ใครมีคุณยาย คุณแม่ที่มีเงินใช้มากๆไม่ต้องทำงาน ท่านใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขคะ

เป็นคำถามที่ออกจะแปลกนิดนึงนะคะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็คือ พวกเขาดูไม่ค่อยมีความสุข

ครอบครัวคุณตาเราทำธุรกิจส่งออกใหญ่ ฐานะดีมาก ตอนนี้เกษียณกันก็ว่างมาก คือชีวิตมันน่าจะมีความสุข แต่กลับเป็นว่า จิตใจเขาไม่ค่อยสงบ ช่วงทำธุรกิจมันก็ขึ้นบ้างลงบ้าง แต่ด้วยความที่เป็นธุรกิจใหญ่ เวลาขาดทุนมันจะเป็นล้านๆ คุณตาจะมีภาวะอารมณ์ขึ้นๆลงๆ (ส่วนหนึ่งเป็นนิสัยของเขาด้วย) คุณยายก็นิสัยออกแนวระเบียบเรียบร้อย หงุดหงิดง่าย สั่งอะไรต้องรู้ใจ ชีวิตจะมีคนบริการตลอดทั้งคู่ ถ้าไม่พอใจก็ดุเสียงดัง คุณตาบางทีก็ใช้คำหยาบ มาตอนนี้ 70 ปลายๆแล้ว ธุรกิจซบเซาลง แต่มีญาติคนอื่นดูแล แต่ร่องรอยอาการเดิมๆยังมีอยู่ เท่าที่รู้สึกได้ เราคิดว่าเขาดูมีความสุขน้อยมาก น้อยกว่าเงินที่เขามีมากๆ คุณยายมีลูก 4 คน มีครอบครัวดีมากๆ 2 คน (คนโตกับลูกชายคนเล็ก) ส่วนคนกลางไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว คุณยายจะลำเอียงรักลูกชายคนเล็กมาก เพราะเป็นลูกชายคนเดียว ทำอะไรถูกหมดเลย ลูกคนอื่นคุณยายจะดุ ว่ามากกว่า ได้รับความรักความเมตตาน้อยกว่า  

มาถึงปลายชีวิต จริงๆแล้วลูกหลานก็ไม่ได้สนิทกับคุณยายเลย ไม่เหมือนกับยายหลานของหลายครอบครัว เพราะคุณยายแทบไม่เคยเลี้ยงใครเลย แต่ก็ยังมีความผูกพันธ์กันในฐานะที่เกื้อกูลกันมา เขาดูเหงา เพื่อนๆสมัยเรียนก็มีค่ะ แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกับใครมาก คุณตาคุณยาย ไม่ค่อยไปทำบุญที่วัด ไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ชอบฟังธรรม แต่มีจิตใจส่วนดีคือทำบุญบริจาคตามสถานสงเคราะห์ โรงพยาบาล โรงเรียนบ้าง และไม่ชอบเห็นญาติพี่น้องลำบาก คุณตา ซึ่งเป็นพี่คนโตจะอุปการะ ให้เงินเต็มที่ แต่จิตกุศลเขาก็มีเท่านี้ ส่วนใหญ่จะพะวงอยู่กับเรื่องธุรกิจของตัวเองมากกว่า และหลายครั้งก็ซุบซิบเรื่องคนอื่น (อันนี้แม่เล่าให้ฟังค่ะ เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ)    

อยากทราบว่าคนที่มีครอบครัวลักษณะนี้ เขาทำอย่างไรถึงจะมีความสุขกันมากขึ้นคะ ทั้งลูกทั้งหลาน ทุกคนมีฐานะดี ไม่มีใครเก อยากจะพาเข้าวัด ไปได้รับความสุขทางธรรมบ้าง แต่รู้สึกค่อนข้างยากนิดนึง เหมือนคลื่นมันไม่ค่อยตรงมานาน แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้น่ะค่ะ เขาก็ดูน่าจะสนใจอยู่

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
การจะชักจูงใครเข้าวัดโดยที่ใจเขายังไม่มา มันต้องใช้กุศโลบายค่ะ

อย่างเรื่องของเรานะคะ แม่เราเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นคนเริ่มต้นกิจการของพ่อ ทำงานเลี้ยงลูก (ทั้งๆ ที่ก็มีพ่ออยู่เนี่ยอ่านะ ^ ^") บลาๆ ๆ เอาเป็นว่าแม่เราเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนน่ะค่ะ ทำให้แม่เป็นคนที่ไม่ค่อยฟังใครง่ายๆ

เรื่องวัดเรื่องวาก็อย่ามาพูด ทำงานตัวเป็นเกลียว เวลาเป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ก็มีไปทำบุญตามวาระนะคะ แบบว่า เสาร์-อาทิตย์ก็เอาปิ่นโตพาลูกๆ ไปวัดกันก็มี ปีละหลายครั้งอยู่ล่ะค่ะ

นิสัยอื่นๆ ของแม่คือ แม่ไม่เอาเปรียบใคร ไม่คิดร้ายใคร เป็นคนดี (ซึ่งในทัศนคติของเราคนดีคงที่แบบนี้มันไม่พอ) แม่คิดว่าแค่นี้แม่ก็พอแล้ว

เราพยายามชักจูงแม่ให้แม่ไปถือศีล เรียนรู้แก่นของศาสนา ถือศีลอุโบสถ ตอนนั้นเราให้แนวคิดแม่ไปว่า คนดีที่ดีอยู่กับที่ สักวันใครจะรู้ ถ้าหมดบุญแล้วบาปอาจจะชักลงสู่ที่ต่ำได้ คนเราต้องทวนน้ำ ต้องดีขึ้น .... ไอ้เราก็พูดของเราไป เขาก็ไม่ฟัง ก็ยังไม่สามารถสละได้สักที

อยู่มาวันหนึ่ง มีญาติมาชวนไปปฏิบัติธรรม 5 วัน เราเลยคิดกุศโลบาย โดยบอกแม่ว่าเราอยากไปนะ แต่ถ้าแม่ไม่ไปเราก็ไม่ไป ประกอบกับตอนนั้นเราป่วยเรื้อรัง เลยได้อาศัยจังหวะนี้แหละค่ะ กล่อมอยู่ไม่นาน เขาก็ไปจนได้ หลังจากนั้นในปีนั้นทั้งปีก็ได้ไปปฏิบัติธรรมที่เดิมอีกหลายครั้ง จนปัจจุบันนี้เราไม่ต้องไปด้วยแล้วจ้า แม่เราไปถือศีลอุโบสถเองทุกปี นี่ก็น่าจะ 5 ปีแล้วค่ะ ไปอยู่ในกลุ่มคนที่ถือศีลด้วยกัน พอกลับมาจะมีเรื่องเล่าดีๆ กลับมาให้เราชื่นใจได้ทุกครั้งเลยค่ะ

อย่างไรแล้ว จขกท ก็ลองหากุศโลบายที่เหมาะสมกับคุณตาคุณยายดูนะคะ
จขกท.มีเจตนาดี ขอให้บุญส่งให้ทำได้สำเร็จด้วยค่ะ เอาใจช่วยค่ะ ^ ^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่