ถ้าหากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
เหตุใดฉันจึงรู้สึกเช่นนี้
จะด้วยเหตุผลกลใดคงมีเพียงใจยูชีจินที่รู้ดี เหตุไม่คาดฝันที่เกิดกับฐานที่ประจำอยู่ กับ คนไข้ด่วนและลับระดับ VIP สิ่งที่เขาได้ยินผ่านหูฟัง คือทุกอย่างจะกลายเป็นความผิดของ "แพทย์" เธอผู้นั้นอาจโดนโยนความผิด และ ความผิดที่ทำให้ VIP เสียชีวิต ราคาค่างวดคงถูกกว่าปัญหาระดับประเทศ แต่หากมันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของ "คังโมยอน" เธอผู้นั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด นี่คงเป็นครั้งแรกที่มาประจำการในอุรุคที่เขารู้สึกหวั่นใจ แต่ก็มั่นใจระคนปนเปกันไป หวั่นใจว่าการกระทำเช่นนี้ปกป้องเธอคนนั้นได้หรือไม่ แต่ก็มั่นใจและไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้ว ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร
เมื่อถึงเวลา .... เขาเคารพในหลักการของเธอ
และ เธอก็เชื่อมั่นในการกระทำของเขา
On his/her own way
ที่แล้วมาทั้งคู่คิดมาดีแล้วว่า "ทัศนคติ" ที่ไม่ลงรอยกัน คงเสี่ยงที่จะช้ำใจมากกว่าจะยั่งยืน ประกอบกับระยะทางและช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เขามีภาระที่ต้องทำ เธอเองก็มีเรื่องที่ต้องคิด ทุกอย่างจึงไม่ลงล็อคและลงเอยด้วยการเหินห่างอย่างเข้าใจ ... เข้าใจในความเป็นไปและธรรมชาติของความต่าง ความอาลัยอาวรที่ยังคงเหลืออยู่บ้าง แต่ทั้งเขาและเธอก็ก้าวข้ามผ่านมันไป จนกระทั่งเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง และดวงตาคู่นั้น Hello .... it's me สวัสดี ฉันเอง
ดวงตาคู่นั้นการสื่อสารแบบนั้น หลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไป คังโมยอนรู้แล้วว่าเขาคนนั้นไม่เคยลืม และ ยังติดตามความเป็นไปของเธออยู่ ถ้อยคำกล่าวขานว่าเธอเป็นคุณหมอออกทีวี ชั้นแรกมันทำให้เธอโกรธ ใช่สิ ... เขารู้หรือว่าเธอโดนอะไรมาบ้าง ก่อนจะออกทีวีเทปแรก ... เธอเผชิญกับอะไร หากเมื่อใจเย็นลงมองในอีกแง่มุมหนึ่ง หากเขาไม่ติดตามแล้วเขาจะรู้ความเป็นไปในชีวิตของเธอละเอียดลออเท่านี้หรือ ก็คงไม่
ถ้าเช่นนั้นระหว่างเราควรเรียกว่าอะไร ... ในใจของเธอคิด
ด้วยความเป็นห่วง ขาทั้งสองของเธอก้าวเข้าไปเพื่อพบกับเขาในที่คุมขัง ยูชีจินก็ยังเป็นยูชีจินที่ปล่อยมุกได้ไม่เลือกเวล่ำเวลาเหมือนเดิม เขาไม่เคยอนาทรร้อนใจกับการถูกคุมขังของตัวเอง เมื่อทำผิด ฝ่าฝืนคำสั่ง ได้รับโทษ ก็ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชายหน้าเป็นเริ่มจะร้อนรนและอยากจะแหกห้องพัสดุออกไป คือเสียงร้องไห้ของผู้หญิงหนึ่งคน
ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรน่าสงสัยนัก
ที่จุดยากันยุงหนึ่งอันมีความหมายอะไรนักหนา
ทั้งที่บนชั้น .... มันก็วางอยู่เกือบร้อยอัน
เพราะมันมาจากเธอคนนั้นใช่หรือไม่
คนที่หัวใจ .... ที่สุดแล้วไม่เคยลืม
