เจ้าคุณเบอร์ลิน >> วิเคราะห์ข่าว วิษณุปิดฝาโลงสอนมวยผู้ตรวจการแผ่นดิน

กระทู้ข่าว
ดร.  วิษณุ ยันเปรี้ยง ผู้ตรวจการ "เสนอมา แต่อย่าชี้แนะ" :  ย้อนถามทำไม มส. ต้องประชุมใหม่  -  ใครบอกว่า  "ผิด".  
.....

กรณีสื่อต่าง  ๆ  ได้รายงานว่า  ในวันนี้  ...04.03.2016

-    ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดคำวินิจฉัย  เกี่ยวกับ  มติ  มส.  ในการเสนอนาม  สมด็จวัดปากน้ำ  ขึ้นทูลเกล้า  ฯ  เป็นพระสังฆราชรูปที่  ๒๐  ในลักษณะว่า  ไม่ชอบด้วยกฏหมาย  ดังที่ปรากฏแล้วนั้น.


-     ในเบื้องต้น  ผมขอยกคำที่เรียกได้ว่า  "ยันเปรี้ยงเข้าใส่  สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไปเลย"  

และถือว่า  จบ  และปิดประเด็นนี้ทันที  ทำเอาคนวางแผนชักใยเบื้องหลัง  "ไปไม่เป็น"  ไปเลยงานนี้.

-    สำทับด้วยประโยคว่า...

"  ถ้าหากผู้ตรวจการแผ่นดินทักท้วง  เราก็อาจจะฟัง  แต่จะทำอย่างไรต่อ  ก็อีกเรื่องหนึ่ง  เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกตของท่าน  แล้วอย่ามาถามรัฐบาลว่า

"ไม่รู้หรือว่าผิด"

เพราะจนวันนี้  ก็ยังไม่รู้เลยว่า  ที่ผ่านมานั้นผิด"

-    เป็นไงครับ  จบมัยงานนี้  ทั้งหมดนี้คือ  คำกล่าวอย่างหนักแน่นของ..

ดร.  วิษณุ  เครืองาม  รองนายกรัฐมนตรี

ที่ให้สัมภาษณ์สื่อที่ปรากฏในมติชนออนไลท์  วันนี้ที่  ๔  มีนาคม  ๒๕๕๙.

-  เป็นรองนายกรัฐมนตรี  ที่เป็นมือกฏหมายทั้งหมดให้นายบิ๊กตู่นะแหละครับ.
  
-  ได้พูดเอาไว้  ทำเอาชะงักงัน ซึมกันทั้งบางไปเลยทีเดียว.

-  เพราะถ้าหากเป็นคนอื่นพูด  บรรดาเจ้าปัญหาคงไม่ยอมรับง่าย ๆ  หรอกครับ.

-  ผมว่า  แค่คำพูดของท่าน  ดร.วิษณุที่ยกมานี้  ก็น่าจะปิดฝาโลงกันได้แล้วครับ.

-  ประกอบกับได้เห็น  "หมายกำหนดการ  พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จ  ฯ  พระญาณสังวร"  ที่ผมแนบมานี้แล้ว.

-  คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาในครั้ง  ก็น่าจะยุติ.
............

แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดเพิ่ม ...ถือว่าเสริมปัญญากันนะครับ...

-  เพราะจะได้เสริมสติปัญญา  ไล่เท่าทันเกมป่วนพวกจ้องป่วนทั้งหลาย  

-   พร้อมจะได้ให้สังคมได้เห็นจะจะกันไปเลย  ของคณะละครลวงโลกคณะนี้.
....

ตามมาครับ....

-  สาเหตุที่ผมออกมาโพสต์ช้านิดหน่อยนั้น  เพราะผมต้องการ  จะรอดูว่า  ....

-    ท่าน ศ.  ศรีราชา  วงศารยางกูร  ในฐานะประธาน  หรือ ท่าน  พล.อ. วิทวัส  รชตะนันต์ หรือ ท่าน  บูรณ์ ฐาปนดุลย์  ร่วมคณะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน.

