เสน่หาอำมหิต...มฤตยูยอดรัก ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
เสน่หาอำมหิต...มฤตยูยอดรัก


ตอนที่ 2


โดย...ล. วิลิศมาหรา

      หมู่บ้านฟ้าใหม่แหล่งรวมคนวัยชราแห่งนี้ ถึงแม้มันคือโครงการที่อยู่อาศัยมีระดับ แต่จริง ๆ แล้วไม่ต่างกับบ้านพักคนชราที่ร่ำรวย คนแก่ที่นี่หลายคนอยู่ตามลำพังเพราะครองตัวเป็นโสดหรือตกพุ่มม่าย แต่ไม่อยากมีคนรับใช้ให้วุ่นวายเพราะยังแข็งแรงดี ผู้สูงอายุประเภทนี้มักใช้บริการบริษัทรับทำความสะอาดบ้านพักและสวนสวยหน้าบ้านของตัวเอง จึงมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดที่พักให้ทุกวัน ส่วนสวนหน้าบ้านก็มีคนงานมาดูแลอาทิตย์ละครั้ง หากต้องการถี่กว่านั้นก็สามารถโทรศัพท์เรียกได้

       สำหรับบ้านหลังที่มีผู้สูงอายุค่อนข้างอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว ในโครงการยังมีโรงพยาบาลสาขาของโรงพยาบาลเอกชนชั้นดีไว้คอยบริการ คนแก่ประเภทนี้มักใช้บริการผู้ดูแลคนชราของโรงพยาบาลแห่งนี้อีกด้วย นอกเหนือจากคนรับใช้ที่ลูกหลานจัดหามาให้

    นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ คอยรับทำและจัดส่งอาหารตามเมนูที่บ้านแต่ละหลังสั่งไป ซึ่งมีทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่งให้บริการครบครัน อาจเรียกได้ว่าขอเพียงมีเงิน ทุกสิ่งก็จะถูกส่งตรงมาถึงประตูบ้านทันที

       หมอบรรพตอยู่ในกลุ่มผู้พักอาศัยประเภทแรก ในเมื่อทุกอย่างสำหรับการดำรงชีวิตมีให้ซื้อได้ เขาจึงใช้เงินซื้อความสะดวกทั้งหมด หนุ่มใหญ่ต้องการอยู่อย่างสงบ เขาไม่ชอบให้มีคนรับใช้เข้ามาวุ่นวาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังอยากมีเพื่อนคุยที่ถูกคอกันด้วย

    “แหม ลงมือรดน้ำต้นไม้เองเชียวนะ บริษัทก็ส่งคนมาดูแลให้ทุกวันไม่ใช่เหรอคะ”

    บรรพตลดสายยางที่กำลังรดน้ำต้นไม้สวนหน้าบ้านลง ผู้หญิงสูงอายุร่างใหญ่ที่กำลังยืนมองอยู่นอกรั้วบ้านเตี้ย ๆ ของเขาคือคุณสายหยุด มารดาม่ายของดาราสาวชื่อดังคนหนึ่งซึ่งมีงานชุก เธอยุ่งกับงานจนต้องพามารดามาซื้อบ้านอยู่ที่นี่ เพราะสะดวกเรื่องการหาคนมาดูแลมารดา

        บ้านของดาราสาวอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านนายแพทย์อาวุโสพอดี คุณสายหยุดพักอยู่สองคนกับคนรับใช้ เธอมีปัญหาเรื่องเจ็บเข่าจึงไม่ค่อยออกมานอกบ้านบ่อยนัก เว้นเสียแต่อยากมาปรึกษาพูดคุยด้วยกับหมอศัลยกรรมอย่างเขา ซึ่งบรรพตก็ชอบคุยด้วย เพราะเธอเป็นคนคุยสนุก มีเรื่องเล่าให้ขำขันบ่อย ๆ

    “อ้าว หายปวดเข่าแล้วเหรอครับ” บรรพตมองดูเข่าของเธอแล้วทักทายอย่างอารมณ์ดี

    “พอค่อยยังชั่ว ลองควบคุมน้ำหนักกับหมั่นบริหารช่วงขาเข่าอย่างที่คุณหมอแนะนำก็พอเดินเล่นได้ค่ะ"

    “แต่อย่าลืมตัวเดินหรือยืนนาน ๆ นะครับ” เขายังคงเตือนอย่างหวังดีด้วยติดนิสัยความเป็นหมอ คุณสายหยุดทำหน้าเมื่อย

         “น่ารำคาญตัวเองจังเลยค่ะจะลุกไปทำอะไรก็ไม่ถนัด นี่กว่าจะเดินมาหาคุณได้ทุลักทุเล อ้อ บ้านข้าง ๆ มีคนมาพักแล้ว เขามาทักทายคุณหมอหรือยังคะ”

          บ่นตัวเองแล้วก็แลเลยไปทางบ้านข้าง ๆ หล่อนพยักพเยิดไปทางนั้นก่อนหันมาถาม

    “ทักทายกันเรียบร้อยแล้วครับ เขาอยู่สองคนพ่อลูก พ่อชื่อสมานเป็นดอกเตอร์ทำงานวิจัย ส่วนลูกสาวชื่อพลอยดูเหมือนจะป่วย เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน”

