สำหรับแฟนบอลที่ติดตาม Thai League คงจะทราบว่าหลายปีที่ผ่านมา
มักมีปัญหาเรื่องจำนวนสโมสรที่ต้อง "ตกชั้น" หรือ "เลื่อนชั้น" กันอยู่เรื่อยๆ
สาเหตุเพราะการกำหนด "จำนวนสโมสร" ในแต่ละ League ของไทยนั้นยังเอาแน่นอนไม่ได้
ทีนี้ผมก็อยากทราบว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ มี League ไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง
ก็ไปเจอข่าวของ A-League ใน Australia ที่เพิ่งโผล่มาพอดี เลยอยากเอาข้อมูลมาแบ่งให้อ่านกัน
ขอสรุปแบบสั้น (หากผิดพลาดขออภัย)
เกริ่นนำ สมัยก่อน Australia มี League แข่งฟุตบอลที่รู้จักกันในชื่อ National Soccer League (NSL)
ก่อตั้งช่วงปี ค.ศ. 1977 จนถึงปี 2004 มีสโมสรใน League ทั้งหมด 42 สโมสร
โดยเป็นสโมสรของ Australia จำนวน 41 สโมสร และมาจาก New Zealand จำนวน 1 สโมสร
ทีนี้ในช่วงปี 1984 ก็ถูกแบ่งแยก League ออกเป็น division เพื่อให้เกิดการแข่งขันกัน
แต่หลังจากนั้นในปี 1987 ก็ถูกยุบรวมเหลือ League division เดียวเหมือนเดิม
ซึ่งก็มีชื่อ League เปลี่ยนแปลงตามผู้สนับสนุนมาเรื่อย เช่น
Philips Soccer League, Olympic Airways Soccer League, Coca-Cola Soccer League, the Ericsson Cup
ในช่วงปี 2001 เกิดปัญหาในวงการฟุตบอล ทำให้พวกผู้เล่นเก่งๆ ชาว Australian หนีไปเล่นให้สโมสรต่างประเทศกันหมด
ต่อมาปี 2002 เหล่ารายการโทรทัศน์ต่างก็พากันไม่ต่อสัญญาถ่ายทอดสด และทำให้ช่วงนั้นรายการทีวีไม่มีฟุตบอลให้ชมกัน
จากนั้นปี 2003-2004 ผู้สนับสนุนต่างๆ ก็พากันลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แท่บจะเป็นการจบสิ้นของ League ใน Australia
จนกระทั่งมีการก่อตั้ง A-League ขึ้นมาใหม่
ในปี 2005 โดยมี 8 สโมสรเข้าร่วมแข่งขัน (5 สโมสรมาจาก NSL เดิม)
ที่มา
https://en.wikipedia.org/wiki/National_Soccer_League
ในช่วงเปลี่ยนผ่านปี 2004 นั้นทาง A-League ได้ผู้สนับสนุนรายใหม่ คือ Hyundai Motor Company
จึงได้ใช้ชื่อ League ว่า "Hyundai A-League" โดยล่าสุดในปี 2008 ได้มีการทำสัญญาสนับสนุน League ถึงปี 2012
และขยายต่อมาถึงปี 2016 นี้
ที่มา
https://en.wikipedia.org/wiki/A-League
สำหรับท่านที่ตามอ่านมาถึงจุดนี้บางคนอาจเริ่มมีประเด็นกันบ้างแล้ว
จากข้อมูล A-League ล่าสุดนั้น
ในปี 2016 มีสโมสรร่วมแข่งขันทั้งหมดเพียง 10 สโมสร
โดย 1 ในนั้นเป็นสโมสรจาก New Zealand (สภาพแวดล้อมคล้าย S-League ของ Singapore เลยใช่ไหม?)
