เขียนรีวิวไว้ในเฟสบุ๊ค เลยอยากเอามาแชร์กับเพื่อน ๆ ในนี้ ใครดูแล้วรู้สึกอย่างไร มาคุยกันนะคะ
รีวิว Ep1
ความเก๋คือ พระเอกเป็นคนลาหู่!
ในเรื่องพระเอกบอกว่าตัวเองเป็นคนลาหู่ แล้วอธิบายให้นางเอกฟังว่านางเอกอาจจะรู้จักเผ่าเขาในนามมูเซอ แถมพระเอกถือบัตรสีชมพูหัว 6 ด้วย
ละครเรื่องนี้น่าจะเป็นสื่อกระแสหลักแรก ๆ ที่ใช้คำว่า "ลาหู่" เรียกเผ่าลาหู่ เพราะคนลาหู่เรียกตนเองว่าลาหู่ ไม่ใช่"มูเซอ"อย่างที่ภาษาราชการตั้งให้ และยังมีอีกหลายเผ่าที่ถูกเรียกด้วยคำที่คนอื่นตั้งให้ เช่น คน"อาข่า"ถูกเรียกว่า"อีก้อ" คน"ม้ง"ถูกเรียกว่า"แม้ว" อาจจะฟังดูหยุมหยิม แต่ถ้าใครมาเรียกคนไทยด้วยคำที่เราไม่รู้จักอย่าง"คนบรึ๋ย" เราคงรู้สึกแปลก ๆ และไม่ดี
ขอชื่นชมคนทำข้อมูล ผกก. และทีมงานทุกท่านนะคะ การพูดถึงคนชาติพันธุ์ในสื่อกระแสหลักแบบนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเข้าใจในความหลากหลายทางชาติพันธุ์ได้อย่างกว้างขวาง คราวที่แล้วก็อธิบายเรื่อง HIV ในซีรีย์ฮอร์โมนได้อย่างดี ขอบคุณค่ะ GDH
#ยอมใจ #GDH #แก๊สโซฮักรักเต็มถัง
รีวิว Ep4
ปุณ: ...แต่ว่า ต่อให้ผมเรียนสูงแค่ไหน สุดท้าย... ผมก็เป็นลาหู่อยู่ดีครับ
อีฟ: แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ
ปุณ: พี่อีฟครับ ผมไม่ใช่คนไทย! ผมไม่มีสิทธิ์เป็นวิศวกรแบบที่พี่อีฟฝันครับ...
นี่คือบทสนทนาจากละครเรื่อง "แก๊ซโซฮัก.. รักเต็มถัง" ที่บอกเล่าความจริงอันน่าเจ็บปวดของเด็กๆ ที่มีปัญหาสถานะบุคคล คนชาติพันธุ์ แรงงานข้ามชาติ และผู้ลี้ภัย ...ความจริงที่ว่าคือถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสได้เรียน แต่หลายคนก็ไม่มีโอกาสได้ทำอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝัน ...เด็กหลายคนเลือกที่จะไม่เรียนต่อ และเข้าสู่ตลาดแรงงาน หลายคนเลือกมีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ...หลายคนมองไม่เห็นแม้อนาคตตัวเอง...
ถ้าคิดแบบธุรกิจ เงินภาษีของเราทุกคนถูกเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนเพื่อการศึกษาของเด็กทุกคนบนแผ่นดินไทย จะดีไหมหากพวกเขา"ทุกคน" ได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมา ในการร่วมกันพัฒนาประเทศ ...ถ้าคิดแบบโรแมนติก ไม่ว่าเราจะเกิดมามีเพศไหน ผิวพรรณใด สัญชาติอะไร เราก็ต่างมีความฝันมิใช่หรือ... แล้วทำไมเราจึงไม่มีสิทธิ์ทำตามความฝันของเรา เพียงแค่เพราะกฏหมายไม่อนุญาตให้คนที่มีปัญหาสถานะทำงานได้เท่าเทียมกับผู้อื่น
ไม่ใช่แค่เรื่องการงานและความฝัน ละครตอนนี้ยังสอดแทรกปัญหาของคนที่มีปัญหาสถานะ ที่ต้องพบเจอในการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ เช่นการที่ตัวละคร "มง" ถูกจับและส่งกลับเนื่องจากใบอนุญาตทำงานหมดอายุ ที่น่าเจ็บปวดคือ เขาโดนจับหลังจากถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหา... เมือมงถูกจับ ลูกเมียก็ต้องกลับขึ้นดอย เพราะขาดสามีผู้เป็นเสาหลัก... แม้ละครจะไม่ได้พูดต่อ แต่มีความเป็นไปได้ที่โมงจะถูกพลักดันส่งกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพียงเพราะความไม่เข้าใจที่ว่าคนชาติพันธุ์คือคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินนี้มาก่อนจะมีเส้นเขตแดน บางคนอพยบย้ายถิ่นมาหลายชั่วอายุ ...ไม่ใช่ทุกคนที่จะอพยบย้ายถิ่นมาเมื่อวานวันก่อน!
