ได้ปรึกษาแพทย์แล้วค่ะ ขอบคุณทุก ๆ ความช่วยเหลือ และ กำลังใจค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ได้เข้าไปที่เว็บไซต์ Thaibraintumor ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และคำปรึกษาจากหลาย ๆ ท่าน ขอบคุณค่ะ




ขอโทษหากรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาและอาการน้อยเกินไป ต้องการให้น้องได้รักษาหายกลับมาเป็นปกติเท่านั้นค่ะ

ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์จากอาการป่วยของน้องสาวค่ะ

อาการเริ่มต้น น้องมีอาการปวดหัวมาก ซึ่งเป็นไมเกรนอยู่แล้วทำให้ซื้อยาทานเองตลอด แต่อาการที่ผิดปกติอย่างอื่นคือ หูเริ่มไม่ได้ยิน เดินเซ ที่อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งตาเหล่ เห็นภาพซ้อน และมองเห็นมืดเหมือนกลางคืน แขนขาทางด้านซ้ายอ่อนแรง

ก่อนมาตรวจที่นี่น้องเคยไปหาหมอได้ยามาทานแต่ไม่ดีขึ้น(ต้นปี 58) แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ตอนนั้นอาการยังไม่มากหูอื้อ และมีปัญหาการทรงตัว แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมออีก พออาการหนัก ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เริ่มต้องลางานบ่อย ตามองเห็นไม่ชัดก็ไปตัดแว่นมาใส่เอง
เดือนตุลาคม 58 จึงได้เข้าไปตรวจที่รพ.มีการตรวจMRI สมอง ซึ่งผลไม่แน่ชัดว่าเป็นอะไรที่ก้านสมองอาจจะเกิดจากเส้นเลือดแตกและสะสมในก้านสมอง(ผลวินิจฉัยเบื้องต้น) และตรวจการมองเห็น หลังจากนั้นหมอให้กลับบ้านรอวันนัด ช่วงนี้คือน้องปวดหัวมากจนต้องนอนตลอด ตาแย่ลงมองกลางวันก็เห็นว่ามืด แต่หลังจากนั้นทนไม่ไหวจึงไปรพ. แอดมิดที่รพ.จนผ่าตัด(ครั้งแรก)วันที่ 27 พ.ย. 58 ทีมแพทย์ผ่าตัดใส่ท่อระบายน้ำจากโพรงสมองลงช่องท้องเพื่อลดการบวมของสมอง และผ่าชิ้นเนื้อมาตรวจ ผลชิ้นเนื้อไม่เป็นมะเร็ง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[เพิ่มเติม - อาการต่าง ๆ ที่น้องสาวเป็นเริ่มจากทีละน้อย ๆ จนเริ่มเห็นชัดเจน จากคนที่ปกติชอบออกกำลังกาย ตีแบด วิ่ง ถึงจะไม่บ่อยนัก และยังบริจาคเลือดตลอดตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย กลายเป็นคนที่ดูอ่อนแอ เวลาเดินต้องคอยจับ(เดินเซ) เวลาคุยกันก็ไม่ค่อยได้ยิน มีอาการกระตุกที่หนังตาล่าง ตาเหล่ข้างเดียวและกระพริบตาข้างขวาไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันตาข้างนี้ปิดไม่สนิทต้องคอยหยอดน้ำตาเทียม และอาการสำคัญคือปวดหัว พอแอดมิดที่รพ.แล้วก็หยุดทานยาไมเกรนทำให้รู้ว่าการปวดที่เป็นนั้นอยู่ได้เพราะน้องทานยาเองมาตลอด ยาแก้ปวดหัว Nurofen พอไม่มียาคือปวดจนทนไม่ไหวเลย]

อาการหลังผ่าตัดครั้งที่ 1 หลังผ่าตัดความจำปกติ หลังออกจากICU ก็มีอาการแปลกบ้างช่วง 2-3 วันแรก จนหลังจากดีขึ้นมาก(หายเพ้อ) แผลเริ่มแห้งแล้ว เป็นเดือนถึงขยับตัวและลงจากเตียงได้โดยมีคนพยุง ที่นั่นเป็นครั้งนึงในไม่กี่ครั้งที่ลุกจากเตียงได้หลังผ่าตัด การปวดหัวยังอยู่ตายังไม่หายและได้ยินเสียงดังในหู การอ่อนแรงซีกซ้ายยังเป็นแต่ไม่มาก ก็พักฟื้นที่โรงพยาบาล และหายใจไม่ค่อยสะดวก ตาปิดไม่สนิท พูดไม่ชัด พูดช้าและหูไม่ค่อยได้ยิน ได้ยินเสียงจากข้างขวามากกว่า และเสียงทุ้มจะไม่ค่อยได้ยิน

การผ่าตัดครั้งที่ 2 ผ่าเพื่อตัดชิ้นเนื้อเพิ่มเพราะผล MRI ว่างอกเพิ่มขึ้นมาที่เดิมอีก ผ่าตัดวันที่ 29 ม.ค. 59 แต่หลังผ่าตัดคุณหมอบอกว่าเอาออกแค่พังผืด ซึ่งหลังผ่าก็ปวดหัวตลอด ตอนนี้หูไม่ได้ยินทั้งสองข้าง ตายังมืด ปากเบี้ยว(ข้างขวา) อ่อนแรงซีกซ้ายเพิ่มขึ้น คุณหมอที่ผ่าตัดลงความเห็นว่าไม่สามารถรักษาต่อได้ การผ่าตัดมีความเสี่ยงไม่สามารถผ่าตัดอีก และเนื้องอกโตเร็วอาจเป็นมะเร็ง จึงส่งให้ปรึกษาเรื่องฉายแสงอีกสถาบันหนึ่ง แต่ไปฟังผลมาวันที่ 14 ก.พ. 59 แล้วว่าไม่เป็นมะเร็ง และไม่สามารถฉายแสงหรือให้เคมีบำบัดได้เพราะไม่ตอบสนอง

เมื่อได้ปรึกษาคุณหมออีกท่าน คุณหมอแนะนำให้นำไปตรวจใหม่ หากมีผลแน่ชัดจะได้ทราบว่ามีหนทางยังไงต่อไป



ปัจจุบันทำการรักษาที่รพ.ศิริราช ผ่าตัดแล้ว หลังผ่าตัดครั้งนี้แขนขาเริ่มขยับได้ ร่วมกับการทำกายภาพด้วย ออกจากรพ. 2 เดือนแรกยังทานอาหารเหลวผ่านสายจมูกแต่ตอนนี้กินข้าวได้แล้ว ไม่ต้องใส่สายจมูกแล้ว ตายังโฟกัสไม่ได้และเห็นมืดอยู่แต่พอมองเห็น และพูดชัดขึ้นการได้ยินดีขึ้น ความจำดี ขณะนี้รักษาตัวที่บ้านแม่คอยดูแล