เมื่อความจริงจังเริ่มแทรกตัวเข้ามาแทนที่ ยูชีจินเริ่มรู้สึกกังวล กับงานเขาจริงจัง เรื่องนอกงานก็คือเวลาเล่นสนุก แต่เมื่อเรื่องที่เคยคิดว่าจะเล่นสนุก มันชักไม่สนุก มันชักจะเข้ามาพัวพันกับการงานและการใช้ชีวิต ในแบบที่เขาไม่รำคาญ ในแบบที่เขาคิดว่ามันเป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง ในแบบที่แวบหนึ่งคิดไปถึงกระทั่งหากมีเธออยู่ข้างกายคงดี
แต่ชีวิตของเขาแขวนบนเส้นด้าย ... สนามรบเป็นทั้งบ้านและเรือนตาย ควรหรือที่จะพาใครเข้ามาให้ลำบาก เมื่อความคิดกลับสู่สภาพความจริง พี่น้องผองเพื่อนที่จากไปเพราะสงคราม ภาพเหล่านั้นฉายชัด แล้วความคิดเหล่านั้นเองที่ทำให้มือที่ยื่นออกไป ถ้อยคำหยอดนิดหยอดหน่อยต้องถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ดูเหมือน ... เฮ้ย ทำไมเริ่มเอง แต่ดันหยุดเองซะล่ะ
อีกน่ะแหละนะ ไอ้ที่ว่าจะหยุดก็หยุดได้ไม่นาน เมื่อเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ เห็นอิริยาบถของเธอคนนั้น ... มันก็อด อดไม่ได้จริง ๆ ไม่รู้ว่าต้อง "ปฏิเสธ" อย่างไร ส่วนเธอ ... เมื่อเป็นคนที่คิดที่ทำอะไรตรง ๆ มาตลอด ไม่อ้อมค้อม ... ในเมื่อมันคิดถึงก็บอกไปสิว่าคิดถึง และ เมื่อเป็นห่วงก็บอกไปเลยว่าเป็นห่วง เรื่องมันก็มีอยู่เท่านั้น "ขอบคุณ มันก็คือ ขอบคุณ" เป็นเหมือนกับที่เธอเคยเป็นมาตลอด
จูบนั้น ... ในวันนี้
คงเพียงพอจะสื่อความหมายได้ว่า
หากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
ฉันคงไม่รู้สึกแบบนี้
และ หากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
ฉันก็คงไม่ทำกับเธอแบบนี้
If I’m not made for you then why does my heart tell me that I am?
หากฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอ
เหตุใดหัวใจถึงพร่ำบอกว่าฉันเกิดมาเพื่อใคร ?
ใช่หรือไม่ใช่ ... จูบนั้นคงเป็นคำตอบ ... กระมัง
Descendants of the Sun (กึ่งรีวิว) : If you're not the one .... หากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
เหตุใดฉันจึงรู้สึกเช่นนี้
จะด้วยเหตุผลกลใดคงมีเพียงใจยูชีจินที่รู้ดี เหตุไม่คาดฝันที่เกิดกับฐานที่ประจำอยู่ กับ คนไข้ด่วนและลับระดับ VIP สิ่งที่เขาได้ยินผ่านหูฟัง คือทุกอย่างจะกลายเป็นความผิดของ "แพทย์" เธอผู้นั้นอาจโดนโยนความผิด และ ความผิดที่ทำให้ VIP เสียชีวิต ราคาค่างวดคงถูกกว่าปัญหาระดับประเทศ แต่หากมันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของ "คังโมยอน" เธอผู้นั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด นี่คงเป็นครั้งแรกที่มาประจำการในอุรุคที่เขารู้สึกหวั่นใจ แต่ก็มั่นใจระคนปนเปกันไป หวั่นใจว่าการกระทำเช่นนี้ปกป้องเธอคนนั้นได้หรือไม่ แต่ก็มั่นใจและไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้ว ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร
และ เธอก็เชื่อมั่นในการกระทำของเขา
On his/her own way
