มาๆๆๆ วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าไปเที่ยวที่ กาญจนบุรีมาอีกละ ไปมาตั้งแต่วันที่ 23-24 มกรา แล้วนะ แต่เพิ่งจะมีเวลามาเล่าเนี่ย เริ่มจากเคยไปพักที่ ริเวอร์แควร์วิลเลจ แล้วติดใจใน Rock valley มากๆ ตั้งใจไว้ว่าจะไปอีก แต่จะให้ไปนอนที่เดิมก็กะไรอยู่ เราเลยเลือกรีสอร์ทในเครื่อของ ริเวอร์แควร์วิลเลจ นั่นก็คือ ริเวอร์แควร์ วิลล่า นั่นเอง
คราวที่แล้วที่ไป เรานั่งรถตู้สาธารณะไป แล้วก็เข้ารีสอร์ทเลย ไม่ได้ออกไปไหน แต่คราวนี้ตั้งใจจะไปเที่ยวที่อื่นๆด้วย เลยเช่ารถตู้ไป สมาชิกบนรถตู้มีทั้งหมด 4 คน รวมคนขับด้วยก็ 5 คน (รถโล่งงงงงเชียว)
เราออกจากกรุงเทพ 7.30 น. มุ่งหน้าไปกาญจนบุรี ที่แรกที่เราตั้งใจจะแวะคือ ถ้ำกระแซ

ถ้ำกระแซ ถือเป็นจุดชมวิวที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - น้ำตก หรือที่เรียกกันว่า "เส้นทางรถไฟสายมรณะ”
ร้อนมากกกกกกกกกก มากจริงๆ พอเราเดินไปตรงทางหน้าผา ตรงทางรถไฟ มันมีความรู้สึกแบบ สร้างกันได้ขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าเรานั่งรถไฟมา เราคงกลัวมาก เพราะแค่ยืนอยู่นี่ก็ กลัวอยู่ ก็ทางรถไฟมันเล่นยื่นไปในแม่น้ำเลย
ในถ้ำก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่พระพุทธรูป แล้วก็มีลานให้นั่งไหว้พระ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ กระบอกเซียมซี 555 เราก็จัดการเขย่าซะลั่นถ้ำเลย (ก็ว่าเขย่าเบาๆแล้วนะ) พอถ่ายรูปกันจนหมดมุมจะถ่ายเราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไปของเรา คือ วัดถ้ำพุหว้า
พอไปถึงนี่แบบว่า โอ้โหหหห ทางเข้าไปนี่ วัดป่าชัดๆ จะมีอะไรให้ดูมั๊ยเนี่ย พอไปถึงานจอดรถก็ต้องโอ้โหอีกครั้ง เพราะ อุโบสถหินทรายที่อยู่ข้างหน้าเรา มันสวยงามมากกก แกะสลักลวดลายสวยงาม
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากกกกก อยู่ทางด้านข้างๆ

แต่เราก็ยัง งงอยู่ว่า แล้วไหนล่ะ ถ้ำ พอเดินเข้าไปในอุโบสถก็โอ้โหอีก

นี่มันถ้ำนี่ ถ้ำแบบมีหินงอกหินย้อย แล้วก็มีพระพุทธรูปวางไว้เป็นจุดๆไป ที่วัดนี่ เปิดให้คนทั่วไปมาวิปัสสนาที่วัดได้ ค้างคืนได้ สงบ เงียบ เย็น เหมาะมากๆที่จะมาปลีกวิเวกสงบใจ

