เห็นช่วงนี้มีข่าวแรงๆ ทำให้นึกถึงสมัยก่อน คนไทยจะอะลุ้มอล่วยกระทบกระทั่งกันน้อยและมักจะสอนกันว่า "อะไรที่ไม่ดีก็ให้มันผ่านๆ ไปอย่าไปเก็บมาพูดหรือนึกถึงให้มันไม่เป็นสิริมงคลกันอีก" ปกติชาวพุทธเรานอกจากธรรมทานแล้วอภัยทานก็สำคัญถือเป็นบุญกิริยาวัตถุด้วย ใครๆก็อยากเป็นคนดีและคิดว่าตัวเองทำดีทำถูก ไม่มีใครอยากทำอะไรผิดบาปหรือเป็นคนไม่ดี ถ้าผู้กระทำผิดพึงระลึกได้ยอมรับผิดแล้ว สังคมก็ยินดีให้อภัยไม่ทับถมถาโถม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปรื้อฟื้นเก่าๆที่ไม่ดีกันอีก แล้วบางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจไม่ได้เป็นอย่างทีคิดหรือมีเหตุผลเงื่อนไขอะไรที่ซับซ้อนซ่อนอยู่
ส่วนตัวก็เคยมีนะช่วงเวลาที่ต้องเจออะไรแปลกๆ...ตอนนั้นก็จะคิดว่า "วิบากใดหนอส่งผลมาเช่นนี้" (พูดแบบชาวบ้านๆ ก็จะว่า "ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้วะเนี่ย...นี่จะต้องซวยซ้ำซวยซ้อนไปถึงไหน") แรกๆ ก็กังวลก็กลัวแต่มาเปลี่ยนตอนได้ฟังหนึ่งในหลายๆ คำที่พอจ.สอนประมาณว่า
"โยมจะหนีไปถึงไหนอ่ะ?!? ถ้าโยมจะหนีก็ต้องหนีอย่างงี้ไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าโยมยอมรับความจริง แล้วสู้ด้วยคุณงามความดี มันอาจหายไปกลับร้ายเป็นดีก็ได้นะ
อย่างน้อยที่สุดโยมก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว....เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรไม่ดับ ถูกม่ะ??
ที่สุดแล้วก็ happy ending จริงอย่างที่พระท่านสอน เพียงแต่ต้องอดทนแล้วเดี๋ยวเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าใครตั้งใจดีและทำดีจริงๆ เดี๋ยวผลที่ดีก็ต้องเกิด แต่ถ้ามันไม่ใช่เค้าก็ต้องเพียรพยายามต่อไปจนกว่าจะเป็นไปในทางที่ดีที่ถูก (ก็ไม่ต้องซีเรียสเคร่งเครียดกันประมาณนั้น) ว่าแล้วก็กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ทุกรูปและเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เมตตาช่วยกันหลายแรงแข็งขันอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีเสมือนมีวัคซีนคุ้มครองป้องกัน และขอกราบขอบพระคุณคุณครูและผู้มีพระคุณทั้งหลาย ผู้ปลูกฝังให้มีศรัทธาจิตที่มั่นคง, ผู้ที่ให้ความรู้แบบบู๊ล้างผลาญ, ผู้ให้ความช่วยเหลือสะกิดเตือนเวลาหลงทาง, ผู้ให้กำลังใจฉุดดึงขึ้นมาในเวลาที่ล้มตึงแน่นิ่งไปแล้ว, ผู้ช่วยให้เห็นถึงทุกข์โทษแห่งกรรมและภัยแห่งวัฏฏะแบบที่หาไม่ได้ในตำราไหนๆ, ผู้ให้แบบฝึกหัดและบททดสอบที่ยิ่งใหญ่, และท่านผู้เสียสละรับใช้พระพุทธศาสนาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต อ้อ...ต้องขอขอบคุณท่านสาธุชนทุกท่านที่เมตตากรุณาเข้ามาช่วยๆกัน สร้างสรรค์แต่ธรรมปฏิสันถารที่ดีงามในนี้ด้วยเช่นกัน
อภัยทาน
ส่วนตัวก็เคยมีนะช่วงเวลาที่ต้องเจออะไรแปลกๆ...ตอนนั้นก็จะคิดว่า "วิบากใดหนอส่งผลมาเช่นนี้" (พูดแบบชาวบ้านๆ ก็จะว่า "ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้วะเนี่ย...นี่จะต้องซวยซ้ำซวยซ้อนไปถึงไหน") แรกๆ ก็กังวลก็กลัวแต่มาเปลี่ยนตอนได้ฟังหนึ่งในหลายๆ คำที่พอจ.สอนประมาณว่า
"โยมจะหนีไปถึงไหนอ่ะ?!? ถ้าโยมจะหนีก็ต้องหนีอย่างงี้ไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าโยมยอมรับความจริง แล้วสู้ด้วยคุณงามความดี มันอาจหายไปกลับร้ายเป็นดีก็ได้นะ
อย่างน้อยที่สุดโยมก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว....เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรไม่ดับ ถูกม่ะ??
ที่สุดแล้วก็ happy ending จริงอย่างที่พระท่านสอน เพียงแต่ต้องอดทนแล้วเดี๋ยวเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าใครตั้งใจดีและทำดีจริงๆ เดี๋ยวผลที่ดีก็ต้องเกิด แต่ถ้ามันไม่ใช่เค้าก็ต้องเพียรพยายามต่อไปจนกว่าจะเป็นไปในทางที่ดีที่ถูก (ก็ไม่ต้องซีเรียสเคร่งเครียดกันประมาณนั้น) ว่าแล้วก็กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ทุกรูปและเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เมตตาช่วยกันหลายแรงแข็งขันอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีเสมือนมีวัคซีนคุ้มครองป้องกัน และขอกราบขอบพระคุณคุณครูและผู้มีพระคุณทั้งหลาย ผู้ปลูกฝังให้มีศรัทธาจิตที่มั่นคง, ผู้ที่ให้ความรู้แบบบู๊ล้างผลาญ, ผู้ให้ความช่วยเหลือสะกิดเตือนเวลาหลงทาง, ผู้ให้กำลังใจฉุดดึงขึ้นมาในเวลาที่ล้มตึงแน่นิ่งไปแล้ว, ผู้ช่วยให้เห็นถึงทุกข์โทษแห่งกรรมและภัยแห่งวัฏฏะแบบที่หาไม่ได้ในตำราไหนๆ, ผู้ให้แบบฝึกหัดและบททดสอบที่ยิ่งใหญ่, และท่านผู้เสียสละรับใช้พระพุทธศาสนาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต อ้อ...ต้องขอขอบคุณท่านสาธุชนทุกท่านที่เมตตากรุณาเข้ามาช่วยๆกัน สร้างสรรค์แต่ธรรมปฏิสันถารที่ดีงามในนี้ด้วยเช่นกัน