-   ว่าจะมีท่านใดท่านหนึ่ง  จะออกมาแถลงด้วยตัวเองหรือไม่

-   เพราะทั้ง  ๓  ท่านนี้  เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้ง  จากพระมหากษัตริย์.  

-   ที่มีคุณสมบัติระบุไว้อย่างชัดเจนของ  ผู้ที่วุฒิสภาจะเสนอขึ้นไปว่า..
  
"จะต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชน / มีความรู้ / ที่สำคัญ  เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ด้วย.

-  สุดท้ายก็เป็นเพียง  เลขาธิการ  คือ  คุณรักษเกชา  แฉ่ฉาย.  

-   ซึ่ง  ศ.  ศรีราชา  ประธาน  ฯ  เคยให้สัมภาาษณ์ว่า  หากเป็นเรื่องปกติ  ก็จะให้ออกพูดมาแทน.
..............................

-  ผมรู้สึกสังหรณ์ในใจว่า  ......

-   งานนี้  อาจมีลักษณะลูกน้อง  จะหลอกวางยาเจ้านายก็ได้นะครับ  ดูเหตุผลผมตรงนี้ก่อน.....  

-   เพราะงานนี้  หากเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินงานจริง  ๆ  ต้องถือว่า  พลาดอย่างจัง  พลาดหลายจุดด้วย  พลาดอย่างไร  ติดตามไปเรื่อย  ๆ  นะครับ.

-  ระดับผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง  ๓  ท่าน  ข้างต้นนั้น  ไม่น่ามีคำวินิจฉัยลักษณะ  จะก่อปัญหาตามมากับองค์กรณ์เช่นนี้ได้....

เพราะเหตุผล  ดังนี้............

ประการที่  ๑.

-    องค์กรของตน  จะต้องทราบตั้งแต่แรกว่า  มีอำนาจรับเรื่องมาวินิจฉัยหรือไม่.
  
-    เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว  ผู้ตรวจการแผ่นดินย่อมไม่มีอำนาจหน้าที่  ที่จะมีความเห็นในเรื่องนี้ได้.  

-   เพราะเป็น  มติ  มส.  ที่ไม่ใช่เป็นการออกคำสั่งเพื่อบริหารราชการแต่อย่างใด.
...............  

ประการที่  ๒.

-  เพราะตามที่ระบุไว้ในอำนาจหน้าที่ ของ  ผู้ตรวจการ  ฯ นั่นคือ...

"การที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน  จะตรวจสอบเรื่องใด  ที่หน่วยราชการหรือผู้มีคำสั่งใด  ที่มีผู้อ้างว่า...

-   คำสั่งใด  ไม่ชอบด้วยกฏหมาย  ต้องมีผู้ร้องเรียน  และผู้ร้องเรียนนั้นต้อง  "เป็นผู้เสียหาย  เพราะคำสั่งนั้น  ๆ"  นี่คือเหตุผลแรก.

-  อีกอย่าง  เพราะว่า  กระบวนการนี้  เป็นกระบวนการขั้นตอน  เพื่อเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช  ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง.  

-  ดังนั้น  การประชุมของมหาเถรสมาคม  เพื่อลงมติ  ในครั้งนี้  จึงไม่ใช่  "คำสั่ง"  หรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ  ที่ไม่เป็นไปตามกฏหมายแต่อย่างใด.
  
- ดังนั้น  ข้อนี้   จึงไม่อยู่ในข้อ  "รับวินิจฉัยของ  ผู้ตรวจการแผ่นดิน".

-    หรือหากมีคำถามกลับไปว่า  กรณีที่องค์กรณที่มีกฏหมายเฉพาะอื่น  ๆ  เช่น  การแต่งตั้งภายใน  ของ  กระทรวงกลาโหม.  

-   หรือแม้แต่ในองค์กรศาสนาอื่น  ๆ  เช่น  ยกประเด็นชัด  ๆ  เช่นว่า.....
  