วัดสะอาดมาก มีฝูงหมาวัดหน้าตาวัดๆ แต่เป็นมิตร นอนอยู่ 3-4 ตัว มันจะไม่เข้ามาหาเราจนกว่า .... เราจะแกะถุงข้าวเกรียบ 55555 เห็นมันนอนกันนิ่งๆ พอแกะถุงข้าวเกรียบเท่านั้นล่ะ กรูกันมาเลยจ้า 5555
พอไหว้พระ เข้าห้องน้ำ กันเรียบร้อยแล้ว ก็หิวแล้วไง นี่มันบ่ายโมงแล้วนี่ ไปๆๆๆ หาอะไรกินกัน
มื้อนี่เราตามใจคนขับรถ จะพาไปร้านไหนก็กินละ หิวมากกกก เค้าพาเราไปร้านครัวชุกโดน คนเยอะเหมือนกัน ยืนงงๆอยู่แป๊บนึง ก็มีคนพาไปนั่งในแพ สั่งอาหารยังไม่ทันเสร็จเลยจ่ะ ต้องย้ายโต๊ะ เมาแพ 55555 ไม่ไหวจริงๆ เลยมานั่งด้านหน้าๆร้าน ก็ร่มดี มีลมนิดหน่อย สั่งอาหารกันมาหลายอย่าง รสชาตินี่แล้วแต่ปากคนเนอะ แต่เราว่าก็อร่อยดี บางอย่างอร่อยมาก บางอย่างอร่อยน้อย แต่ก็ถือว่าโอเค สำหรับราคา ปริมาณ การบริการ ไม่แย่ อิ่มละ เข้าที่พักกันเถอะ นี่เลยเถิดเกินเวลากันมานานละ เรามีนัดล่องแพเปียกกับทางรีสอร์ทด้วย
ตรงดิ่งเข้าโรงแรม ตอนแรกว่าจะรีบๆเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปล่องแพเปียกด้วยความรวดเร็ว แต่พอเห็นห้องพักแล้วอดไม่ได้ ขอถ่ายรูปก่อนเถอะ ห้องกว้างมากกกกกกกกกกก เตียงใหญ่มากกกกกก พื้นสะอาดมากกกกกกกก
ส่วนนี่ในห้องน้ำ ไม่ได้หรูหราสมัยใหม่อะไร แต่สะอาดดี มีปัญหาแค่เรื่องกลิ่นอับนิดนึง เปิดประตูไว้แป๊บนึงก็ไม่มีกลิ่นละ
เอาๆๆ มัวแต่ตื่นเต้นกับห้อง ต้องรีบไปล่องแพเปียกแล้วววว
การล่องแพเปียกของริเวอร์แควร์วิลล่า คือ การให้เรานั่งแพไม้ไผ่ยาวๆ แพละ 2 คน (มีเสื้อชูชีพให้ใส่ทุกคน – ของมีค่า มือถือ ไม่ต้องเอาไปเลยจ้า นอกซะจากว่ามันกันน้ำได้ เพราะแค่นั่งลงไปก็เปียกถึงเอวละ) นั่งต่อกัน แล้วก็มีแพต่อๆไป อีก 2 แพ ลากด้วยเรือหางยาง อารมณ์คล้ายๆ บานาน่าโบ้ทนั่นล่ะ
แต่นี่ อยู่ในแม่น้ำ แต่แพเป็นไม้ไผ่ ไม่ใช่เรือยาง แล้วเรือจะลากเราไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เรือจะกลับ เค้าจะให้เราโดดลงน้ำ แล้วลอยคอกลับมาที่จุดลงแพตอนแรก เราไม่กล้าลง มันไกลอ่ะ 5555 เราก็เลยมาลงตรงใกล้ๆหน่อย ก็ปล่อยไหลไปตามน้ำ เย็นสบายดี
ทีนี้จุดพีคอยู่ตอนที่จะขึ้นจากน้ำนี่แหละจ้า พอลอยมาถึงตรงที่จอดแพ มันเป็นโค้งน้ำพอดี น้ำค่อนข้างไหลแรง ช่วงเวลาที่เราลงตอน 4 โมง น่าจะเป็นช่วงน้ำกะลังไหลแรงพอดีด้วยมั้ง จับเชือกเกือบไม่ทันจ้า ตื่นเต้นเลย พอจะขึ้นจากน้ำ โอ้วจอร์จ ซาร่านี่แบบว่า สงสารคนจับบันไดเลย เค้าจะมีบันไดเหล็กที่ไม่ได้ยึดติดกับท่า กับอะไรใดๆ เป็นพี่ผู้ชาย 3-4 คนช่วยกันจับบันได แล้วให้เราโหนตัวปีนขึ้นไป กรี๊ดดดดด คือ ลำพังตัวก็หนักมาละ แล้วยังจะมีกระแสน้ำที่แรงอีก ไม่ได้สงสารตัวเองเท่าไหร่ สงสารคนจับบันไดม๊ากกกก พูดเลย ณ จุดนี้ แต่ก็ขึ้นมาได้ด้วยดี ปลอดภัยทั้งเรา และคนจับบันได 55555
โดยรวมแล้ว สนุกดี ขาไปนั่งโต้คลื่นจากเรือลากไป ชมวิวเพลินๆ แดดแรงสุดๆ ทากันแดดกันไปเยอะๆนะฮะ ขากลับตอนลงน้ำแล้วลอยกลับมา เย็นสบายดี มีตื่นเต้นตอนจะขึ้น สรุปคือ แนะนำนะ อยากให้มาลอง คนละอารมณ์กับบานาน่าโบ้ท สนุกคนละแบบ ลองดู
วันนี้เราจะไม่ออกไปไหนละ เหนื่อย กินข้าวมื้อเย็นที่โรงแรมนี่ล่ะ สั่งกันมาแบบ ปากใหญ่กว่าท้องตามเคย
อาหารที่นี่ รสชาติกลางๆ ไม่ได้เผ็ดจัดมาก หรือจืดสนิท กินได้เรื่อยๆ แต่แอบจุก 555

