ดีแทคชี้คนไทยเสียเงินภัยลวงออนไลน์สูงสุดในเอเชีย

อ้างอิงจากบทความจาก  เมเนเจอร์ออนไลน์  http://astv.mobi/AYyS3x9



ตัวอย่างบทความ
"โดย 3 อันดับภัยลวงบนโลกอินเทอร์เน็ตที่คนไทยติดกับดักมากที่สุด อันดับ 1 ซึ่งมีจำนวนกว่า 40% เป็นภัย ‘Work from home’ ที่ล่อลวงผู้ใช้ด้วยคำว่า ทำงานง่ายๆ ที่บ้านผ่านอินเทอร์เน็ต ได้เงินดี เงินเร็ว และทำให้ผู้ใช้สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องมือ สุดท้ายพบว่า ทำงานให้ฟรีแต่ไม่เคยได้รับค่าตอบแทน อันดับ 2 มีจำนวนกว่า 26% เป็นภัยที่ถูกหลอกให้ประมูลสินค้าบนออนไลน์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จ่ายเงินไปแล้วแต่ไม่ได้รับของกลับมา และสุดท้ายอันดับ 3 มีจำนวนกว่า 21% เป็นภัยที่ถูกแฮกเอารหัสผ่านในการเข้าเฟซบุ๊ก โดยจะถูกเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้เพื่อทำธุรกรรมด้านอื่นๆ"

         ทางดีแทค จะเป็นตัวหลักของโปรเจคนี้ ก็ขอสนับสนุนเต็มที่ เพราะอาวุธอย่างหนึ่งของพวกมิจฉาชีพ คือซิมการ์ด โทรศัพท์มือถือ (จะของกี่ค่าย กี่เผ่าพันธุ์ก็แล้วแต่) ยิ่งตอนนี้มีการผูกบัตรประชาชนไว้กับเบอร์โทรศัพท์มือถือ ก็น่าจะลดวงจรอุบาทว์ นี้ลงไปได้มาก แต่ที่สำคัญใครจะเป็นตัวตั้งตัวตี รัฐบาลเหรอ รัฐมนตรีเหรอ(4ปี อิ่มหนำสำราญ มันก็ไป) ict หรือว่าจะ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (จะเขียนโครงการ นำเสนอคงจะยากมาก)

          แล้วถ้าเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะเป็นพระเอกเองจะไม่ได้เชียวหรือ เจียดเอางบค่าโฆษณา มาทำโปรเจคตัวนี้ขึ้นมา รวมกับหน่วยงานรัฐบาลสักที่ (เดียวพอดีงาม ก็จะแห่กันมาเองแหล่ะ) จะทำ call center รับเรื่องแจ้งเหตุ ประสานงาน ดำเนินการ  เช่น
มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันว่า โดยหลอกลวง ซื้อ ifone 7 s (ตัวอย่างอย่าจริงจัง) จากนาย หมกเหม็ด ที่อยู่ xxxxxxxxx หมายเลขโทรศัพท์ 0xx - xxx - xxxx  โอนเงินไปให้ แต่ได้ขวดน้ำดื่มแล้วส่งมาให้  จึงมาแจ้งความ จากนั้นเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบตรวจสอบกับเวป(ดูเบอร์มงคล อันนี้เปรียบเทียบ) ว่าเป็นหมายเลขลงทะเบียนของให้ผู้บริการใด จากนั้น เมื่อรู้ว่าเป็นของ ดีแทค(สมมุติ ครับ สมมุติ) ก็จะติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วนนี้ของทางดีแทค อาจจะใช้มือถือคุยกัน ผ่านหน้าเวปพิเศษก็ว่ากันไป เพื่ออย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าพิกัดสุดท้ายมันใช้งานล่าสุดอยู่แถวไหน ไม่ต้องดูถึง call details ก็ได้เพราะรู้อยู่ว่าพนักงานระดับไหนจึงดูรายละเอียดการโทรของลูกค้าได้ รวมถึงเบอร์เติมเงินก็ดูเบอร์รับเข้า-โทรออกไม่ได้  ก็แจ้งตำรวจนำสืบไป จับได้ก็ว่ากันไป ตามบทลงโทษ

          ว่าด้วยเรื่องบทลงโทษ กฎหมายบ้านเรามันยังน้อยไป คนเก็บของป่ายังติดคุกนานกว่า เอาหน่อไม้ไปปักคืนก็ไม่ได้  แต่พวกมิจฉาชีพ มันเอาเงินคืนผู้เสียหานแล้วเรื่อง จบ!!! เสร็จแล้วมันก็หลอกคนอื่นๆต่อไปอีกเรื่อยๆ ไม่จบ ไม่สิ้น ไม่ติดคุก น่าจะจับได้ สั่งฟ้อง ติดคุกไม่รอลงอาญา แบบนี้พวกนี้มันคงขยาดไปนาน เพราะในคุกมันจะได้เป็นนางบำเรอ ของเจ้าทีแน่นอน

            ดังนั้นหวังว่าดีแทค คงจะยกระดับเรื่องนี้เหมือนบทความที่ตัวเองเขียนในเวปเมเนเจอร์ ขึ้นมาพูดในที่ประชุม สังคมจะน่าอยู่ขึ้นมามาก เหมือนโคงการ สำนึกรักบ้านเกิด ที่อาจจะทำให้คุณบุญชัย ช้ำมาก่อน แต่เท่าที่ได้เคยไปสัมผัสและร่วมงานโปรเจค(หลังเสร็จงานนี้ ก็ลาออกเลย มาอยู่บ้าน ทำไรฟ่ะ...!!!) ผมก็เห็นว่าเด็กๆที่ได้รับทุนเหล่านั้น ยังคงนับถือคุณบุญชัยเหมือนเดิม และดำเนินรอยตามทางที่คุณวาดหวังเอาไว้ แต่หนทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลายเสมอไปครับ  เพราะคุณบุญชัย ให้แต่เงินค่าเล่าเรียนและแนวทาง เป้าหมายของคุณคือเด็กที่จะเติบโต และ ทำงานที่บ้านเกิด แต่สำหรับเด็กๆล่ะ เขามองไม่เห็นเป้าหมายว่าจะทำอะไรที่บ้านเกิดดี ??
          โครงการนี้จึงล้มอย่างไม่เป็นท่า เพราะว่าเป้าหมายสำหรับเด็กๆเหล่านั้น คือ สภาวะสุญญากาศ คือไม่รู้จะไปไหน ทำอะไรต่อที่บ้าน หลังจากเรียนจบ  อันที่จริง ถ้าโครงการนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับความร่วมมือกับรัฐบาล ไม่ว่ากระทรวง ทบวง กรม ใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้อง ในตอนนั้น (ถ้าสมัยนี้ ก็ อบจ. อบต. ประมาณนั้น)โครงการนี้ก็จะเป็นโครงการที่ดีและยั่งยืนอยู่จนทุกวันนี้อย่างแน่นอน      

เอาเป็นว่าฝากไปให้คนเล่าบทความคิดหน่อยก็แล้วกันครับ
จากอดีตพนักงาน 27XX



*** Is Me ***

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่