สังคมข่าว
เดลินิวส์ วันที่ 11 มี.ค. 2559
@ ส่วนเผือกร้อน อีกเรื่องที่ท่านผู้นำ บิ๊กตู่ ยืมมือผู้ตรวจการแผ่นดิน วินิจฉัย มติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เป็นการดำเนินผิดขั้นตอน พร้อมระบุเป็น อำนาจของนายยกรัฐมนตรี ในการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช ทำให้เป็นประเด็นแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
@ แต่ก็ถูกโต้แย้ง เช่นกันว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่มีอำนาจวินิจฉัยคำร้องเกี่ยวกับคณะสงฆ์ เพราะไม่ได้เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในอดีตเคยมีกรณี เจ้าอาวาส วัดแห่งหนึ่งร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้วินิจฉัย เนื่องจากถูกเจ้าคณะปกครอง สั่งให้ออกจากวัด ซึ่งกรณีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า ไม่อยู่ในอำนาจ เพราะ เจ้าอาวาส และ คณะสงฆ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
@ การวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงเป็นการเปิดประเด็นไว้เพื่อให้การแต่งตั้งพระสังฆราช ยุ่งเหยิง เข้าไว้
@ เพื่อให้ท่านผู้นำ บิ๊กตู่ นำไปใช้เป็นข้ออ้างเคลียร์คดี ต่างๆให้เรียบร้อยเสียก่อนเพื่อ ซื้อเวลา ในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
@ อันดามัน เป็นห่วงว่าวงการพระศาสนาต้องว่างเว้นจาก ประมุขแห่งศาสนจักรไปอีกนาน เพราะฝ่ายต่อต้าน สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่นำโดย ศิษย์ก้นกุฏิ แห่งห้องกระจก
@ ทั้ง ไพบูลย์ นิติตะวัน และ พระพุทธอิสระ ยังสามารถ เดินสาย ยื่นเรื่องให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบมติมหาเถรสมาคม หรือตรวจสอบคดีที่พยายามโยง ให้เกี่ยวข้องกับสมเด็จช่วง โดยมีการรับลูกกันเป็นทอดๆ
@ ขณะที่ ฝั่งสนับสนุน มติมหาเถรสมาคม พยายามแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง กลับ ถูกห้าม อ้างว่าผิด พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ
@ หากท่านผู้นำขืนปล่อยให้ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวได้ โดยเสรี ขณะที่อีกฝ่ายที่มาตามครรลองของกฎหมายกลับ ถูกห้าม การเคลื่อนไหวในทุกกรณี ปมการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช คงต้อง ยืดเยื้อ ออกไปตามเจตนารมณ์ของ ผู้ชักใย อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่มาจากสาย ธรรมยุต มากกว่าสาย มหานิกาย เหมือนกับที่เคยให้ สมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช จนมรณภาพในที่สุด
ข่าวสังคมเดลินิวส์พูดถึงนายกใช้บริการผู้ตรวจ
เดลินิวส์ วันที่ 11 มี.ค. 2559
@ ส่วนเผือกร้อน อีกเรื่องที่ท่านผู้นำ บิ๊กตู่ ยืมมือผู้ตรวจการแผ่นดิน วินิจฉัย มติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เป็นการดำเนินผิดขั้นตอน พร้อมระบุเป็น อำนาจของนายยกรัฐมนตรี ในการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช ทำให้เป็นประเด็นแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
@ แต่ก็ถูกโต้แย้ง เช่นกันว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่มีอำนาจวินิจฉัยคำร้องเกี่ยวกับคณะสงฆ์ เพราะไม่ได้เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในอดีตเคยมีกรณี เจ้าอาวาส วัดแห่งหนึ่งร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้วินิจฉัย เนื่องจากถูกเจ้าคณะปกครอง สั่งให้ออกจากวัด ซึ่งกรณีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า ไม่อยู่ในอำนาจ เพราะ เจ้าอาวาส และ คณะสงฆ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
@ การวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงเป็นการเปิดประเด็นไว้เพื่อให้การแต่งตั้งพระสังฆราช ยุ่งเหยิง เข้าไว้
@ เพื่อให้ท่านผู้นำ บิ๊กตู่ นำไปใช้เป็นข้ออ้างเคลียร์คดี ต่างๆให้เรียบร้อยเสียก่อนเพื่อ ซื้อเวลา ในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
@ อันดามัน เป็นห่วงว่าวงการพระศาสนาต้องว่างเว้นจาก ประมุขแห่งศาสนจักรไปอีกนาน เพราะฝ่ายต่อต้าน สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่นำโดย ศิษย์ก้นกุฏิ แห่งห้องกระจก
@ ทั้ง ไพบูลย์ นิติตะวัน และ พระพุทธอิสระ ยังสามารถ เดินสาย ยื่นเรื่องให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบมติมหาเถรสมาคม หรือตรวจสอบคดีที่พยายามโยง ให้เกี่ยวข้องกับสมเด็จช่วง โดยมีการรับลูกกันเป็นทอดๆ
@ ขณะที่ ฝั่งสนับสนุน มติมหาเถรสมาคม พยายามแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง กลับ ถูกห้าม อ้างว่าผิด พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ
@ หากท่านผู้นำขืนปล่อยให้ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวได้ โดยเสรี ขณะที่อีกฝ่ายที่มาตามครรลองของกฎหมายกลับ ถูกห้าม การเคลื่อนไหวในทุกกรณี ปมการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช คงต้อง ยืดเยื้อ ออกไปตามเจตนารมณ์ของ ผู้ชักใย อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่มาจากสาย ธรรมยุต มากกว่าสาย มหานิกาย เหมือนกับที่เคยให้ สมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช จนมรณภาพในที่สุด