คำโปรย
อยากรู้มั้ยว่าจริงๆแล้วซอมบี้เป็นยังไง?
อยากรู้มั้ยว่าพวกแม่มด แวมไพร์ใช้ชีวิตอย่างไร?
ติดตามหาคำตอบได้ในนิตยสารส่งท้ายผี เอ๊ย! ปี เล่มนี้!!!!
NGG: National G-host Graphic
\\\\\\\\\\\\\\\\
บทนำ
วันนี้เป็นวันที่มีอากาศร้อน... ร้อนจนเห็นไอแดดลอยขึ้นมาจากถนนยางมะตอย
วันที่มีอากาศร้อนมักมีเรื่องดีเสมอ ผมได้เกรดสี่วิชาที่เกลียดสุดๆในวันที่มีอากาศร้อน ผมสอบติดมหาวิทยาลัยในวันที่มีอากาศร้อน ผมได้รางวัลดีเด่นการเขียนเรื่องสั้นในวันที่มีอากาศร้อน ผมได้รับทุนสนับสนุนส่งเสริมการเขียนรีวิวท่องเที่ยวในวันที่มีอากาศร้อน ผมมีแฟนคนแรกในวันสงกรานต์ เราทั้งคู่โดนสาดน้ำแล้วก็ปะแป้งด้วยกันพอให้ชื่นใจ ชีวิตของผมลิขิตมาให้สมหวังกับทุกเรื่องในวันที่มีอากาศร้อน วันนี้ผมจึงยิ้มหน้าบานเดินเหงื่อแตกพลั่กเข้าออฟฟิสโดยคาดหวังว่าการทำงานวันแรกจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี...
‘ขุนเขา’ คือบริษัทในธุรกิจสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่เด็กปีสามคณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชนทุกคนสนใจสมัครฝึกงาน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...
“เอ้า นุชใช่มั้ย สวัสดีคร้าบ”
“สวัสดีจ้า น้องนุช”
“น้องนุช หลานพี่เจย์น่ะเหรอ... หึ สวัสดีนะ”
“เฮ้ยแก เด็กคนนั้นไง ที่พี่เค้าเอ่ยถึง”
“นุชเหรอ คนนี้เหรอเนี่ย”
“นุชคนนั้นน่ะเหรอ”
“เอ่อ”ผมยิ้มแห้งๆพยักหน้ารับคำทักทาย เสียงซุบซิบนินทาที่คนถูกนินทาควรจะไม่ได้ยินดังก้องอยู่รอบกาย บรรยากาศอึมครึมเลวร้ายแบบที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าบรรยากาศมาคุ ทำให้ผมหวั่นใจอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่รอยยิ้มเหมือนตุ๊กตาลูกเทพของทุกคนในกองวารสารทำให้ผมสยิวขนาดนี้ ผมสัมผัสได้ถึงกำแพงบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างความรู้สึกเป็นมิตรกับศัตรู รอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้าของพวกเขาแลดูเสแสร้ง และรอยยิ้มบางที่ผมมอบให้ก็เจื่อนลง
“น้องนุช ทางนี้ค่ะ”คุณพี่ผู้น่ารักที่คาดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับผมตลอดช่วงการฝึกงานพาผมไปยังห้องด้านในสุด ห้องแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งกว่าห้องทำงานของบารัค โอบาม่าทำให้ผมทึกทักเอาว่าเจ้าของห้องควรเป็นอดีตมาเฟีย... โชคดีที่เขาไม่ใช่เจ้าพ่อเสี่ยงไหอย่างที่คิดและผมรู้ดีว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้ตัวสีเทาใจกลางห้องคือใคร
จดหมายส่งตัวซึ่งมีชื่อของผมกำกับไว้ถูกยื่นให้กับเจ้าของห้อง ฝ่ามือหยาบกร้านรับจดหมายนั้นไว้แล้วก็ยื่นกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ ห้องกว้างตกอยู่ในความเงียบเชียบทันทีที่พี่สาวสุดสวยเดินออกไป
“ว่าไง ไอ้นุช”น้ำเสียงเคยคุ้นยิ่งกว่าเสียงแม่บ่นทำให้ผมต้องเบ้ปากทำหน้าระอิดระอา ร่างสูงลุกพรวด หมุนตัวกลับมาพร้อมเก้าอี้ นัยน์ตาคมสีดำสนิทสบมองผมนิ่ง “ไม่ได้เจอตั้งนาน แกโตขึ้นมากเลยนะ!”