-   หากการแต่งตั้งท่าน  จุฬาราชมนตรี  ของพี่น้องอิสลาม  เหล่านี้นั้น    จะต้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน  เสนอความเห็นหรือชี้แนะ   ด้วยหรือไม่  

-   เรื่องละเอียดอ่อนนี้  ย่อมต้องระมัดระวังยิ่งในการบริหารราชการแผ่นดิน  โดยองค์กรรัฐ.

-    อีกทั้ง   อำนาจวินิจฉัยครั้งนี้  ก็ไม่ได้มีผลทางกฏหมายใด  ๆ  เป็นเพียงแค่  "ชี้นำ  หรือเสนอไปที่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น".  

-   ซึ่งวันนี้  ท่าน  ดร.  วิษณุ  ก็ยันมาตรง  ๆ  ว่า  "เสนอมานะ  อย่าชี้แนะ".
...........

-  ทั้งหมดนี้  ผมจึงเชื่อว่า  "ระดับ  ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน  ย่อมทราบดีอย่างแน่นอน"  แต่ทำไมจึงมีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง  เช่นนี้  ออกมาได้.

-  ทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญ  ที่  ผู้ตรวจการแผ่นดิน  จะต้องชี้แจ้งสังคมให้แจงชัดด้วย.
....................

ประการที่  ๓.  

-   ประเด็นนี้เล็กน้อยก็จริง  แต่ที่ผมเห็นผิดสังเกต  จึงแทรกมาก่อน.  

-   นั่นก็คือ  เริ่มตั้งแต่มีสื่อทางผู้ยื่น  ได้หยิบข่าวไปรายงานอย่างละเอียดล่วงหน้า  ไปก่อนแล้ว  ก่อนที่เลขาธิการ  ฯ  จะแถลงเสียอีก  ตัวผมเองก็ได้อ่านล่วงหน้า  ๑  วัน  เป็นเพราะเหตุใด.  

-  สุดท้าย  คุณไพบูลย์  ซึ่งอ้างว่า  เป็นผู้ยื่นเรื่อง  ซึ่งถือว่า  เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง.  

-   เมื่อยื่นไปแล้วแทนที่จะอยู่นิ่ง  ๆ  ปล่อยให้หน่วยราชการเขาดำเนินไปตามปกติ  แสดงความบริสุทธิ์ใจตนเอง.

-    แต่แกก็กลับ  ไปยืนแถลงข่าว เรื่องนี้  พร้อม เรียกร้องต่อไปอีก  เป็นการเรียกร้องต่อเนื่องไปอีกขั้น ต่อจากการวินิจฉัยนี้.

-   พฤติกรรมอย่างนี้  มันย่อมส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจอย่างชัดเจน   ที่ผู้คนในสังคมพากันสงสัย.

-     อีกอย่าง  ก็ยังไม่รู้ว่า  คำวินิจฉัยที่เผยแพร่ทางสื่อนี่  จะเป็นฉบับจริงหรือเปล่า  เพราะยังไม่ลายเซ็นใด  ๆ  รับรอง.
...............

ประการที่  ๔.

-   ตรงนี้  ผมถือว่า  น่าจะติดคอตายกันทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  และผู้เกี่ยวข้องกันเลยครับ.  

-    เพราะหลังจากที่ผมอ่านโดยละเอียดทุกตัวอักษรจนจบนั้น.
  
-   แค่ขึ้นท้ายบรรทัดแรกก็เห็นชัดเลย  ตรงที่ว่า.

-    ผู้ตรวจ...ได้พิจารณาข้อเท็จจริง..

"ประกอบ  เอกสารหลักฐาน  จากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง  ฯ"

-   ตรงนี้ผมอยากจะบอกดัง  ๆ  ว่า  .....

-   อันเอกสารสารพัด  ที่ทางผู้ตรวจ  ฯ  ว่านำไปพิจารณานั้น  น่าจะขาดอยู่  ๑  แผ่นครับ  เป็น  ๑  แผ่นที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยครับ.

