ศาตราจารย์ ด็อกเตอร์ปรีดี พนมยงค์
ศาสตราจารย์ พันตรี ด็อกเตอร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์
บุคคลกรณีตัวอย่างความดัดจริตและย้อนแย้งของสังคมสลิ่มในประเทศไทย
เมื่อวาน (9 มีนาคม 2559) เป็นวันครบ 100 ปีชาตกาล ดร.ป๋วย
ผมได้เห็นรายการข่าวของสื่อสลิ่ม และการให้สัมภาษณ์ แสดงความคิดเห็นของนักวิชาการสลิ่ม เกี่ยวกับ ดร.ป๋วย
(ขอเรียกง่าย ๆ ว่าสลิ่มนะครับ บอกถึง "อัตลักษณ์" ของสื่อ และนักวิชาการพวกนี้ได้ชัดเจนดี ไม่ต้องอธิบายภาพให้ยาก)
เห็นแล้วก็ปรากฎภาพความดัดจริตและย้อนแย้งจนต้องปล่อยก๊ากออกมาเต็มที่
คิดในใจว่า พวกคุณจะเพี้ยนกันไปถึงไหน
ก็เชิดชูยกย่อง ดร.ป๋วย สุดลิ่มทิ่มประตู
เรื่องที่เชิดชูนั้น ล้วนเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับบทบาทและแนวทางของสื่อ ของนักวิชาการพวกนี้ทั้งนั้น
ไม่ว่าเรื่องแนวคิดทางการปกครอง ทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
แต่ก็เชิดชูได้อย่างไม่อายปาก
ทำให้นึกถึงท่านปรีดี
ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สื่อสลิ่ม นักวิชาการสลิ่ม เชิดชู ยกย่องสุดลิ่มทิ่มประตู
เช่น เชิดชูปรีดี ป๋วย ในเรื่องประชาธิปไตย
แต่สื่อสลิ่ม นักวิชาการสลิ่ม กลับเห็นดีเห็นงามกับเรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เรื่องอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ย้อนแย้ง ดัดจริต
เหมือนคนไม่กินข้าว แล้วบอกว่าข้าวกินแล้วดีมีประโยชน์
เอาเป็นว่า ในฐานที่เข้าใจแล้วกันครับ สาธยายมากกว่านี้ เด๋วหายวับ
แล้วผมก็มาถึงบรรทัดสุดท้ายของความคิด ไม่กล้าคิดต่อ
ความคิดถึงจุดสุดท้ายที่ว่า
เมื่อใครก็เห็นว่า ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่ล้ำค่าของเมืองไทย
เมื่อใครก็เห็นว่า ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่สูงค่าของประเทศไทย
แล้วทำไมทั้งสองท่าน อยู่เมืองไทยไม่ได้ ?
เพราะอะไร ?
ใครมีคำตอบครับ ?
ปรีดี พนมยงค์ - ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และความดัดจริตผสมย้อนแย้งในสังคมสลิ่มไทย
ศาสตราจารย์ พันตรี ด็อกเตอร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์
บุคคลกรณีตัวอย่างความดัดจริตและย้อนแย้งของสังคมสลิ่มในประเทศไทย
เมื่อวาน (9 มีนาคม 2559) เป็นวันครบ 100 ปีชาตกาล ดร.ป๋วย
ผมได้เห็นรายการข่าวของสื่อสลิ่ม และการให้สัมภาษณ์ แสดงความคิดเห็นของนักวิชาการสลิ่ม เกี่ยวกับ ดร.ป๋วย
(ขอเรียกง่าย ๆ ว่าสลิ่มนะครับ บอกถึง "อัตลักษณ์" ของสื่อ และนักวิชาการพวกนี้ได้ชัดเจนดี ไม่ต้องอธิบายภาพให้ยาก)
เห็นแล้วก็ปรากฎภาพความดัดจริตและย้อนแย้งจนต้องปล่อยก๊ากออกมาเต็มที่
คิดในใจว่า พวกคุณจะเพี้ยนกันไปถึงไหน
ก็เชิดชูยกย่อง ดร.ป๋วย สุดลิ่มทิ่มประตู
เรื่องที่เชิดชูนั้น ล้วนเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับบทบาทและแนวทางของสื่อ ของนักวิชาการพวกนี้ทั้งนั้น
ไม่ว่าเรื่องแนวคิดทางการปกครอง ทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
แต่ก็เชิดชูได้อย่างไม่อายปาก
ทำให้นึกถึงท่านปรีดี
ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สื่อสลิ่ม นักวิชาการสลิ่ม เชิดชู ยกย่องสุดลิ่มทิ่มประตู
เช่น เชิดชูปรีดี ป๋วย ในเรื่องประชาธิปไตย
แต่สื่อสลิ่ม นักวิชาการสลิ่ม กลับเห็นดีเห็นงามกับเรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เรื่องอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ย้อนแย้ง ดัดจริต
เหมือนคนไม่กินข้าว แล้วบอกว่าข้าวกินแล้วดีมีประโยชน์
เอาเป็นว่า ในฐานที่เข้าใจแล้วกันครับ สาธยายมากกว่านี้ เด๋วหายวับ
แล้วผมก็มาถึงบรรทัดสุดท้ายของความคิด ไม่กล้าคิดต่อ
ความคิดถึงจุดสุดท้ายที่ว่า
เมื่อใครก็เห็นว่า ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่ล้ำค่าของเมืองไทย
เมื่อใครก็เห็นว่า ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่สูงค่าของประเทศไทย
แล้วทำไมทั้งสองท่าน อยู่เมืองไทยไม่ได้ ?
เพราะอะไร ?
ใครมีคำตอบครับ ?