“อาเจย์ อาไปเมาท์เรื่องอะไรให้คนในออฟฟิสฟังใช่ไหม ทุกคนเรียกผมว่านุชหมดแล้ว!”
“ก็แกชื่อนุช”
“นุชาต่างหาก!”ผมตวาดเสียงสูง
“ก็นุชนั่นแหละ พ่อแกก็เรียกแบบนั้น”
“นอกบ้านผมชื่อนุชา!”
“เอาน่า ไอ้เน็กจูเนียร์”
“เน็กนั่นพ่อผม!”
อาเจย์น่ะหรือจะฟัง? แกไม่เคยฟังใครหรอกนอกจากหัวเราะตอบด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ... เหอะ... เห็นหน้าตาดีไม่มีเมียแบบนี้ เอาจริงก็ทะลึ่งทะเล้นไม่น้อย หลายครั้งผมนึกว่าพวกเราสองคนอายุไล่เลี่ยกัน
อาเจย์เป็นบรรณาธิการบริหาร หลายคนเรียกแกว่าอาตี๋ใหญ่แห่งขุนเขา ผมกลายเป็นเด็กฝึกงานที่ทุกคนอิจฉาริษยามากที่สุดในปฐพีเพียงเพราะผมเป็นเด็กเส้นของอาเจย์ อันที่จริงพวกเขาก็พูดถูก... ผมเป็นเด็กเส้นที่โคตรโชคดีคนหนึ่ง ใครๆก็รู้ว่าการสมัครงานหรือเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทแห่งนี้มีการแข่งขันสูงยิ่งกว่าสอบโอลิมปิก การมีคนรู้จักอยู่ในบริษัทจึงเป็นทางผ่านชั้นเลิศ ถึงจะบอกว่าผมเป็นเด็กเส้นก็เถอะ อย่างน้อยรางวัลและผลงานก่อนเข้ารับการฝึกงานของผมก็การันตีประสิทธิภาพความรับผิดชอบงานในระดับหนึ่ง
“เอ้อ ไอ้เน็ก”... ยังไม่หยุดอีก “น้องหนูดีบอกฉันว่าแกได้รับตำแหน่งผู้ช่วยกองบรรณาธิการนิตยสาร FARGO สินะ”
“ครับ ผมจะได้เริ่มทำงานแล้วใช่ไหม”
อาเจย์แกใช้นัยน์ตาทรงสเน่ห์ที่ควรจะใช้ทอดมองสาวๆนั่นมองผม มันน่าเสียวไส้อย่างไรพิกล“ฉันเปลี่ยนงานของแกแล้วล่ะ”
“อาเปลี่ยนตอนไหน”
“ก็บอกหนูดีไปเมื่อตะกี้เนี่ย”
ผมต้องย่นคิ้วมองคนเอาแต่ใจอย่างสงสัย
“สำนวนการเขียนของแกดี ได้รางวัลตั้งหลายครั้ง แล้วฉันก็ไว้ใจแกมากที่สุดในบริษัท ฉันคิดว่าแกเหมาะกับโปรเจ็คลับของฉัน”
“โปรเจ็คลับ”หูผึ่งตาโตด้วยความสนใจ ผมไม่รู้หรอกว่าอาพูดถึงเรื่องอะไรแต่ก็น่าจะลองฟังแกอธิบายเพิ่มสักนิด
“คืองี้”แกโน้มตัวกระซิบ สายตาสลับมองซ้ายทีขวาทีราวกับเกรงว่าจะมีใครได้ยินสิ่งที่พวกเราสนทนากัน “ทีมงานของเรากำลังวางแผนผลิตนิตยสารส่งท้ายปีเล่มพิเศษ”
“เล่มพิเศษน่ะเหรอ”
อาเจย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ใช่ พิเศษแบบที่แกคาดไม่ถึง”
“หืม”
“แกมาทำโปรเจ็ค NGG ให้ฉันเถอะ”
ผมเอียงคอมองอีกฝ่าย คิ้วที่เลิกสูงโค้งเป็นรูปพาราโบลา
“National G-host-graphic”อาเจย์เขียนในกระดาษแล้วชูให้ผมดู “มันเป็นแนวสารคดี”
