เห็นหน้านักวิชาการหญ่ายแห่งกะลาแลนด์ออกมาบอกว่าผู้ตรวจการแผ่นดินตีความถูกต้องแล้ว ก็ได้แต่ปลง

กระทู้คำถาม
เวลาสอนเด็ก   ไอ้คนพวกนี้เขาสอนกันยังไงฟร่ะ
ไม่พาเด็กเข้ารกเข้าพงไปหมดเหรอ

ที่เคย ๆ เห็นมา  ช่วงพันธมิตรก่อม็อบ  ก็เห็นแต่พวกอาจารย์มหาลัยนี่แหละที่โชว์สลิ่มกันตั้งแต่ยังไม่เกิดสลิ่ม

เข้าห้องสอนไม่ทำไรล่ะ   ด่าทักษิณ  เชียร์พันธมิตร   พล่ามจนหมดเวลา
ส่วนเรื่องการเรียนการสอน   ก็ให้ทำรายงาน

ใครแย้งเรื่องทักษิณ   โดนหมายหัว

แวดวงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมันพิกลพิการมาสิบกว่าปีแล้ว
ทุกวันนี้  แม้จะลดลงมาก  ก็ลดเพราะด่ามามาก  จนหมดเรื่องจะด่าแล้ว

ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้หนีไปไหน  ด่าไม่ถนัด  กลัวโดนฟ้อง

ก็เลยหันมาออกจอ  หันมาให้ข่าว  แบบเพี้ยน ๆ แบบมั่วไปตามอารมณ์ความรู้สึก
เหมือนคนสิ้นคิด   ที่อยากแสดงความเห็นเอาใจพวก  ให้ตัวเองภาพดีในสายตาผู้มีอำนาจ  
หวังมีตำแหน่ง  มีบทบาท




มาตรา 7  พ.ร.บ. สงฆ์    บัญญัติไว้สามวรรค   ดังนี้

พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง

ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช



ถ้อยคำในบทบัญญัติชัดเจน

วรรค 1   เป็นเรื่องพระราชอำนาจ  

วรรค 2   เป็นแนวปฏิบัติ   ให้นายกฯ โดยความเห็นชอบของมหาเถรฯ   ก็คือ นายกฯ รับรายชื่อมาจากมหาเถรฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ
             ไม่ใช่นายกฯ เสนอชื่อให้มหาเถรฯ  

              ตำแหน่งพระสังฆราชว่าง  นายกฯก็รับรายชื่อจากมหาเถรฯ  นำขึ้นทูลเกล้าฯ
              เป็นแนวปฏิบัติ  เป็นขั้นตอน  ที่ตัวบทบัญญัติชัดเจน  ยังตะแบงตีความมั่วซั่วไปได้

              นายกฯ มีหน้าที่อะไร  เกี่ยวพันอะไรกับการบริหารกิจการสงฆ์  ถึงจะเป็นผู้เสนอชื่อสังฆราชให้มหาเถรฯ พิจารณา
              (จะนายกฯ เสนอชื่อ หรือมหาเถรฯ เสนอชื่อ  ก็ต้องเป็นองค์เดียวกันที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์
                จึงไม่มีข้ออ้างใด ๆ ว่า นายกฯต้องเป็นผู้เสนอให้มหาเถรฯ พิจารณา)

              เรื่องนี้  นายกฯ เป็นแค่บุรุษไปรษณีย์   ไม่มีหน้าที่พิจารณาว่าใครเหมาะไม่เหมาะ
              มีหน้าที่แค่ตรวจสอบขั้นตอนว่า มหาเถรเสนอมาถูกต้องตามกระบวนการหรือเปล่าเท่านั้น

              (ถึงได้ตีความตะแบงไป  เพื่อให้เกิดปัญหาทางขั้นตอน  ได้ชะลอการทูลเกล้าฯ ไปเรื่อย ๆ )



เอาง่าย ๆ

ตำแหน่งทางวิชาการอย่างตำแหน่งศาสตราจารย์  ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ
เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

ก.พ.อ. ก็วางระเบียบปฏิบัติไว้ว่า  ผู้จะได้ตำแหน่ง ศ. นั้น  ต้องทำอย่างไร

มีคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งอย่างไร  ผลการสอนอย่างไร  ผลงานทางวิชาการมีอะไร

ให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณา  หากเห็นว่าควรได้ตำแหน่ง ศ. ก็นำเข้า ครม.
แล้ว ครม. ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ เป็นศาสตราจารย์

ก็เหมือนพระ  ที่ต้องมีคุณสมบัติทางตำแหน่งอย่างไร  กี่พรรษา  สมณศักดิ์ชั้นใด
แล้วมหาเถรฯ ก็เสนอชื่อให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

แนวปฏิบัติคล้ายคลึงกัน

แต่คนที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย  กลับตีความตามผู้ตรวจการแผ่นดินแบบกลับหัวกลับหาง

มีด้วยเหรอ  ที่ ครม. จะเสนอชื่อคนควรเป็น ศ. ให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณาเห็นชอบ  ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ




เป็นอาจารย์มหาลัยแท้ ๆ  
สอนเด็กได้ไงฟร่ะ
ถีบขาคู่




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่