ที่มา
http://www.a-league.com.au/
ซึ่งในปี 2014 ที่ผ่านมาทาง Australia ได้วางแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลของประเทศ
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างในอดีตที่ผ่าน โดยได้ยกประเด็นหลักๆ ออกมาดังต่อไปนี้
- Elite player and coach development
- National teams
- Community football
- Facilities development
- National competitions
- Fan connections
- Commercial revenues
วัตถุประสงค์หลักๆ ก็คือ ขยายฐานวงการฟุตบอล และ สร้างวงการฟุตบอลให้แข็งแกร่ง
http://www.fourfourtwo.com/au/news/state-game-national-plan-football-enters-golden-era
ผ่านมา 2 ปี ทาง David Gallop CEO ของ Football Federation Australia ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
"แผนที่จะให้มีการ เลื่อนชั้น หรือ ตกชั้น ของ A-League และ National Premier League ยังคงเป็นจริงไม่ได้ในอนคตอันใกล้นี้"
จากการให้สัมภาษณ์กับ World of Football เมื่อคืนนี้ เขาได้พูดถึงโครงสร้างการเลื่อนชั้น/ตกชั้นยังไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้
ด้วยปัจจัยของการลงทุนที่เอื้อให้มีระบบ เลื่อนชั้น/ตกชั้น, ช่องว่างของ A-League และ National Premier League
โดยทาง FFA ก็ได้ปล่อยแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี สำหรับฟุตบอล Australia มาแล้ว
และ 1 ในกุญแจที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้คือ การดึงผู้เล่นระดับโลกให้กลับมาเล่นในประเทศ
แต่ก็มีประเด็นที่ว่า "ค่าเหนื่อย/เงินเดือน" ใน A-League นั้นอยากให้ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
ถึงแม้จะเสนอสิทธิพิเศษให้กับสโมสรที่สามารถทำได้หรือสำหรับผู้เล่นระดับโลก/ผู้เล่นที่เป็นคน Australia ก็ตาม
ที่มา
http://www.fourfourtwo.com/au/news/gallop-promotion-and-relegation-not-realistic-near-future
ความเห็นแฟนบอล Australia
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Ned Kelly : แน่นอน, ฟุตบอลของ Australia ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานในการสร้าง Division 2
George Mpliokas : พูดถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน, การโดยสารทางเครื่องบินใน Australia ไม่เคยราคาถูกลงเลย
มันตั้งแต่ปี 1960s ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนั้น ? และสโมสรใน A-League มีสโมสรไหนมีสนามเป็นของตัวเองบ้าง ?
Joe Hunt : การเลื่อนชั้น หรือ ตกชั้นใน A-League มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น
มันเพราะมีเงินเข้ามาสนับสนุนทางด้านกีฬาไม่เพียงพอที่จะสร้าง League 2, ตอนนี้มีกี่สโมสรแล้วที่มีปัญหาทางด้านการเงิน
James Wiley : คุณอาจจะคิดว่ามันงี่เง่า แต่เกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนชั้นสำหรับ 3 หรือ 4 ปีต่อจากนี้
อาจจะมีเพียง 1 สโมสรที่ต้องตกชั้นเพื่อให้สโมสรอื่นได้เลื่อนชั้นขึ้นมา นั่นคือหนทางที่จะทำให้เกิดการแข่งขันใน A-League
ทาง FFA นั้นมีเวลาพอที่จะจัดการโครงสร้างสำหรับมันในอนาคต ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย มันเหมือน win/win กันนั่นแหละ
Darko Davidovic : 10 สโมสรใน A-League และอีก 10 สโมสรใน A-League 2
5 ปีหลังจากนี้ก็ให้มี 2 สโมสรเลื่อนชั้น และอีก 5 ปีต่อไปก็ให้มีการเลื่อนชั้นอีก 2 สโมสรเรื่อยๆ