“อู้ว”อันที่จริงผมไม่ค่อยถนัดการเขียนงานด้านสารคดีสักเท่าไหร่ ถึงแม้ผมจะเขียนบทความได้ดี แต่มันสมองของผมก็บรรจุความรู้ทั่วไปไว้น้อยนิดยิ่งกว่าเศษก้อนกรวด “สารคดีอะไร”
“ผี”
“เอ๋”ผมเบิกตาอุทานอย่างสงสัย “สารดีผีคืออะไร”
“มันคือการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผีน่ะสิไอ้เน็ก เรื่องแค่นี้แกก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ”
“ผมหูฝาดไปใช่ไหม”
“ถ้าหากแกหูฝาด ฉันจะส่งแกไปโรงพยาบาล”
ผมกรอกตามองเพดาน “อาเจย์เชื่อเรื่องผีเหรอ”
“ใครๆก็เชื่อเรื่องผีสางนางไม้”
“อาเอาอะไรมาพูด”
“เอาต้นไม้ที่มีสายสิญจน์พันอยู่สิบตลบหน้าบริษัทและรอยถูกำแพงขอหวยที่วัดมโนรินมาพูด”
ผมเถียงไม่ออก
“แกมันเด็กรุ่นใหม่ หลายคนอาจไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าหากไม่มีคนเชื่อเรื่องผีสาง ทำไมรายการโทรทัศน์หลายช่องจึงนำเสนอเรื่องผีเต็มไปหมด”
ผมเถียงไม่ออก
“ดูอย่างคุณรวย จิตสำเพ็งสิ ทุกคนเชื่อในสิ่งที่แกพูดเกี่ยวกับวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวร”
ผมอยากจะแย้งแต่ก็เปิดปากไม่ได้
“บทความนิตยสารผีก็มีเรื่อยๆ ทุกคนเสพกันพอหอมปากหอมคอ นี่เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง!”
ผมควรจะฟังแกพล่ามต่อดีไหม?
“ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าเราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตหลังความตายหรือสิ่งมีชีวิตในตำนานได้ล่ะก็ โปรเจ็ค NGG จะโด่งดังถล่มทลาย ถึงขนาดที่ว่า CMM ต้องมาขอตัวแกไปสัมภาษณ์ที่อเมริกา”
“งานนี้ผมขอบาย ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
อาเจย์แกไม่สน ความคิดของแกเป็นตุเป็นตะจนผมไม่แน่ใจว่าแกเป็นบรรณาธิการบริหารจริงหรือไม่
“สิ่งที่อาพูดมันก็เป็นเรื่องผีที่ถูกปลุงแต่งขึ้นมา ถ้าหากอาอยากให้ผมเขียนคอลัมน์พวกนี้ล่ะก็ สู้ไปจ้างนักเขียนแนวสยองขวัญมาทำโปรเจ็คกับอาเสียยังดีกว่า”
“เราจะไม่ทำนิตยสารผีๆแบบที่เคยเห็นกัน เราจะทำนิตยสารรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นบอกเล่าเรื่องราวของผี”
“มันต่างกันยังไงไม่ทราบ”ผมไม่คิดจะรับงานแบบนี้หรอกนะ
“สารคดีเมืองผีนำเสนอชีวิตของผี ข้อมูลทุกอย่างจะมาจากผีจริงๆ ไม่ใช่คำพยากรณ์ ไม่ใช่คำพูดจากหมอผี ไม่ใช่คำพูดจากคนทรงเจ้าหรือแม้แต่คุณรวย จิตสำเพ็ง นี่จะเป็นนิตยสารส่งท้ายปีที่เยี่ยมที่สุดที่รวบรวมเรื่องราวของผีพร้อมทั้งแจกซีดีบันทึกวิดิโอเกี่ยวกับผีไว้ด้วย”
“โลกนี้ไม่มีผี!”