หลายคนอาจจะมองว่า ใช่สิ! ก็ในเมื่อ "ปุณ" และ "มง" ไม่ใช่คนสัญชาติไทย ก็ควรจะทำตามที่กฏหมายกำหนด... แต่ถ้าลองมองไปให้ลึกกว่านั้นเราจะพบว่าทั้งปุณและโมงไม่ได้เลือกเกิดมาเป็นคนมีปัญหาสถานะบุคคล พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเป็นผู้กระทำผิดฐาน "คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง"ตั้งแต่วันแรกของการมีชีวิต... คำถามคือ ปุณและมงผิด ที่เลือกเกิดไม่ได้ หรือนโยบายบางอย่างทำร้ายพวกเขาตั้งแต่เกิด!
แม้จะเป็นเพียงละครที่ออนแอร์ทางอินเตอร์เน็ต แต่นี่คือความพยายามที่จะส่งเสียงของคนตัวเล็กตัวน้อย ไปยังคนเจ้าหน้าที่ทำงานระดับนโยบาย ภายในความตลกขบขันและความสวยหล่อของนักแสดง มีปัญหาที่รอคอยการแก้ไข ...แม้จะเป็นความเคลื่อนไหวที่แผ่วเบา แต่เราก็หวังลึก ๆ ว่า จะสามารถเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นของ "เรา" ทุกคน
รีวิว "แก๊ซโซฮัก.. รักเต็มถัง" ภาพสะท้อนความเจ็บปวดของผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย
รีวิว Ep1
ความเก๋คือ พระเอกเป็นคนลาหู่!
ในเรื่องพระเอกบอกว่าตัวเองเป็นคนลาหู่ แล้วอธิบายให้นางเอกฟังว่านางเอกอาจจะรู้จักเผ่าเขาในนามมูเซอ แถมพระเอกถือบัตรสีชมพูหัว 6 ด้วย
ละครเรื่องนี้น่าจะเป็นสื่อกระแสหลักแรก ๆ ที่ใช้คำว่า "ลาหู่" เรียกเผ่าลาหู่ เพราะคนลาหู่เรียกตนเองว่าลาหู่ ไม่ใช่"มูเซอ"อย่างที่ภาษาราชการตั้งให้ และยังมีอีกหลายเผ่าที่ถูกเรียกด้วยคำที่คนอื่นตั้งให้ เช่น คน"อาข่า"ถูกเรียกว่า"อีก้อ" คน"ม้ง"ถูกเรียกว่า"แม้ว" อาจจะฟังดูหยุมหยิม แต่ถ้าใครมาเรียกคนไทยด้วยคำที่เราไม่รู้จักอย่าง"คนบรึ๋ย" เราคงรู้สึกแปลก ๆ และไม่ดี
ขอชื่นชมคนทำข้อมูล ผกก. และทีมงานทุกท่านนะคะ การพูดถึงคนชาติพันธุ์ในสื่อกระแสหลักแบบนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเข้าใจในความหลากหลายทางชาติพันธุ์ได้อย่างกว้างขวาง คราวที่แล้วก็อธิบายเรื่อง HIV ในซีรีย์ฮอร์โมนได้อย่างดี ขอบคุณค่ะ GDH
#ยอมใจ #GDH #แก๊สโซฮักรักเต็มถัง
รีวิว Ep4
ปุณ: ...แต่ว่า ต่อให้ผมเรียนสูงแค่ไหน สุดท้าย... ผมก็เป็นลาหู่อยู่ดีครับ
อีฟ: แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ
ปุณ: พี่อีฟครับ ผมไม่ใช่คนไทย! ผมไม่มีสิทธิ์เป็นวิศวกรแบบที่พี่อีฟฝันครับ...