น้ำพริกวิลล่า

ไข่ยัดไส้

ลาบทอด อันนี้อร่อย อยากสั่งอีก แต่อิ่ม

แกงป่าไก่ ใครชอบความเผ็ดร้อนของแกงป่า ต้องสั่งนะ ถึงเครื่องจริงๆ

ยำตะไคร้ รสจัดจ้าน กินกับใบชะพลู อร่อยดี

อันนี้น้ำแตงโมปั่น

สั่งมาการิต้ามากินด้วย อร่อยดี (เกลือตรงปากแก้วเยอะไปนิด 555)

ของเพื่อนสั่งน้ำพั๊นซ์มา แต่งแก้วมาอลังสุด น้ำอร่อยดี
หมด 1 วัน พรุ่งนี้เรามีนัดไปแช่น้ำร้อนที่ Rock Valley ล่ะ
Day 2 ต่อด้านล่างเนอะ ^__^
[CR] ไปเที่ยวกาญจนบุรี อีกรอบ
คราวที่แล้วที่ไป เรานั่งรถตู้สาธารณะไป แล้วก็เข้ารีสอร์ทเลย ไม่ได้ออกไปไหน แต่คราวนี้ตั้งใจจะไปเที่ยวที่อื่นๆด้วย เลยเช่ารถตู้ไป สมาชิกบนรถตู้มีทั้งหมด 4 คน รวมคนขับด้วยก็ 5 คน (รถโล่งงงงงเชียว)
เราออกจากกรุงเทพ 7.30 น. มุ่งหน้าไปกาญจนบุรี ที่แรกที่เราตั้งใจจะแวะคือ ถ้ำกระแซ
ถ้ำกระแซ ถือเป็นจุดชมวิวที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - น้ำตก หรือที่เรียกกันว่า "เส้นทางรถไฟสายมรณะ”
ร้อนมากกกกกกกกกก มากจริงๆ พอเราเดินไปตรงทางหน้าผา ตรงทางรถไฟ มันมีความรู้สึกแบบ สร้างกันได้ขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าเรานั่งรถไฟมา เราคงกลัวมาก เพราะแค่ยืนอยู่นี่ก็ กลัวอยู่ ก็ทางรถไฟมันเล่นยื่นไปในแม่น้ำเลย
ในถ้ำก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่พระพุทธรูป แล้วก็มีลานให้นั่งไหว้พระ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ กระบอกเซียมซี 555 เราก็จัดการเขย่าซะลั่นถ้ำเลย (ก็ว่าเขย่าเบาๆแล้วนะ) พอถ่ายรูปกันจนหมดมุมจะถ่ายเราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไปของเรา คือ วัดถ้ำพุหว้า
พอไปถึงนี่แบบว่า โอ้โหหหห ทางเข้าไปนี่ วัดป่าชัดๆ จะมีอะไรให้ดูมั๊ยเนี่ย พอไปถึงานจอดรถก็ต้องโอ้โหอีกครั้ง เพราะ อุโบสถหินทรายที่อยู่ข้างหน้าเรา มันสวยงามมากกก แกะสลักลวดลายสวยงาม
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากกกกก อยู่ทางด้านข้างๆ