นั่นจะทำให้ A-League มี 14 สโมสร, สโมสรที่มีการเงินดีถ้าเล่นใน A-League 2 ก็จะสามารถเลื่อนชั้นหรือตกชั้นได้
จากความสามารถของพวกเขาเอง, นั่นจะทำให้พวกผู้เล่น Australian หนุ่มๆ มีโอกาสในการเป็นมืออาชีพ
นั่นรวมถึงมาตรฐานของ A-League และ ส่งต่อไปยังผู้เล่นท้องถิ่นเหมือนกับ European league นั่นคือความเห็นของฉัน
Paul Sougleris : ตัว A-League ... เป็น League เดียวในโลกที่คุณจะได้เห็นว่าสโมสรอันดับสุดท้ายของปีที่แล้ว
จะสามารถกลายเป็น champions ได้ในปีถัดไป, ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม asians ต้องการให้ Australia ออกไป
John Diegan : มันจะดีมากถ้าได้ออกจาก Asia ในปีที่จะถึงนี้ มันจะดีมาก
Erin Morrow : คิดได้ดี ตอนนี้ต้องการแผนในการให้ A-League มีการเงินที่มั่นคงกว่านี้
Alex Yiannoudes : นั่นเพราะทาง FFA พยายามที่จะทำเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยลงทุนน้อยหรือไม่ลงทุนเลย
Vic Livaja : เลื่อนชั้น/ตกชั้น มันโครงสร้างที่ดีในระยะยาว แต่ก็น่าเศร้าเพราะมีหลายเหตุผลทีมันจะไม่เกิดขึ้น
Tim Norton : อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่า gallop จะดูแลมันได้
Petar Radovic : Gallop ออกไป
Brendan J. Foster : มันก็ดีนะ ฉันก็อยากเห็นสโมสรอย่างน้อยอีก 4 สโมสรเพิ่มเข้ามาใน A-League
จะได้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นมาและมันน่าจะสร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อย
มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงพอจะเห็น "ภาพรวม" ของ "ระบบนิเวศของวงการฟุตบอล" กันบ้างแล้ว
ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะ "ชี้เป็น/ชี้ตาย" หรือส่งเสริมและช่วยพัฒนาระบบให้มันเติบโตต่อไป
ทีนี้ลองมาดูกันว่า "ฟุตบอลไทย" สภาพแวดล้อมมันเป็นอย่างไร เราจะเพาะเลี้ยงมันแบบไหนให้อยู่รอด
ถ้ามัวแต่จะมา "กอบโกย" หรือ "จ้องแต่ทำลาย" เมล็ดพันธุ์ที่พากันปลูก เฝ้าดูแล มันจะไม่มีที่ให้เติบโตกันนะครับ
ปัญหาการ "เลื่อนชั้น" และ "ตกชั้น" ของ A-League ใน Australia
มักมีปัญหาเรื่องจำนวนสโมสรที่ต้อง "ตกชั้น" หรือ "เลื่อนชั้น" กันอยู่เรื่อยๆ
สาเหตุเพราะการกำหนด "จำนวนสโมสร" ในแต่ละ League ของไทยนั้นยังเอาแน่นอนไม่ได้
ทีนี้ผมก็อยากทราบว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ มี League ไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง
ก็ไปเจอข่าวของ A-League ใน Australia ที่เพิ่งโผล่มาพอดี เลยอยากเอาข้อมูลมาแบ่งให้อ่านกัน
ขอสรุปแบบสั้น (หากผิดพลาดขออภัย)
เกริ่นนำ สมัยก่อน Australia มี League แข่งฟุตบอลที่รู้จักกันในชื่อ National Soccer League (NSL)
ก่อตั้งช่วงปี ค.ศ. 1977 จนถึงปี 2004 มีสโมสรใน League ทั้งหมด 42 สโมสร
โดยเป็นสโมสรของ Australia จำนวน 41 สโมสร และมาจาก New Zealand จำนวน 1 สโมสร
ทีนี้ในช่วงปี 1984 ก็ถูกแบ่งแยก League ออกเป็น division เพื่อให้เกิดการแข่งขันกัน
แต่หลังจากนั้นในปี 1987 ก็ถูกยุบรวมเหลือ League division เดียวเหมือนเดิม
ซึ่งก็มีชื่อ League เปลี่ยนแปลงตามผู้สนับสนุนมาเรื่อย เช่น
Philips Soccer League, Olympic Airways Soccer League, Coca-Cola Soccer League, the Ericsson Cup
ในช่วงปี 2001 เกิดปัญหาในวงการฟุตบอล ทำให้พวกผู้เล่นเก่งๆ ชาว Australian หนีไปเล่นให้สโมสรต่างประเทศกันหมด
ต่อมาปี 2002 เหล่ารายการโทรทัศน์ต่างก็พากันไม่ต่อสัญญาถ่ายทอดสด และทำให้ช่วงนั้นรายการทีวีไม่มีฟุตบอลให้ชมกัน