“มันมีอยู่”
“แล้วอาจะส่งผมไปสัมภาษณ์ผี อัดเสียงพวกผี กินนอนกับผีเพื่อใช้เขียนบทความหรือไง!”
รอยยิ้มของอาเจย์เป็นคำตอบที่ทำให้ผมแทบสะดุ้ง... เอาจริงเหรอเนี่ย!!
“ทำไมจู่ๆถึงมีโปรเจ็คประหลาดนี่ขึ้นมาได้”ผมกระแอม เหลือบสายตามองผ่านกระจก เห็นตึกระฟ้าตั้งอยู่อีกฟากหนึ่ง มีตึกเล็กและตึกน้อยอยู่ถัดออกไป ทุกอย่างแลดูไม่น่าพิสมัย แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าสบตาอาเจย์ในตอนนี้
อาเจย์เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ แกจดจ้องมองผมนิ่งๆ นิ้วมืออีกข้างก็เคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ ผมสัมผัสได้ว่าการฝึกงานในคราวนี้คงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
วันนี้เป็นวันที่มีอากาศร้อน... ร้อนจนเห็นเม็ดเหงื่อเมือกติดตัวผมเต็มไปหมด
+++++++++++++++
By Pakkie Davie
ฝากติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะจ๊ะ ม๊วฟฟฟ <3
National G-host-graphic: สารคดีสุดเฮี้ยน! [ตอน 1]
คำโปรย
อยากรู้มั้ยว่าจริงๆแล้วซอมบี้เป็นยังไง?
อยากรู้มั้ยว่าพวกแม่มด แวมไพร์ใช้ชีวิตอย่างไร?
ติดตามหาคำตอบได้ในนิตยสารส่งท้ายผี เอ๊ย! ปี เล่มนี้!!!!
NGG: National G-host Graphic
\\\\\\\\\\\\\\\\
บทนำ
วันนี้เป็นวันที่มีอากาศร้อน... ร้อนจนเห็นไอแดดลอยขึ้นมาจากถนนยางมะตอย
วันที่มีอากาศร้อนมักมีเรื่องดีเสมอ ผมได้เกรดสี่วิชาที่เกลียดสุดๆในวันที่มีอากาศร้อน ผมสอบติดมหาวิทยาลัยในวันที่มีอากาศร้อน ผมได้รางวัลดีเด่นการเขียนเรื่องสั้นในวันที่มีอากาศร้อน ผมได้รับทุนสนับสนุนส่งเสริมการเขียนรีวิวท่องเที่ยวในวันที่มีอากาศร้อน ผมมีแฟนคนแรกในวันสงกรานต์ เราทั้งคู่โดนสาดน้ำแล้วก็ปะแป้งด้วยกันพอให้ชื่นใจ ชีวิตของผมลิขิตมาให้สมหวังกับทุกเรื่องในวันที่มีอากาศร้อน วันนี้ผมจึงยิ้มหน้าบานเดินเหงื่อแตกพลั่กเข้าออฟฟิสโดยคาดหวังว่าการทำงานวันแรกจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี...
‘ขุนเขา’ คือบริษัทในธุรกิจสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่เด็กปีสามคณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชนทุกคนสนใจสมัครฝึกงาน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...