แต่เราก็ยัง งงอยู่ว่า แล้วไหนล่ะ ถ้ำ พอเดินเข้าไปในอุโบสถก็โอ้โหอีก
นี่มันถ้ำนี่ ถ้ำแบบมีหินงอกหินย้อย แล้วก็มีพระพุทธรูปวางไว้เป็นจุดๆไป ที่วัดนี่ เปิดให้คนทั่วไปมาวิปัสสนาที่วัดได้ ค้างคืนได้ สงบ เงียบ เย็น เหมาะมากๆที่จะมาปลีกวิเวกสงบใจ
วัดสะอาดมาก มีฝูงหมาวัดหน้าตาวัดๆ แต่เป็นมิตร นอนอยู่ 3-4 ตัว มันจะไม่เข้ามาหาเราจนกว่า .... เราจะแกะถุงข้าวเกรียบ 55555 เห็นมันนอนกันนิ่งๆ พอแกะถุงข้าวเกรียบเท่านั้นล่ะ กรูกันมาเลยจ้า 5555
พอไหว้พระ เข้าห้องน้ำ กันเรียบร้อยแล้ว ก็หิวแล้วไง นี่มันบ่ายโมงแล้วนี่ ไปๆๆๆ หาอะไรกินกัน
มื้อนี่เราตามใจคนขับรถ จะพาไปร้านไหนก็กินละ หิวมากกกก เค้าพาเราไปร้านครัวชุกโดน คนเยอะเหมือนกัน ยืนงงๆอยู่แป๊บนึง ก็มีคนพาไปนั่งในแพ สั่งอาหารยังไม่ทันเสร็จเลยจ่ะ ต้องย้ายโต๊ะ เมาแพ 55555 ไม่ไหวจริงๆ เลยมานั่งด้านหน้าๆร้าน ก็ร่มดี มีลมนิดหน่อย สั่งอาหารกันมาหลายอย่าง รสชาตินี่แล้วแต่ปากคนเนอะ แต่เราว่าก็อร่อยดี บางอย่างอร่อยมาก บางอย่างอร่อยน้อย แต่ก็ถือว่าโอเค สำหรับราคา ปริมาณ การบริการ ไม่แย่ อิ่มละ เข้าที่พักกันเถอะ นี่เลยเถิดเกินเวลากันมานานละ เรามีนัดล่องแพเปียกกับทางรีสอร์ทด้วย
ตรงดิ่งเข้าโรงแรม ตอนแรกว่าจะรีบๆเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปล่องแพเปียกด้วยความรวดเร็ว แต่พอเห็นห้องพักแล้วอดไม่ได้ ขอถ่ายรูปก่อนเถอะ ห้องกว้างมากกกกกกกกกกก เตียงใหญ่มากกกกกก พื้นสะอาดมากกกกกกกก
ส่วนนี่ในห้องน้ำ ไม่ได้หรูหราสมัยใหม่อะไร แต่สะอาดดี มีปัญหาแค่เรื่องกลิ่นอับนิดนึง เปิดประตูไว้แป๊บนึงก็ไม่มีกลิ่นละ
เอาๆๆ มัวแต่ตื่นเต้นกับห้อง ต้องรีบไปล่องแพเปียกแล้วววว
การล่องแพเปียกของริเวอร์แควร์วิลล่า คือ การให้เรานั่งแพไม้ไผ่ยาวๆ แพละ 2 คน (มีเสื้อชูชีพให้ใส่ทุกคน – ของมีค่า มือถือ ไม่ต้องเอาไปเลยจ้า นอกซะจากว่ามันกันน้ำได้ เพราะแค่นั่งลงไปก็เปียกถึงเอวละ) นั่งต่อกัน แล้วก็มีแพต่อๆไป อีก 2 แพ ลากด้วยเรือหางยาง อารมณ์คล้ายๆ บานาน่าโบ้ทนั่นล่ะ
