[CR] เมื่อพาพ่อกับแม่ ไปย้อนเวลาที่ทะเลสาบอินเล



           
สวัสดีค่ะทุกคน เค้าหายไปนานเพราะเดินทางตลอดเลย ล่าสุดเพิ่งกลับมาจากไต้หวันแล้วก็จังหวัดเลย รอบนี้มาพม่าอีกแล้ว ใครๆก็ถามไปบ่อยๆไม่เบื่อหรอพม่าเนี่ย รอบนี้เป็นรอบที่5แล้วนะ แต่เราก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นประเทศที่มากี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือไม่อยากกลับมาอีกนะ ตอนนี้กลายเป็นหลงใหลผู้คน หลงใหลวัฒนธรรมหนักกว่าเก่า แต่รอบนี้จะพาไปเที่ยวแทบขึ้นเหนือของพม่ากันบ้าง โอเค 1 2 3 พร้อมแล้วลุย

            สมาชิกที่จะร่วม ผจญภัยในครั้งนี้ คุณพ่อ กับ หม่อมแม่ ของชะนีน้อยเอง แล้วก็พี่ชายเรา โซเตีย (คนขับรถที่น่ารักของทริปนี้)

                                                                                      10-02-16  
   เริ่มต้นการเดินทางด้วย สายการบิน นกแอร์ DD3240 จากดอนเมืองถึงย่างกุ้ง 07.30น.ตั๋วโปรออกปุ๊ป กดจองอย่าไม่มีสติอีกแล้วซินะ
เช้ามืดนี้แทบไม่ได้นอนเพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีสามกันลยทีเดียว ซื้อมอคค่าร้อนก่อนขึ้นเครื่องซักหน่อย แต่เครื่องยังไม่ทันออกก็หลับยาวแล้ว
ตื่นอีกที เครื่องกำลังลงพอดี วันที่ถึงยังไม่ร้อนมาก ตอนลงบันไดเลื่อนมาก็จะเห็นคนมายืนรอรับเต็มไปหมด แต่เรากับไม่เห็นคนมารอรับเราเลย แย่แล้ว สงสัยพี่จะยังไม่ตื่นแน่เลยเนี่ย หันไปหันมาอีกที เจอคนโบกไม้โบกมือ เรียกเราตอนที่เราเข้าคิวจะเข้าตม. รอดแล้วเรา 555

      เข้าคิวรอตรวจเอกสารเข้าตม. มีอาสาสมัครมายืนรอเราช่วยเขียนใบตม.ด้วยนะ น่ารักมากๆ จะได้รวดเร็ว แต่พอถึงคิวเรา
เจ้าหน้าที่ถามเราว่า 1. how long you stay here? 7days  2. For travel? yeah 3.Can you show me your address ?
หลังจากนั้น หนุงหนิงก็ยืนใส่จองโรงแรมแล้วตั๋วเครื่องบิน ดีนะว่าปริ้นออกมา เพราะปกติหนุงหนิงไปไหนจะใช้เปิดอีเมล์เอา หลังจากนั้นหนุงหนิงก็อธิบายยาว ว่าจะไปไหนบ้าง นอนไหนบ้าง
      เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก ไปประเทศไหน ส่วนใหญ่หนุงหนิงจะโดนตม. ถามเยอะทุกที่เลย ถ้าเป็นฮ่องกงอะหรอ
ผมนี้โดนเข้าห้องสอบทุกรอบเลยฮะ ช่วยดูหุ่นและหน้าด้วยกูจะเข้าประเทศมาทำไรได้วะฮะ
นอกจาก เดินสายเที่ยวแล้ว-เท่านั้นค่ะ


     หลังจากออกจากสนามบิน ก็แวะกินข้าว แล้วก็เดินทางไป อินเลย์กันเลยค่ะ เช้าถึงเย็นกันเลยที่เดียวตลอดทาง ก็แวะโน้นแวะนี้
ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบเดี๋ยวก็ถึง พี่ชายขับรถคนเดียวเลยค่ะ เราก็ไม่กล้านอนเพราะกลัวพี่หลับใน ชวนกันคุย ชวนกันร้องเพลง แกะลูกอมให้พี่กินจนเป็นร้อนใน เบาหวานขึ้นกันเลยทีเดียว (ล้อเล่นหน่า)

ภาพระหว่างทาง เดินทางจากย่างกุ้งตอนเช้า ถึงอินเล ค่ำๆ




ถ้ารถสามล้อนั่งได้มากกว่านี้ หนุงหนิงว่าก็คงจะอัดกว่านี้ อะไรจะขนาดนั้น เกาะกันตัวเห็น
เห็นแล้วก็ตกใจไม่ได้ ลุ้นดีนะเออ ส่วนคนที่มีจักรยานก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน เยอะมากเป็นแถวเลย


