งานรัฐกับงานเอกชน อย่างไหนดีกว่ากัน

กระทู้คำถาม
พอดีมีตัวอย่างจากเพื่อนแฟนผมมาเล่าให้ฟัง  

แฟนผมกับเพื่อน 3 สาวเขาไปนัดเจอกันทานข้าวกันแล้วคุยกัน  
1.แฟนผมพยาบาลนะครับ อยุ่ รพรัฐ
แฟนผมเบื่อมากกับการเจอคนไข้    ชีวิตเสี่ยงติดโรค  เจอคนไข้เป็นเอดส์เลือดกระเด็นเข้ามาติดตามตัวหลายครั้ง  เคยพลาดเข็มฉีดยาจิ้มผ่านถุงมือก็หลายครั้ง   แต่ลำบากใจที่สุดคือญาติยอดกตัญญูทั้งหลาย  ผมให้เอาป้ายระเบียบสธไปติดห้ามญาติถ่ายรูปขณะทำงานไม่งั้นฟ้อง  ลดปัญหาไปได้ส่วนนึง   เหนือยไม่มีเวลาพัก  ไม่ได้ไปเที่ยวไหน   รายได้แฟนผม 3x,xxx  กว่าบาท   มีพิเศษข้างนอกอีกต่างหาก
บ่นอยากลาออกทุกวันผมรำคาญ    แต่ให้ทนอีก 3 ปีจะได้บำนาญแล้วค่อยคิดลาออก

2. ขรก ที่กรมนึง  ขอไม่บอกรายละเอียดต่อนะ
เรียนไม่เก่งแต่ไปเข้าทำงานกรมนึงได้เป็น ขรก   ต่อมาแต่งงานกับผอ ในกรมกองนั้น  ปัจจุบันมีบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้าน up  แถวสุขุมวิท มีที่ดินแปลงงาม ๆ  อีกหลายแห่ง   ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ทั้งทำงานและไปเที่ยวส่วนตัว     ส่วนบินในประเทศเรื่องงานไปตรวจงานที่กรมก็เดือนนึงหลายครั้ง   เครียดดีแต่ไม่เท่าเพื่อนอีก 2 คน   เพราะเที่ยวบ่อยไปตรวจงานทีมีจัดเลี้ยงเที่ยวสังสรรค์ไม่ค่อยเครียด   รายได้ก็พอกันกับแฟนผมแต่ว่าเนื่องจากทั้งเธอและสามีทำงานกรมนี้   ใช้ประโยชน์าจากการทำงานราชการทำธุรกิจจนสร้างตัวได้รวดเร็วมาก 20 ปีมานี้ซื้อบ้านเดี่ยวหลังงามได้และซื้อที่ดินเก็บไว้อีกหลายแปลง   เครียดแต่สามารถอยุ่จนเกษียณได้วางแผนเกษียณ 60

3. ทำงานบริษัทเอกชนเป็นผจก โรงงาน
ผจกโรงงานเงินเดือนเกินแสน   สาวแก่คนนี้กำลังจะลาออกจากงานแล้วนะครับเพราะเครียดมากทำงานต้องติดต่อกับฮอลแลนด์ เดนมาร์ค ประเทศในกลุ่มนั้น มีเวลาเที่ยวน้อย   ถ้าลาออกก็จะได้เงินกองทุนอะไรที่บริษัทให้มีเงินประมาณ 4 ล้านได้   ยังไม่รู้จะทำอะไรต่อแต่เบื่อชีวิตการทำงานบริษัทอย่างมาก  ลาจากงานไปก่อนเกษียณ


ก็เปรียบเทียบนะครับทำงานเอกชนถึงระดับนี้เครียดยังไงก็ไปก่อน     ราชการเครียดน้อยสุดยังไงก็พอถูไถได้  ถ้ารู้จักสร้างฐานะยังไงก็รวย แต่ต้องขึ้นอยู่กับกรมกองกระทรวงไหนด้วยนะมันไม่ได้ดีทุกที่หรอก   อย่างแฟนผมพยาบาลนี่คนก็ลาออกเยอะ       เผื่อเป็นแนวทางให้ท่านอื่น ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่