“เอ้า นุชใช่มั้ย สวัสดีคร้าบ”
“สวัสดีจ้า น้องนุช”
“น้องนุช หลานพี่เจย์น่ะเหรอ... หึ สวัสดีนะ”
“เฮ้ยแก เด็กคนนั้นไง ที่พี่เค้าเอ่ยถึง”
“นุชเหรอ คนนี้เหรอเนี่ย”
“นุชคนนั้นน่ะเหรอ”
“เอ่อ”ผมยิ้มแห้งๆพยักหน้ารับคำทักทาย เสียงซุบซิบนินทาที่คนถูกนินทาควรจะไม่ได้ยินดังก้องอยู่รอบกาย บรรยากาศอึมครึมเลวร้ายแบบที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าบรรยากาศมาคุ ทำให้ผมหวั่นใจอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่รอยยิ้มเหมือนตุ๊กตาลูกเทพของทุกคนในกองวารสารทำให้ผมสยิวขนาดนี้ ผมสัมผัสได้ถึงกำแพงบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างความรู้สึกเป็นมิตรกับศัตรู รอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้าของพวกเขาแลดูเสแสร้ง และรอยยิ้มบางที่ผมมอบให้ก็เจื่อนลง
“น้องนุช ทางนี้ค่ะ”คุณพี่ผู้น่ารักที่คาดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับผมตลอดช่วงการฝึกงานพาผมไปยังห้องด้านในสุด ห้องแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งกว่าห้องทำงานของบารัค โอบาม่าทำให้ผมทึกทักเอาว่าเจ้าของห้องควรเป็นอดีตมาเฟีย... โชคดีที่เขาไม่ใช่เจ้าพ่อเสี่ยงไหอย่างที่คิดและผมรู้ดีว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้ตัวสีเทาใจกลางห้องคือใคร
จดหมายส่งตัวซึ่งมีชื่อของผมกำกับไว้ถูกยื่นให้กับเจ้าของห้อง ฝ่ามือหยาบกร้านรับจดหมายนั้นไว้แล้วก็ยื่นกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ ห้องกว้างตกอยู่ในความเงียบเชียบทันทีที่พี่สาวสุดสวยเดินออกไป
“ว่าไง ไอ้นุช”น้ำเสียงเคยคุ้นยิ่งกว่าเสียงแม่บ่นทำให้ผมต้องเบ้ปากทำหน้าระอิดระอา ร่างสูงลุกพรวด หมุนตัวกลับมาพร้อมเก้าอี้ นัยน์ตาคมสีดำสนิทสบมองผมนิ่ง “ไม่ได้เจอตั้งนาน แกโตขึ้นมากเลยนะ!”
“อาเจย์ อาไปเมาท์เรื่องอะไรให้คนในออฟฟิสฟังใช่ไหม ทุกคนเรียกผมว่านุชหมดแล้ว!”
“ก็แกชื่อนุช”
“นุชาต่างหาก!”ผมตวาดเสียงสูง
“ก็นุชนั่นแหละ พ่อแกก็เรียกแบบนั้น”
“นอกบ้านผมชื่อนุชา!”
“เอาน่า ไอ้เน็กจูเนียร์”
“เน็กนั่นพ่อผม!”