ที่แล้วมาทั้งคู่คิดมาดีแล้วว่า "ทัศนคติ" ที่ไม่ลงรอยกัน คงเสี่ยงที่จะช้ำใจมากกว่าจะยั่งยืน ประกอบกับระยะทางและช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เขามีภาระที่ต้องทำ เธอเองก็มีเรื่องที่ต้องคิด ทุกอย่างจึงไม่ลงล็อคและลงเอยด้วยการเหินห่างอย่างเข้าใจ ... เข้าใจในความเป็นไปและธรรมชาติของความต่าง ความอาลัยอาวรที่ยังคงเหลืออยู่บ้าง แต่ทั้งเขาและเธอก็ก้าวข้ามผ่านมันไป จนกระทั่งเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง และดวงตาคู่นั้น Hello .... it's me สวัสดี ฉันเอง
ดวงตาคู่นั้นการสื่อสารแบบนั้น หลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไป คังโมยอนรู้แล้วว่าเขาคนนั้นไม่เคยลืม และ ยังติดตามความเป็นไปของเธออยู่ ถ้อยคำกล่าวขานว่าเธอเป็นคุณหมอออกทีวี ชั้นแรกมันทำให้เธอโกรธ ใช่สิ ... เขารู้หรือว่าเธอโดนอะไรมาบ้าง ก่อนจะออกทีวีเทปแรก ... เธอเผชิญกับอะไร หากเมื่อใจเย็นลงมองในอีกแง่มุมหนึ่ง หากเขาไม่ติดตามแล้วเขาจะรู้ความเป็นไปในชีวิตของเธอละเอียดลออเท่านี้หรือ ก็คงไม่
ด้วยความเป็นห่วง ขาทั้งสองของเธอก้าวเข้าไปเพื่อพบกับเขาในที่คุมขัง ยูชีจินก็ยังเป็นยูชีจินที่ปล่อยมุกได้ไม่เลือกเวล่ำเวลาเหมือนเดิม เขาไม่เคยอนาทรร้อนใจกับการถูกคุมขังของตัวเอง เมื่อทำผิด ฝ่าฝืนคำสั่ง ได้รับโทษ ก็ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชายหน้าเป็นเริ่มจะร้อนรนและอยากจะแหกห้องพัสดุออกไป คือเสียงร้องไห้ของผู้หญิงหนึ่งคน
ทั้งที่บนชั้น .... มันก็วางอยู่เกือบร้อยอัน
คนที่หัวใจ .... ที่สุดแล้วไม่เคยลืม
เมื่อความจริงจังเริ่มแทรกตัวเข้ามาแทนที่ ยูชีจินเริ่มรู้สึกกังวล กับงานเขาจริงจัง เรื่องนอกงานก็คือเวลาเล่นสนุก แต่เมื่อเรื่องที่เคยคิดว่าจะเล่นสนุก มันชักไม่สนุก มันชักจะเข้ามาพัวพันกับการงานและการใช้ชีวิต ในแบบที่เขาไม่รำคาญ ในแบบที่เขาคิดว่ามันเป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง ในแบบที่แวบหนึ่งคิดไปถึงกระทั่งหากมีเธออยู่ข้างกายคงดี
แต่ชีวิตของเขาแขวนบนเส้นด้าย ... สนามรบเป็นทั้งบ้านและเรือนตาย ควรหรือที่จะพาใครเข้ามาให้ลำบาก เมื่อความคิดกลับสู่สภาพความจริง พี่น้องผองเพื่อนที่จากไปเพราะสงคราม ภาพเหล่านั้นฉายชัด แล้วความคิดเหล่านั้นเองที่ทำให้มือที่ยื่นออกไป ถ้อยคำหยอดนิดหยอดหน่อยต้องถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ดูเหมือน ... เฮ้ย ทำไมเริ่มเอง แต่ดันหยุดเองซะล่ะ
อีกน่ะแหละนะ ไอ้ที่ว่าจะหยุดก็หยุดได้ไม่นาน เมื่อเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ เห็นอิริยาบถของเธอคนนั้น ... มันก็อด อดไม่ได้จริง ๆ ไม่รู้ว่าต้อง "ปฏิเสธ" อย่างไร ส่วนเธอ ... เมื่อเป็นคนที่คิดที่ทำอะไรตรง ๆ มาตลอด ไม่อ้อมค้อม ... ในเมื่อมันคิดถึงก็บอกไปสิว่าคิดถึง และ เมื่อเป็นห่วงก็บอกไปเลยว่าเป็นห่วง เรื่องมันก็มีอยู่เท่านั้น "ขอบคุณ มันก็คือ ขอบคุณ" เป็นเหมือนกับที่เธอเคยเป็นมาตลอด
คงเพียงพอจะสื่อความหมายได้ว่า
หากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
ฉันคงไม่รู้สึกแบบนี้
และ หากเธอไม่ใช่คน ๆ นั้น
ฉันก็คงไม่ทำกับเธอแบบนี้
หากฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอ
เหตุใดหัวใจถึงพร่ำบอกว่าฉันเกิดมาเพื่อใคร ?
ใช่หรือไม่ใช่ ... จูบนั้นคงเป็นคำตอบ ... กระมัง