นี่คือบทสนทนาจากละครเรื่อง "แก๊ซโซฮัก.. รักเต็มถัง" ที่บอกเล่าความจริงอันน่าเจ็บปวดของเด็กๆ ที่มีปัญหาสถานะบุคคล คนชาติพันธุ์ แรงงานข้ามชาติ และผู้ลี้ภัย ...ความจริงที่ว่าคือถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสได้เรียน แต่หลายคนก็ไม่มีโอกาสได้ทำอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝัน ...เด็กหลายคนเลือกที่จะไม่เรียนต่อ และเข้าสู่ตลาดแรงงาน หลายคนเลือกมีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ...หลายคนมองไม่เห็นแม้อนาคตตัวเอง...
ถ้าคิดแบบธุรกิจ เงินภาษีของเราทุกคนถูกเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนเพื่อการศึกษาของเด็กทุกคนบนแผ่นดินไทย จะดีไหมหากพวกเขา"ทุกคน" ได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมา ในการร่วมกันพัฒนาประเทศ ...ถ้าคิดแบบโรแมนติก ไม่ว่าเราจะเกิดมามีเพศไหน ผิวพรรณใด สัญชาติอะไร เราก็ต่างมีความฝันมิใช่หรือ... แล้วทำไมเราจึงไม่มีสิทธิ์ทำตามความฝันของเรา เพียงแค่เพราะกฏหมายไม่อนุญาตให้คนที่มีปัญหาสถานะทำงานได้เท่าเทียมกับผู้อื่น
ไม่ใช่แค่เรื่องการงานและความฝัน ละครตอนนี้ยังสอดแทรกปัญหาของคนที่มีปัญหาสถานะ ที่ต้องพบเจอในการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ เช่นการที่ตัวละคร "มง" ถูกจับและส่งกลับเนื่องจากใบอนุญาตทำงานหมดอายุ ที่น่าเจ็บปวดคือ เขาโดนจับหลังจากถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหา... เมือมงถูกจับ ลูกเมียก็ต้องกลับขึ้นดอย เพราะขาดสามีผู้เป็นเสาหลัก... แม้ละครจะไม่ได้พูดต่อ แต่มีความเป็นไปได้ที่โมงจะถูกพลักดันส่งกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพียงเพราะความไม่เข้าใจที่ว่าคนชาติพันธุ์คือคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินนี้มาก่อนจะมีเส้นเขตแดน บางคนอพยบย้ายถิ่นมาหลายชั่วอายุ ...ไม่ใช่ทุกคนที่จะอพยบย้ายถิ่นมาเมื่อวานวันก่อน!
หลายคนอาจจะมองว่า ใช่สิ! ก็ในเมื่อ "ปุณ" และ "มง" ไม่ใช่คนสัญชาติไทย ก็ควรจะทำตามที่กฏหมายกำหนด... แต่ถ้าลองมองไปให้ลึกกว่านั้นเราจะพบว่าทั้งปุณและโมงไม่ได้เลือกเกิดมาเป็นคนมีปัญหาสถานะบุคคล พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเป็นผู้กระทำผิดฐาน "คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง"ตั้งแต่วันแรกของการมีชีวิต... คำถามคือ ปุณและมงผิด ที่เลือกเกิดไม่ได้ หรือนโยบายบางอย่างทำร้ายพวกเขาตั้งแต่เกิด!
แม้จะเป็นเพียงละครที่ออนแอร์ทางอินเตอร์เน็ต แต่นี่คือความพยายามที่จะส่งเสียงของคนตัวเล็กตัวน้อย ไปยังคนเจ้าหน้าที่ทำงานระดับนโยบาย ภายในความตลกขบขันและความสวยหล่อของนักแสดง มีปัญหาที่รอคอยการแก้ไข ...แม้จะเป็นความเคลื่อนไหวที่แผ่วเบา แต่เราก็หวังลึก ๆ ว่า จะสามารถเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นของ "เรา" ทุกคน