        เดินทางถึงอินเลย์ตอนค่ำ ก็หาอะไรกินก่อนเข้าห้องพัก ร้านที่คนแนะนำ ก็เต็มแน่นไปหมดต้องรอคิว เราเลยขับรถวนหาไปเรื่อยๆ
ร้านอะไรไม่รู้ คนพม่าเต็มร้านเลย อะๆเข้าร้านนี้แหละไม่มีไรละ เลยสั่งก๋วยเตี๋ยวกับข้าวผัดมากินกัน อิ่มเสร็จแล้วก็เข้านอน ตอนกลางคืนอากาศเย็นมาก โรงแรมอยู่ในเมืองนะคะ เมืองยองชเว (Nyaung Shwe) ไม่ได้ไปนอนที่ทะเลสาบ เพราะถ้านอนรีสอร์ตจะหาของกินยากมาก




                                                        11-02-16 .. 7โมงครึ่งก็กินอาหารเช้าที่โรงแรม
     8โมง เวลานัด พี่ก็มารับไปท่าเรือ จากโรงแรมไปท่าเรือใกล้มาก แค่5นาทีเองมั้ง พี่โทรนัดคนเรือไว้แล้ว ไปถึงก็ขึ้นเครื่อง
ออกเดินทางสู่ทะเลสาป อินเลย์กันเลยค่ะ



เห็นเค้าว่ากันว่าอินเลเป็นหัวใจของรัฐฉานเลยทีเดียว  มาตอนเช้า อากาศเลยไม่ร้อน แถมแอบเย็นๆด้วยซ้ำ  เรือก็ค่อยๆแล่นจากคลองเล็กๆ สู่ทะเลสาบใหญ่ หันไปทางซ้ายก็เจอภูเขา หันไปทางขวาก็เจอภูเขา บรรยากาศสุดจะบรรยายจริงๆ มีเรือประมงตลอดทาง คนที่นี้ก็ยังจับปลา หาปลากันปกติ แต่ที่แปลกกว่าที่อื่น ก็คือวิธีการจับปลา ที่หาไม่ได้จากที่ใด มีที่นี้ที่เดียวเท่านั้นจริงๆ เราจะได้ชมการพายเรือด้วยเท้า แล่นเรือไปได้ซัก 30นาที เรือก็แล่นไปถึง

แต่เหมือนดูว่า เค้าจะทำเพื่อโชว์นักท่องเที่ยวมากกว่านะคะ พอเราแล่นเค้าไปใกล้ๆเค้าถึงจะทำท่าทางแบบนี้
แล้วหลังจากหลัง เค้าก็จะมาเกาะเรือเราขอทิป






     จุดที่1 คือโรงงานแกะสลักเครื่องเงิน มีวิธีการทำให้ดู อารมณ์เหมือนเราไปเชียงใหม่เลย งานแกะสลัก มีของให้เลือกซื้อมากมาย แต่ราคาแอบโหดมาก ตั้งแต่จะซื้อตุ้มหู แต่พาป้าเปิดราคามาถึงกับเงิบสรุปพาเมื่อดูอย่างเดียวจริงๆ555 หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพายไปตลาดนัดกันเหอะ (ต้องบอกก่อนว่าตลาดเนี่ยทุกวันจะจัดคนละที่ วันจันทร์อยู่ที่นี้ วันอังคารอยู่อีกที ) แต่ชาวบ้านแล้วคนเรือจะรู้ว่าตลาดมีที่ไหนวันไหน และที่พิเศษไปกว่านั้น 5วัน จะมีตลาดน้ำ1วัน นอกนั้นอีก4วัน จะเป็นตลาดบนบกค่ะ




    มองไปมองมา เลาะตามซอก คลองเล็กๆ อารมณ์เหมือนอยู่แม่กลองบ้านเราเลย แต่น้ำที่นี้บางช่วงจะตื้นมาก บางคลองถ้ามาหน้าแล้งจะเข้าไม่ได้เลย ตลาดวันนี้ดูคึกคักมาก







เพราะขายของก็เยอะ คนมาซื้อของที่ตลาดก็เยอะ มีตั้งแต่ของที่ระลึก ผัก ผลไม้ ขนม น้ำเต้าหู้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะแค่มาเดินเล่นถ่ายรูป ชมวิถีชีวิตคนที่นี้ แต่ส่วนชะนีน้อยสายกินอย่างเรานั้น กินมันทุกอย่างค่ะ ลองให้หมดจะได้รู้ว่าเป็นยังไง อย่างมากก็ท้องเสีย 5555 เออแพนเค้กป้านี้อร่อยดีเหมือนกัน พ่อกับแม่ดูตื่นเต้นมาก เหมือนพวกเค้าสองคนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็ก แม่หนุงหนิงเป็นคนเชียงรายแม่พูดเหนือแม่ค้าบางคนพูดกับแม่รู้เรื่องด้วย แปลกดีจัง รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผู้คนที่นี้น่ารักมาก พูดกับเรารู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่นางก็ยิ้มให้ตลอด  
แล้วได้เวลาไปเที่ยวที่อื่นต่อกันค่ะ





    จุดที่สอง  เป็นโรงทอผ้าและเครื่องเงิน ทีนี้ไม่มีอะไรมาก  แต่มีกระเหรี่ยงคอยาว นี้นึกว่าอยู่แม่ฮ่องสอน 555 มาทอฝ้าโชว์ค่ะ แต่เครื่องเงินร้านนี้สู้ร้านแรกไม่ได้

