแล้วนะ ให้เราไปเริ่มชีวิตใหม่นะ เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวและใจร้ายกับเรามาก แต่วันนี้เขาตัดสินใจแล้ว และจะไม่กลับมารักเราอีก ไม่ว่าเขาจะไปรอกดับคนที่คบตอนนนี้ไหมก็ตาม
ชีวิตเราเหมือนพังทลายลงตรงหน้า แผนการทุกอย่าง วันเวลาที่เราเฝ้ารอจะได้กลับมาอยู่กับเขาพังไปหมด เรายังเรียกสติกลับมาไม่ได้ คำว่ายอมรับความจริงก็ดูเหมือนจะยังห่างไกลจากสภาพเราตอนนี้ เพราะเราไปไหนๆ เราจะเห็นภาพความทรงจำกับเขาตลอด เพราะเราตัวติดกันมากจริงๆ เราไม่รู้จะทำใจรับกับสภาพตอนนี้อย่างไร เราใช้ธรรมะ ไปวัด ไปทำบุญ อยู่กับน้อง แต่เราก็ยังทุกข์ ยังใจหาย ยังหวังในใจลึกๆว่าเขาจะกลับมาหาเรา ใจเรายังรอ ...เราไลน์หาเขาแบบนี้ด้วยซ้ำว่ายังไงเราาก็ยังรอ แต่เขากลับบอกเราได้แค่ว่าให้เราเข้มแข็งนะ เค้ารู้มันยากแต่ก็อยากให้เข้มแข็ง....เราเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร เราอยากผ่านช่วงเวลาที่ทรมานนี้ไปสักที เราไม่อยากคิดว่าเขาจะทำอะไร จะเสียใจไหม จะคิดถึงความทรงจำของเราไหม แต่ใจเรามันก็ยังคิดอยู่แบบนั้น วันนี้เราอยากมาระบาย และอยากขอคำแนะนำดีๆ ที่จะพาให้เราเกิดสติ ปัญญา และเอาชนะอุปสรรคครั้งใหญ่ครั้งนี้ไปได้ เราทุกข์มากจริงๆ ขอบคุณที่ทนอ่านเรื่องของเรานะคะ