      “ใครป่วยก็พากันย้ายมาอยู่ที่นี่ “

    หญิงชราพยักหน้ารับรู้แล้วพูดติดตลก บรรพตพลอยขำไปด้วยแต่พูดแย้งกลั้วเสียงหัวเราะ

        “ยกเว้นผมนะครับ ผมยังแข็งแรงดี “ สายหยุดชายตามองค้อนคุณหมอท่าทางใจดีตรงหน้า เย้ายิ้ม ๆ ว่า  

         “ฮู้ย ไม่ได้หมายรวมถึงคุณหมอด้วยหรอกค่ะ คุณน่ะยังดูหนุ่มกว่าอายุมาก หัวเข่าแข้งขายังเดินเหินสบายดี นี่ถ้าไม่เอาแต่เขียนหนังสืออยู่แค่ในบ้านแล้วออกไปทำงานโรงพยาบาลข้างนอก สาว ๆ คงมาขอสมัครช่วยรดน้ำต้นไม้กันตรึม“

         บรรพตยิ้มเจื่อนรับคำหยอกเอินอารมณ์ดีของเพื่อนบ้านหญิง คำพูดของเธอสะกิดต่อมความเหงาที่แอบซ่อนอยู่ลึก ๆ ภายในใจ ซึ่งก่อนหน้า เขาเคยเลิกคิดเรื่องคู่ชีวิตคนใหม่ ไม่ต้องการใครมาเคียงข้างคอยดูแลและเป็นเพื่อน บรรพตไม่เชื่อว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่เขาจะรักและไว้ใจได้เท่ากับสายใจภรรยาที่สิ้นไป เขาเฝ้าปฏิเสธตัวเองอย่างนั้น...จวบจนกระทั่งเมื่อคืนนี้ที่เขาได้เจอกับ พลอย


    “ยังไม่เคยเห็นตัวคนพักเลย ฉันเองก็อยู่แต่ในบ้าน นี่ออกมาตามหาแมว แม่พิ้งค์กี้น่ะ คุณคงจำได้ หายไปตั้งแต่เช้า”

    บรรพตทำท่านึก อ้อ แมวพันธุ์เปอร์เซียน ตาสีฟ้า ๆ ตัวโปรดของเธอนั่นเอง

    “ออกมาตามเองเลยเหรอครับ เดี๋ยวก็ปวดเข่าหรอก ทำไมไม่ให้เด็กเป็นคนมาหาให้”หมอหนุ่มใหญ่เตือนด้วยความหวังดี

    “ให้ลัดดาออกมาหารอบหนึ่งแล้วแต่ไม่เจอ ฉันร้อนใจเลยออกมาดูเองอีกรอบ แต่ก็ยังไม่เจอ ถ้าคุณพบช่วยโทรบอกฉันด้วยนะ”

    หมอบรรพตรู้สึกสงสารหญิงชราวัยเจ็ดสิบ นี่แหละหนาคนแก่ที่ไร้ลูกหลานเหลียวแล ถึงแม้จะมีเงินทองมากมาย สุดท้ายสิ่งที่อยากได้จริง ๆ คือคนคอยอยู่เป็นเพื่อน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคู่สมรสหรือลูกหลาน เมื่อเหลียวหาไม่เจอใครจริง ๆ ก็ขอให้มีแม้เป็นเพียงหมาแมว เพราะความเหงานั้นมันร้ายกาจนัก

    “ถ้าเจอจะรีบบอกครับ"


    
       วันเวลาคืบคลานเข้าสู่เดือนที่สี่แห่งการทำความรู้จักกัน บรรพตเจอสาวน้อยตาโตอีกหลายครั้งตรงระเบียงห้องนอน ไม่นานพลอยก็สนิทใจจนเข้ามานั่งเล่นหน้าบ้านเขายามเลยพลบค่ำไปแล้วบ่อย ๆ

        สองพ่อลูกไม่สนใจทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านหลังอื่น ๆ อีก คนเป็นพ่อบางครั้งก็ร่วมวงสนทนาด้วย โดยเฉพาะเวลาต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของพลอย ชายชราไม่มีทีท่าหวงลูกสาวมากมายอย่างที่บรรพตกริ่งเกรง และไม่อาจหยั่งความคิดของผู้เฒ่าได้ว่า ระแคะระคายความปรารถนาในตัวพลอยของเขาหรือไม่

    หนุ่มใหญ่พัฒนาความสัมพันธ์กับเด็กสาวคราวลูกอย่างรวดเร็ว จากพูดคุยธรรมดาบรรพตเริ่มอยากเกี้ยวพาสาวน้อย เขาสงสัยว่าพลอยจะเข้าใจความนัยที่เขาส่งไปหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่เขาเอ่ยชมหรือพูดจีบอ้อม ๆ สาวรุ่นลูกมักอมยิ้มแล้วมองมาที่เขาตาแป๋ว พลอยไม่มีทีท่าเขินอาย...เขาคิดว่าเธอยังใสซื่อไม่เดียงสา

    จนคืนหนึ่ง เมื่อบรรยากาศเป็นใจ สมานออกไปทำธุระข้างนอกนานแล้วและยังไม่กลับมาบ้านจนมืดค่ำ พลอยเข้ามานั่งเล่นหน้าบ้านของเขาตามปกติ บรรพตฉวยโอกาสนั้นตัดสินใจรุกคืบความสัมพันธ์ถึงขั้นจีบเธอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่