จากนั้นปี 2003-2004 ผู้สนับสนุนต่างๆ ก็พากันลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แท่บจะเป็นการจบสิ้นของ League ใน Australia
จนกระทั่งมีการก่อตั้ง A-League ขึ้นมาใหม่ในปี 2005 โดยมี 8 สโมสรเข้าร่วมแข่งขัน (5 สโมสรมาจาก NSL เดิม)
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/National_Soccer_League
ในช่วงเปลี่ยนผ่านปี 2004 นั้นทาง A-League ได้ผู้สนับสนุนรายใหม่ คือ Hyundai Motor Company
จึงได้ใช้ชื่อ League ว่า "Hyundai A-League" โดยล่าสุดในปี 2008 ได้มีการทำสัญญาสนับสนุน League ถึงปี 2012
และขยายต่อมาถึงปี 2016 นี้
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/A-League
สำหรับท่านที่ตามอ่านมาถึงจุดนี้บางคนอาจเริ่มมีประเด็นกันบ้างแล้ว
จากข้อมูล A-League ล่าสุดนั้น ในปี 2016 มีสโมสรร่วมแข่งขันทั้งหมดเพียง 10 สโมสร
โดย 1 ในนั้นเป็นสโมสรจาก New Zealand (สภาพแวดล้อมคล้าย S-League ของ Singapore เลยใช่ไหม?)
ที่มา http://www.a-league.com.au/
ซึ่งในปี 2014 ที่ผ่านมาทาง Australia ได้วางแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลของประเทศ
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างในอดีตที่ผ่าน โดยได้ยกประเด็นหลักๆ ออกมาดังต่อไปนี้
- Elite player and coach development
- National teams
- Community football
- Facilities development
- National competitions
- Fan connections
- Commercial revenues
วัตถุประสงค์หลักๆ ก็คือ ขยายฐานวงการฟุตบอล และ สร้างวงการฟุตบอลให้แข็งแกร่ง
http://www.fourfourtwo.com/au/news/state-game-national-plan-football-enters-golden-era
ผ่านมา 2 ปี ทาง David Gallop CEO ของ Football Federation Australia ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
"แผนที่จะให้มีการ เลื่อนชั้น หรือ ตกชั้น ของ A-League และ National Premier League ยังคงเป็นจริงไม่ได้ในอนคตอันใกล้นี้"
จากการให้สัมภาษณ์กับ World of Football เมื่อคืนนี้ เขาได้พูดถึงโครงสร้างการเลื่อนชั้น/ตกชั้นยังไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้
ด้วยปัจจัยของการลงทุนที่เอื้อให้มีระบบ เลื่อนชั้น/ตกชั้น, ช่องว่างของ A-League และ National Premier League
โดยทาง FFA ก็ได้ปล่อยแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี สำหรับฟุตบอล Australia มาแล้ว
และ 1 ในกุญแจที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้คือ การดึงผู้เล่นระดับโลกให้กลับมาเล่นในประเทศ
แต่ก็มีประเด็นที่ว่า "ค่าเหนื่อย/เงินเดือน" ใน A-League นั้นอยากให้ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
ถึงแม้จะเสนอสิทธิพิเศษให้กับสโมสรที่สามารถทำได้หรือสำหรับผู้เล่นระดับโลก/ผู้เล่นที่เป็นคน Australia ก็ตาม
ที่มา http://www.fourfourtwo.com/au/news/gallop-promotion-and-relegation-not-realistic-near-future
ความเห็นแฟนบอล Australia
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงพอจะเห็น "ภาพรวม" ของ "ระบบนิเวศของวงการฟุตบอล" กันบ้างแล้ว
ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะ "ชี้เป็น/ชี้ตาย" หรือส่งเสริมและช่วยพัฒนาระบบให้มันเติบโตต่อไป
ทีนี้ลองมาดูกันว่า "ฟุตบอลไทย" สภาพแวดล้อมมันเป็นอย่างไร เราจะเพาะเลี้ยงมันแบบไหนให้อยู่รอด
ถ้ามัวแต่จะมา "กอบโกย" หรือ "จ้องแต่ทำลาย" เมล็ดพันธุ์ที่พากันปลูก เฝ้าดูแล มันจะไม่มีที่ให้เติบโตกันนะครับ