ลายนิ้วมือมีปัญหา กับประสบการณ์ เข้าห้องเย็น ที่ ตม. เกาหลี

บอกก่อนว่า เราเคยไปเกาหลีมาแล้ว 6 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ก่อนไปเกาหลีครั้งนี้ ต่างจากครั้งอื่นๆ เนื่องจากรู้มาว่า เกาหลีใช้การสแกนลายนิ้วมือในการผ่านด่าน ตม ด้วย ซึ่งตัวเองมีปัญหากับลายนิ้วมือมากๆ ตอนทำพาสปอตเล่มใหม่นี้ ก็ไม่สามารถเก็บลายนิ้วมือได้ ทำให้กังวลใจไม่น้อยว่าจะมีปัญหามั้ย

ก่อนเดินทางเราได้ขอเอกสารรับรองการทำงานจาก บริษัท และนำพาสปอตเล่มเก่าๆ ที่หมดอายุแล้วพกติดตัวไปด้วย

กรุ๊ปทัวร์ เราเดินทางทั้งหมด 25-30 คน เมื่อเดินทางมาถึงเกาหลี ในระหว่างที่เดินเรียงแถวก็เห็นละ ว่าหลายคนถูกส่งเข้าห้องเย็น แต่มองไม่เห็นนะว่ามีใครกลับออกมาหรือเปล่า เพราะใจเราจดจ่ออยู่กับตัวเอง กลัวไม่ผ่านเหมือนกัน

เมื่อถึงตาตัวเองจริงๆ ก็เดินเข้าไป พร้อมทักทาย
เรา : Good morning
ตม สาวหน้าบึ้ง : เงียบ....

เลยไม่พูดอะไรต่อ แต่มองตามทุกขั้นตอนที่เค้าทำ เห็นนางพยายามสแกนพาสปอตเรา กับเครื่อง ก็ไม่ผ่านอยู่หลายรอบ
แล้วเค้าก็ให้เราสแกนนิ้ว แล้วนางก็กลับไปพยายามสแกนพาสปอตใหม่ ก็ไม่ผ่าน เราไม่แน่ใจว่า มันเป็นเพราะลายนิ้วมือไม่เข้ากับลายนิ้วมือในเล่มพาสปอต หรือติดปัญหาอะไร ทำไมไม่ผ่าน
จนนางหมดความพยายาม เลยบอกให้เราเข้าไปห้องเย็น

พอเดินเข้าไป ใจก็ร่วงละค่ะ แต่สู้ เพราะเอกสารพร้อม ความพร้อมเรามีเต็ม
มีเจ้าหน้าที่มารับพาสปอต และให้นั่งรอ ในนั้นมีนักท่องเที่ยวหญิงไทย 2 คน และผู้ชายไทยอีก 1 คน รอเรียกอยู่เหมือนกัน

เจ้าหน้าที่เอาพาสปอตไปเรียง เพื่อเรียกตามคิว ผู้หญิงข้างๆ เค้าก็งง ว่าเค้ามาก่อน แต่ทำไมไม่เรียกเค้าก่อนล่ะ อันนี้เราไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างนั่งรอ เห็นเจ้าหน้าที่เข็นกระเป๋าเดินทาง มาประมาณ 5-6 ใบ แล้วเข้าไปอีกห้อง ซึ่งเดาว่าเป็นห้องมีคนไม่ผ่าน ตม นั่งอยู่ เพราะกระเป๋าไม่ได้กลับออกมาอีกเลย คนเหล่านี้จะถูกส่งกลับไทยทันที เมื่อเครื่องบินมีที่ว่าง

สักพัก เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อ ดิฉันขานรับทันที yessss
แล้วไปนั่ง เค้าก็เปิดพาสปอต ทั้งของเก่าและของใหม่ที่เราผูกติดกันไว้ แล้วถามเราเป็นภาษาอังกฤษว่า

ตม : คุณเป็นหัวหน้าทัวร์รึ
เรา : ไม่ใช่ ชั้นมาเที่ยว มากับครอบครัว มีน้องสาว และลูกสาว มากัน 3 คน แต่ในกรุ๊ปที่มา น่าจะรวมๆ กัน 35 คน

แล้วเครื่องสแกนก็บอกให้เราวางนิ้วชี้ทั้ง 2 ข้าง (เป็นภาษาไทย) เราก็วาง เห็นเค้าโทรออกไปไหนไม่รู้ สักพัก ก็บอกให้เราลุกขึ้น แล้วก็พาเราออกไป
เรา : เสร็จแล้วเหรอ
ตม : ใช่ บ้าย บาย

แล้วเราก็ไปเที่ยวไปตามปกติ

เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า
1. ตม ด้านนอก เค้าจะไม่มีเวลามาใช้ความพยายามกับพาสปอต หรือ ลายนิ้วมือที่มีปัญหา เพราะคนเยอะ ส่งไปห้องเย็นเลยง่ายสำหรับเค้า

2.ภาษาอังกฤษ สำคัญมาก มีไว้จะดีมากค่ะ ไม่ต้องกลัว คำถามเค้าไม่ยาก ง่ายๆ เราและเค้าไม่มีใครเก่งไปกว่ากันค่ะ ซึ่ง บ.ทัวร์จะมีคำถามง่ายๆ แนะแนวเราเอาไว้ และได้ยินมาว่า บางทีมี จนท พูดไทยได้ด้วยนะคะ แต่เราไม่เจอ

3. การแต่งตัวสำคัญที่สุด เนื่องจากคนไทยแอบไปทำงานที่นั่นเยอะมากกกกก และจะแฝงตัวไปกับทัวร์ต่างๆ กรุ๊ปเรา 25 เหลือเที่ยวเพียง 17 คน บางคนไม่ผ่าน ตม บางคนผ่าน แต่หนีไปเลย หัวหน้าทัวร์เล่าว่า มีหนีกันทุกกรุ๊ป บางครั้ง มากัน 20 คน สุดท้าย เหลือหัวหน้าทัวร์คนเดียว นอกนั้นหายหมดเลย

4.แต่งตัวให้ดูเป็นนักท่องเที่ยว แต่งให้เหมาะกับฤดู (วันนั้นเราใส่เสื้อยืดแขนยาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋ากล้อง และกระเป๋าส่วนตัว) ขนาด หัวหน้าทัวร์ยังดูออกว่าคนนี้หนีแน่ๆ แล้ว ตม.จะดูไม่ออกได้อย่างไร

5.มีพาสปอตกี่เล่ม พกไปค่ะ อย่างน้อยให้เค้ารู้ว่า เราผ่านมาแล้วกี่ประเทศ สังเกตจากของเราที่มีสแตมป์หลายประเทศ และเกาหลีก็ 5 ครั้งแล้ว เค้าจึงถามว่าเราเป็นหัวหน้าทัวร์หรือเปล่า

6. บ.ทัวร์ ช่วยเราไม่ได้นะคะ หรือหากช่วยได้ก็โอกาสน้อยมากๆ หากเราถูกส่งเข้าห้อง สิทธิ์ทุกอย่าง อยู่กับ จนท ตม เกาหลีค่ะ

ปล.ตอนนี้นึกได้เท่านี้ นึกได้เพิ่ม จะมาเติมให้นะคะ

สุดท้าย ขอประณาม คนที่หนีทัวร์ทั้งหลาย พวกคุณๆ ทำให้คนที่ตั้งใจไปเที่ยวต้องถูกส่งกลับ ทั้งๆ ที่เค้าไม่มีความผิดใดๆเลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึก และเค้าก็คงเข็ดกับการเดินทางเข้าเกาหลีไปอีกนานแสนนาน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่