อาเจย์น่ะหรือจะฟัง? แกไม่เคยฟังใครหรอกนอกจากหัวเราะตอบด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ... เหอะ... เห็นหน้าตาดีไม่มีเมียแบบนี้ เอาจริงก็ทะลึ่งทะเล้นไม่น้อย หลายครั้งผมนึกว่าพวกเราสองคนอายุไล่เลี่ยกัน
อาเจย์เป็นบรรณาธิการบริหาร หลายคนเรียกแกว่าอาตี๋ใหญ่แห่งขุนเขา ผมกลายเป็นเด็กฝึกงานที่ทุกคนอิจฉาริษยามากที่สุดในปฐพีเพียงเพราะผมเป็นเด็กเส้นของอาเจย์ อันที่จริงพวกเขาก็พูดถูก... ผมเป็นเด็กเส้นที่โคตรโชคดีคนหนึ่ง ใครๆก็รู้ว่าการสมัครงานหรือเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทแห่งนี้มีการแข่งขันสูงยิ่งกว่าสอบโอลิมปิก การมีคนรู้จักอยู่ในบริษัทจึงเป็นทางผ่านชั้นเลิศ ถึงจะบอกว่าผมเป็นเด็กเส้นก็เถอะ อย่างน้อยรางวัลและผลงานก่อนเข้ารับการฝึกงานของผมก็การันตีประสิทธิภาพความรับผิดชอบงานในระดับหนึ่ง
“เอ้อ ไอ้เน็ก”... ยังไม่หยุดอีก “น้องหนูดีบอกฉันว่าแกได้รับตำแหน่งผู้ช่วยกองบรรณาธิการนิตยสาร FARGO สินะ”
“ครับ ผมจะได้เริ่มทำงานแล้วใช่ไหม”
อาเจย์แกใช้นัยน์ตาทรงสเน่ห์ที่ควรจะใช้ทอดมองสาวๆนั่นมองผม มันน่าเสียวไส้อย่างไรพิกล“ฉันเปลี่ยนงานของแกแล้วล่ะ”
“อาเปลี่ยนตอนไหน”
“ก็บอกหนูดีไปเมื่อตะกี้เนี่ย”
ผมต้องย่นคิ้วมองคนเอาแต่ใจอย่างสงสัย
“สำนวนการเขียนของแกดี ได้รางวัลตั้งหลายครั้ง แล้วฉันก็ไว้ใจแกมากที่สุดในบริษัท ฉันคิดว่าแกเหมาะกับโปรเจ็คลับของฉัน”
“โปรเจ็คลับ”หูผึ่งตาโตด้วยความสนใจ ผมไม่รู้หรอกว่าอาพูดถึงเรื่องอะไรแต่ก็น่าจะลองฟังแกอธิบายเพิ่มสักนิด
“คืองี้”แกโน้มตัวกระซิบ สายตาสลับมองซ้ายทีขวาทีราวกับเกรงว่าจะมีใครได้ยินสิ่งที่พวกเราสนทนากัน “ทีมงานของเรากำลังวางแผนผลิตนิตยสารส่งท้ายปีเล่มพิเศษ”
“เล่มพิเศษน่ะเหรอ”
อาเจย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ใช่ พิเศษแบบที่แกคาดไม่ถึง”
“หืม”
“แกมาทำโปรเจ็ค NGG ให้ฉันเถอะ”
ผมเอียงคอมองอีกฝ่าย คิ้วที่เลิกสูงโค้งเป็นรูปพาราโบลา
“National G-host-graphic”อาเจย์เขียนในกระดาษแล้วชูให้ผมดู “มันเป็นแนวสารคดี”
“อู้ว”อันที่จริงผมไม่ค่อยถนัดการเขียนงานด้านสารคดีสักเท่าไหร่ ถึงแม้ผมจะเขียนบทความได้ดี แต่มันสมองของผมก็บรรจุความรู้ทั่วไปไว้น้อยนิดยิ่งกว่าเศษก้อนกรวด “สารคดีอะไร”
“ผี”
“เอ๋”ผมเบิกตาอุทานอย่างสงสัย “สารดีผีคืออะไร”
“มันคือการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผีน่ะสิไอ้เน็ก เรื่องแค่นี้แกก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ”
“ผมหูฝาดไปใช่ไหม”
“ถ้าหากแกหูฝาด ฉันจะส่งแกไปโรงพยาบาล”
ผมกรอกตามองเพดาน “อาเจย์เชื่อเรื่องผีเหรอ”
“ใครๆก็เชื่อเรื่องผีสางนางไม้”
“อาเอาอะไรมาพูด”
“เอาต้นไม้ที่มีสายสิญจน์พันอยู่สิบตลบหน้าบริษัทและรอยถูกำแพงขอหวยที่วัดมโนรินมาพูด”
ผมเถียงไม่ออก
“แกมันเด็กรุ่นใหม่ หลายคนอาจไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าหากไม่มีคนเชื่อเรื่องผีสาง ทำไมรายการโทรทัศน์หลายช่องจึงนำเสนอเรื่องผีเต็มไปหมด”
ผมเถียงไม่ออก
“ดูอย่างคุณรวย จิตสำเพ็งสิ ทุกคนเชื่อในสิ่งที่แกพูดเกี่ยวกับวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวร”
ผมอยากจะแย้งแต่ก็เปิดปากไม่ได้
“บทความนิตยสารผีก็มีเรื่อยๆ ทุกคนเสพกันพอหอมปากหอมคอ นี่เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง!”