-   นั่นก็คือแผ่นที่ผมแนบมาด้วยนี้  

-   ผมว่า  เพียงแค่ถ้าหากมาอ่านแผ่นนี้ของผมแผ่นเดียว  พวกท่านก็น่าจะไม่ต้องเสียเวลามากมาย  ในการพิจารณาเรื่องนี้เลยครับ.

-  ไปเปิดตากว้าง  ๆ  แล้วดูเอาเองนะครับ  พวกหัวหมอทั้งหลาย  (ที่แนบมาด้วยแล้วนี้.
.
ประการที่  ๕

-     เอกสารที่ว่า  เป็นเอกสารที่สำคัญที่สุดในแผ่นดิน  ในการยุติเรื่องราวทั้งหมด  ที่ถกเถียงกันจนบ้านจะพังว่า  .....

"ระหว่าง  มส.  หรือ  นายกรัฐมนตรีนั้น  ใครกันแน่  ที่จะเป็นฝ่าย  เริ่มแรกในการหยิบรายนามพระที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์  ตามมาตร  ๗  แห่ง  พรบ. สงฆ์  เพื่อเสนอทูลเกล้า  ฯ"

-    ดูเลยครับ  ในแผ่นที่  ๑  ที่ผมแนบมา  เป็น...

หนังสือที่  ๖/๒๕๓๒

"หมายกำหนดการ  พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช  ณ  พระพระอุโบสถ  วัดพระศรีรัตนดาสดาราม"
(พิธีสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร)

-   ให้พิจารณาแถวที่   ๕  ว่า

".....จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ให้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช  ตามมติเอกฉันท์ของมหาเถรสมาคม...."  

-    ตรงนี้ท่านผู้คัดค้าน  มติ  มส.  ครั้งนี้  จะอธิบายว่าไงครับ.
.............

ประการที่  ๖

-  เป็นที่สังเกต  ว่า  คำวินิจฉัยของ   ผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งนี้  ได้ไปยก  พรบ.  สงฆ์มาอ้าง วก- วน  ระหว่าง  พ.ศ.๒๕๐๕  และมา  พ.ศ.๒๕๐๕  แก้ไข  ๒๕๓๕  

-   บางครั้ง  ไปอ้าง  ร่าง  ที่ไม่ได้ประกาศใช้  (ไม่ระบุ  พ.ศ.  - ไปเน้นตรงที่มาตรา  ๗  ที่ระบุให้นายกเป็นคนเริ่ม แต่ก็ได้แก้ไขก่อนที่ประกาศใช้ไปเรียบร้อยแล้ว)  

-    จึงดูแล้วทำให้สับสน  ถามว่า  ก็ทำไมละ  ทำไมไม่อ้างเฉพาะที่ลงพระปรมาภิไธย  ประกาศใช้อย่างเดียวละครับ.

-  ที่ไม่ประกาศใช้  ผมจึงไม่พูดถึง  เพราะไม่มีผลอะไร.

-  วันนี้ผมแนบมาด้วยกันเลยครับ  เอาทั้ง  ปี  พ.ศ.๒๕๐๕  และ  พ.ศ.๒๕๐๕  (๒๕๓๕)  มากางเทียบกันไปเลยครับ.

-  ก็ปรากฏว่า หมวด ๑ ตรงมาตรา  ๗  นั้น  ทั้ง  พ.ศ.๒๕๐๕  อย่างเดียว  และ  พ.ศ.๒๕๐๕  (๒๕๓๕)  

-  ทั้ง  ๒  พ.ศ.ปรากฏถ้อยคำระบุชัดแจ้ง  (ขีดเส้นใต้)  ว่า...

"ให้นายกรัฐมนตรี  โดยการเห็นชอบของมหาเถรสมาคม  เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด  โดยสมณศักดิ์  ขึ้นทูลเกล้า  ฯ  เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช...."

-  แนบมาด้วยแล้วครับ.
.......
ประการที่  ๗

-  จุดสลบมาอยู่ที่ข้อว่า  

-   ก็ในเมื่อปรากฏข้อความที่เหมือนกันทุกประการ คำใช้ไม่มีตกหล่นใด  ๆ ทั้งสิ้น ที่ปรากฏใน  พรบ.  สงฆ์ทั้ง  ๒  พ.ศ. นั้น.
  