        
         หิวข้าวแล้ว เที่ยงแล้ว หาอะไรกินกันดีกว่า วันนี้มื้อเที่ยงเลยไปฝากท้องไว้ที่ร้าน BLUE SKY ตอนแรกทำใจละว่ากับข้าวต้องไม่อร่อยแน่ๆ
แต่ที่ไหนได้ อร่อยเกินคาด ชอบผักทอดมาก กินข้าวไปชมวิวไป อะไรจะชิวขนาดนั้นค่ะ เสียงเครื่องเรือก็ผ่านไปผ่านมา ตอนแรกก็แอบรำคานนิดหน่อย ไปๆมาๆ ซักจะเพลินหูดีนะ หลังจากอิ่มแล้ว เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวกันก่อน อิ่มแล้วมีแรงแล้วไปเดินย่อยกันซักหน่อยละกัน



         จุดที่3 ที่เราจะไปคือ หมู่บ้านอินเด็นค่ะ ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ตื้นที่สุดอย่างที่หนุงหนิงบอกไปว่าถ้าเรามาหน้าแล้ง เรือจะไม่สามารถเข้ามาถึงได้เลย นี้ขนาดไปหน้าหนาวจะมีบางช่วงเรือแอบขูดทรายเลย เด็กๆก็ออกมาเล่นน้ำกันสนุกๆสนาน บางคนก็เอารถมอไซขับมาล้างกัน อาบน้ำไปด้วย แล้วก็ถึงที่จอดเรือ หลักจากนี้เราต้องเดินอีกยาวไกลตอนแรกก็นึกว่านิดเดียวแหละ เดินขึ้นมันเริ่มชันขึ้นชันขึ้น แต่ก็ยังถือว่าเดินสบายค่ะ มีหลังคาตลอดทางเดิน ที่นี้ไม่เก็บค่าเข้านะคะ แต่ต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูป เดินมาถึงข้างบนก็จะเป็นวัดชเวอีนเต็ง กว่าจะถึงที่หมายเล่นเอาหอบ-กันเลยทีเดียว เดินขึ้นมาข้างในจะเป็นส่วนเจดีย์สีทอง ส่วนเจดีย์ที่ไม่ได้บูรณะจะอยู่ด้านข้างค่ะ มองจากตรงนี้จะเห็นวิวภูเขาและทะเลสาบเลยค่ะ พอหันกลับมามองที่เจดย์เก่าก็แอบขนลุกดีเหมือนกัน






      สงสัยจะเดินเพลินไปหน่อย คนขับเรือถึงขั้นเดินขึ้นมาตาม ไปจุดที่4 กันต่อไป วัดผ่องดออูสร้างด้วยแรงศรัทธา หรืออีกชื่อเรียกกันว่า
วัดพระบัวเข็ม และทุกเดือนตุลา จะมีเทศกาลแห่เรืออีกด้วย ส่วนที่ปิดทองพระ เข้าไปปิดได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นค่ะ


      อย่ารอช้า ไปต่อกันที่ จุดที่5 คือ วัดงะเพจวง หรือวัดแมวกระโดดนั้นเอง แต่ปัจจุบันยังมีแมวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแต่ไม่มีแมวกระโดดแล้วนะคะเนื่องจากน้องแมว กระโดดให้นักท่องเที่ยวดูจนเหนื่อย เหมือนทารุณสัตว์ ตอนนี้เลยไม่มีแล้วค่ะ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะเหมือนเดิม


     ส่วนระหว่างทาง จะมีแวะอีก2ที่ คือ โรงงานทำบุหรี่พม่า และ โรงงานทอผ้าใยบัวค่ะ


      ได้เวลากลับเมืองยองชเวกันแล้วค่ะ แต่เดี๋ยวก่อนกลับ คนขับเรือพาเราไปชม สวนผักลอยน้ำกันก่อน
แถมคนสามารถกระโดดหรือยืนบนนั้นได้ด้วยนะ ไหนส่งพี่ไปพิสูจน์ก่อนซิ



ปรากฎนางยืนได้ แม่กับหนุงหนิงก็กระโดดตามเลยจ้า ตื่นเต้นมาก แต่ยืนกับที่นานไม่ได้ จมซิ รอไรละ
เล่นเพลินหันมาอีกที อ่าวพระอาทิตย์ตกไปแล้ว เป็นไงละมัวแต่เล่น นานาเสียใจ


ในอดีตประเพณีแห่เรือ เรือได้ล่มบริเวณนี้เค้าเลยสร้างเสาไว้ตรงนี้ค่ะ






                  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ รูปอาจจะแค่ปรับแสงนะคะเพราะยุ่งมากจริงๆ
                           แฟนเพจ :ชะนีน้อยตะลอนทัวร์ ... ไอจี : @sanungningdiary
                                      ตอนหน้า ชะนีน้อยขอเสนอ หยุดเวลาไว้ที่ พุกาม



                                                               
                        
ชื่อสินค้า:   พม่า อินเล
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่