ผมควรจะฟังแกพล่ามต่อดีไหม?
“ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าเราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตหลังความตายหรือสิ่งมีชีวิตในตำนานได้ล่ะก็ โปรเจ็ค NGG จะโด่งดังถล่มทลาย ถึงขนาดที่ว่า CMM ต้องมาขอตัวแกไปสัมภาษณ์ที่อเมริกา”
“งานนี้ผมขอบาย ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
อาเจย์แกไม่สน ความคิดของแกเป็นตุเป็นตะจนผมไม่แน่ใจว่าแกเป็นบรรณาธิการบริหารจริงหรือไม่
“สิ่งที่อาพูดมันก็เป็นเรื่องผีที่ถูกปลุงแต่งขึ้นมา ถ้าหากอาอยากให้ผมเขียนคอลัมน์พวกนี้ล่ะก็ สู้ไปจ้างนักเขียนแนวสยองขวัญมาทำโปรเจ็คกับอาเสียยังดีกว่า”
“เราจะไม่ทำนิตยสารผีๆแบบที่เคยเห็นกัน เราจะทำนิตยสารรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นบอกเล่าเรื่องราวของผี”
“มันต่างกันยังไงไม่ทราบ”ผมไม่คิดจะรับงานแบบนี้หรอกนะ
“สารคดีเมืองผีนำเสนอชีวิตของผี ข้อมูลทุกอย่างจะมาจากผีจริงๆ ไม่ใช่คำพยากรณ์ ไม่ใช่คำพูดจากหมอผี ไม่ใช่คำพูดจากคนทรงเจ้าหรือแม้แต่คุณรวย จิตสำเพ็ง นี่จะเป็นนิตยสารส่งท้ายปีที่เยี่ยมที่สุดที่รวบรวมเรื่องราวของผีพร้อมทั้งแจกซีดีบันทึกวิดิโอเกี่ยวกับผีไว้ด้วย”
“โลกนี้ไม่มีผี!”
“มันมีอยู่”
“แล้วอาจะส่งผมไปสัมภาษณ์ผี อัดเสียงพวกผี กินนอนกับผีเพื่อใช้เขียนบทความหรือไง!”
รอยยิ้มของอาเจย์เป็นคำตอบที่ทำให้ผมแทบสะดุ้ง... เอาจริงเหรอเนี่ย!!
“ทำไมจู่ๆถึงมีโปรเจ็คประหลาดนี่ขึ้นมาได้”ผมกระแอม เหลือบสายตามองผ่านกระจก เห็นตึกระฟ้าตั้งอยู่อีกฟากหนึ่ง มีตึกเล็กและตึกน้อยอยู่ถัดออกไป ทุกอย่างแลดูไม่น่าพิสมัย แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าสบตาอาเจย์ในตอนนี้
อาเจย์เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ แกจดจ้องมองผมนิ่งๆ นิ้วมืออีกข้างก็เคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ ผมสัมผัสได้ว่าการฝึกงานในคราวนี้คงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
วันนี้เป็นวันที่มีอากาศร้อน... ร้อนจนเห็นเม็ดเหงื่อเมือกติดตัวผมเต็มไปหมด
+++++++++++++++
By Pakkie Davie
ฝากติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะจ๊ะ ม๊วฟฟฟ <3