แต่นี่ อยู่ในแม่น้ำ แต่แพเป็นไม้ไผ่ ไม่ใช่เรือยาง แล้วเรือจะลากเราไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เรือจะกลับ เค้าจะให้เราโดดลงน้ำ แล้วลอยคอกลับมาที่จุดลงแพตอนแรก เราไม่กล้าลง มันไกลอ่ะ 5555 เราก็เลยมาลงตรงใกล้ๆหน่อย ก็ปล่อยไหลไปตามน้ำ เย็นสบายดี
ทีนี้จุดพีคอยู่ตอนที่จะขึ้นจากน้ำนี่แหละจ้า พอลอยมาถึงตรงที่จอดแพ มันเป็นโค้งน้ำพอดี น้ำค่อนข้างไหลแรง ช่วงเวลาที่เราลงตอน 4 โมง น่าจะเป็นช่วงน้ำกะลังไหลแรงพอดีด้วยมั้ง จับเชือกเกือบไม่ทันจ้า ตื่นเต้นเลย พอจะขึ้นจากน้ำ โอ้วจอร์จ ซาร่านี่แบบว่า สงสารคนจับบันไดเลย เค้าจะมีบันไดเหล็กที่ไม่ได้ยึดติดกับท่า กับอะไรใดๆ เป็นพี่ผู้ชาย 3-4 คนช่วยกันจับบันได แล้วให้เราโหนตัวปีนขึ้นไป กรี๊ดดดดด คือ ลำพังตัวก็หนักมาละ แล้วยังจะมีกระแสน้ำที่แรงอีก ไม่ได้สงสารตัวเองเท่าไหร่ สงสารคนจับบันไดม๊ากกกก พูดเลย ณ จุดนี้ แต่ก็ขึ้นมาได้ด้วยดี ปลอดภัยทั้งเรา และคนจับบันได 55555
โดยรวมแล้ว สนุกดี ขาไปนั่งโต้คลื่นจากเรือลากไป ชมวิวเพลินๆ แดดแรงสุดๆ ทากันแดดกันไปเยอะๆนะฮะ ขากลับตอนลงน้ำแล้วลอยกลับมา เย็นสบายดี มีตื่นเต้นตอนจะขึ้น สรุปคือ แนะนำนะ อยากให้มาลอง คนละอารมณ์กับบานาน่าโบ้ท สนุกคนละแบบ ลองดู
วันนี้เราจะไม่ออกไปไหนละ เหนื่อย กินข้าวมื้อเย็นที่โรงแรมนี่ล่ะ สั่งกันมาแบบ ปากใหญ่กว่าท้องตามเคย
อาหารที่นี่ รสชาติกลางๆ ไม่ได้เผ็ดจัดมาก หรือจืดสนิท กินได้เรื่อยๆ แต่แอบจุก 555
น้ำพริกวิลล่า
ไข่ยัดไส้
ลาบทอด อันนี้อร่อย อยากสั่งอีก แต่อิ่ม
แกงป่าไก่ ใครชอบความเผ็ดร้อนของแกงป่า ต้องสั่งนะ ถึงเครื่องจริงๆ
ยำตะไคร้ รสจัดจ้าน กินกับใบชะพลู อร่อยดี
อันนี้น้ำแตงโมปั่น
สั่งมาการิต้ามากินด้วย อร่อยดี (เกลือตรงปากแก้วเยอะไปนิด 555)
ของเพื่อนสั่งน้ำพั๊นซ์มา แต่งแก้วมาอลังสุด น้ำอร่อยดี
หมด 1 วัน พรุ่งนี้เรามีนัดไปแช่น้ำร้อนที่ Rock Valley ล่ะ
Day 2 ต่อด้านล่างเนอะ ^__^