-  พ.ศ.๒๕๐๕  ได้ใช้ในการสถาปนา  สมเด็จพระญาณสังวร  (พ.ศ.๒๕๓๒)  ไปแล้ว.

-  ก็แล้วทำไม  พ.ศ.๒๕๐๕  (๒๕๓๕)  จะใช้ในการสถาปนาสมเด็จช่วงกลับไช้ไม่ได้  กลับนำมาอ้างกันส่งเดช  ละครับ.

-  ไอ้ที่อ้างว่า  "พรบ.  นี้  ยังไม่เคยใช้มาก่อนนั้น  เขาเรียกโคตรแถ  ใครจะไปเถียง  เพราะ  พรบ.  นี้แก้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕.

-  แต่ไอ้ที่ข้อความเหมือนกันทุกประการ  ทั้งที่ยังไม่มีการแก้ใด  ๆ  ทั้งสิ้นนี้  ยังจะอธิบายว่าไงครับ  ว่า ...

-  ใช้กับรูปนี้ได้  แต่ใช้กับรูปนี้ไม่ได้  จะเอากันอย่างนี้หรือครับ.

-  หรือสุท้าย  จะให้สังคมโยงไปถามผู้คัดค้านด้วยว่า  

"การสถาปนาสมเด็จญาณที่ผ่านนั้นก็ผิด  ไม่ชอบด้วยกฏหมายไปด้วยใช่มัย".

-  ความเสียหายมากมายมหาศาล  เช่นนี้  ผู้ตรวจการแผ่นดิน  หรือผู้เคลื่อนไหวป่วน  พวกท่านจะสามารถรับไหวหรือครับ.
......

สรูป

-  ผมว่า  หากคำพูด  ของ  ดร.  วิษณุ  นี้  ถ้าออกไปถึง  สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  อาจนอนกันไม่หลับก็ได้นะครับ  

-  โดยเฉพาะ  คุณ  รักษเกชา  แฉ่ฉาย  เลาขาธิการ  สนง.  น่าจะหนาว  ๆ  ร้อน  ๆ  ซึ่งก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองนะแหละ.

-  ส่วนบทความของผมนี้  ผมก็ไม่คิดว่า  จะไปถึง  นักประหลาดทั้งหลายหรอก.  

-  ผมอยู่กับคนมีศีลมีธรรมแบบนี้  ผมก็พอใจแล้ว  

-  พวกแถก็ปล่อยให้มันดักดานจนตายงั้นหละ  เพราะถ้าใจมันดี  คงไม่มีความคิด  ที่พิศดารแบบนี้ออกมากันหรอก.
......

-  สุดท้าย  ก่อนจบ  ผมขอยกคำพูด  ดร.  วิษณุ  เครืองาม  มาให้สติ  ผู้ตรวจการแผ่นดิน  และคณะที่ทำสงฆ์ป่วนรายวันในยุคนี้

-   ให้นำเอาไปคิดกันเอาเองนะครับว่า........

๑.  ทำไม  มส.  จะต้องประชุมใหม่  (เรื่องตั้งสังฆราช).

๒.  ใครเป็นคนบอกว่า  (เรื่อง มติ มส.)  ผิด.

๓.  ซึ่งปัญหา  (กฏหมาย)    ต่าง  ๆ  ถ้ารัฐบาลสงสัย   ก็จะสอบถามไปยัง  คณะกรรมการกฤษฎีกา  เพราะมีขั้นตอนอยู่แล้ว.

-  ชัดเจนนะครับ  โดยเฉพาะข้อที่  ๓  นี้  พุ่งใส่เข้าหน้าเต็ม  ๆ  เลยครับ  เป็นใครคงไม่ต้องบอก  และซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก  แบบภาษาลูกทุ่งนะครับ

เจ้าคุณเบอร์ลิน



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่