สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
ในประเด็นค่าจ้าง นี่ คุ้มไหมต้องดูแฮะ บอกยากนะครับ
คือเด็กว่าง ว๊างง ว่างง ขนาดนี้ก็เลยพูดยาก ว่าคุ้มไหม
** โพสต์นี้ไม่ได้บอกว่า ดีหรือไม่ดีนะ เพราะสำหรับเด็ก/แฟนคลับ แต่ละคน คงให้น้ำหนักแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน **
คิวซ้อมลีลาศน่าจะอยู่ในช่วง 10-20 วัน (นับวันเอานะ น่าจะราวๆนี้มั๊งครับ)
ตีไปกลมๆ เลขกลางๆ 15 วันซ้อม+แสดง
สำหรับเด็กที่งานแน่น (นับเฉพาะเงินเข้ากระเป๋าไม่แบ่งค่าย คือราคาจ้างแพงกว่านี้ หักที่ต้องแบ่งสังกัดออกแล้วเหลือเข้ากระเป๋า)
- คิวมินิคอนเสิร์ตหนึ่งคิวได้ค่าตัวประมาณ 30000-50000 / ทำงานหน้างานราวๆ 2 ชั่วโมง ซ้อมราวๆ 3 ชั่วโมง
- คิวงานอีเวนท์(ที่ไม่ใช่การกุศล) มีตั้งแต่ 20000 ไล่ยาวไปเลย / ทำงานหน้างานราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง เตรียมสคริปราวๆ 1-2 ชั่วโมง
- คิวงานพิธีกร อยู่ในเลข 4 หลัก หน้างาน 1 ชั่วโมงครึ่ง เตรียมสคริปราวๆ 1-2 ชั่วโมง
- คิวละคร บทตัวนำๆ นักแสดงหน้าใหม่ 8000-13500 ต่อตอน / ทำงานหน้างาน+ท่องบท 6-8 ชั่วโมง
- คิวงานจ้างผับจริงๆ ก็เรต 20000-50000 แล้วแต่ร้านกับจำนวนคน
******** แต่ เด็กรุ่นนี้ งานแน่นเกิ๊น อย่างที่บอกไง
ในแง่ของ Exposure .. ลีลาศปีก่อนๆ อยู่แต่บนสื่อทรู และอย่างที่หลายท่านบอก ก็คือแค่โชว์เปิดตัว
ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญของงานอยู่ที่ "ลีลาศ" ต่างหาก ดังนั้นภาพข่าว ก็จึงได้แต่เรื่อง "ลีลาศ"
โฟกัสที่เรื่องกีฬา และศิลปินเต้น ก็แค่ผ่านตา ไปเน้นที่นักเต้นจริงๆ ซะมากกว่า
เทียบกับ Mini-concert -> งานนี้ exposure ค่อนข้างต่ำ (อยู่ในวงแฟนคลับ)
งานพิธีกร -> กลุ่มผู้ติดตามรายการ / อันนี้ exposure เยอะหน่อย
งานอีเวนท์ -> ถ้ามีร้องเพลงบ้าง ก็ได้กลุ่มลูกค้าของอีเวนท์เพิ่มด้วย
ละคร -> อันนี้ exposure เยอะสุดล่ะในกลุ่มงานช่วงนี้ คือได้กลุ่มแฟนคลับคนอื่นๆด้วย ถ้าทำได้ดี
แต่ผู้ใหญ่ที่มาดูเด็กเต้นลีลาศ จะหยิบไปทำงานอื่นต่อหรือเปล่า บางคนอาจจะมองว่ามันเกี่ยวกัน
(ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันก็เกี่ยวกันแหล่ะ แต่มากขนาดนั้นหรือเปล่า)
คือ คนจะส่อง (แมวมอง) ส่องตั้งแต่อยู่ในบ้าน ส่องตามอีเวนท์ต่างๆ ดูตามภาพข่าว อยู่แล้ว
แล้วเอาจริงๆ ผู้ใหญ่ที่หาคนไปทำงาน มันน้อยมากเลยที่จะ "เจาะจงด้วยตัวเอง" ส่วนมากก็จะเป็น
ผ่าน "ฝ่ายจัดหาศิลปิน"/"แมวมอง"/"Organizer" อยู่แล้ว ดังนั้น ผมเอง มองตัวงานจริงๆ ก็เหมือน
งานโชว์หน้าตาและบุคลิกท่าทาง ซึ่งหลายคน posture ดีมาแต่แรกก็จะไม่ได้อะไรเพิ่มไปมากมาย
(แต่ถ้าเป็นคนที่ posture ไม่ดีมาทำให้ดีขึ้นมันก็ดีไง)
แล้วด้วยเวลาเต้น คือมันไม่ได้อยู่นิ่ง ดูแล้วเอาไปทำงานไรต่อ พรีเซนเตอร์ก็ไม่ได้โชว์ทักษะขาย
พิธีกรก็ไม่ได้โชว์เรื่องพูด งานร้องเพลงก็นิดหน่อย งานแสดงก็ไม่ได้เห้นสีหน้า .... เห็นแล้วคือแบบ
มองไม่ออกเลย ว่าจะเอาไปต่อยอดใช้งานอะไรได้อีก (นอกจากมีหน้าตาไว้ขายได้อยู่แล้วตั้งแต่แรก)
ก็นั่นแหล่ะ ตรงนี้อยู่ที่คนจะมอง ...
ส่วนผู้ใหญ่ในค่าย คือถ้าผู้ใหญ่ในค่ายต้องอาศัยลีลาศถึงจะเห็นเด็ก แล้วเลือกหยิบเด็กไปใช้ละก็ ผมว่า
มันก็พลาดตั้งแต่แรกแล้ว คือผู้ใหญ่ค่ายยังไม่สนใจเลย ใครจะมาดันได้อีก ก็มองไม่ออกเหมือนกัน
ดังนั้น ความเห็นส่วนตัว ใน 15 วันของลีลาศ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆเลย คุ้มไหม
- อยู่ที่มองว่าเด็กคนนั้น จะได้งานอื่นเกิน 2-3 งาน ในช่วง 15 วันนั้นไหม
(ซึ่งมันเป็นวันที่กระจัดกระจาย ดังนั้น ถึงจะงานอีเวนท์ ก็ไม่ใช่ว่าจะมุดลงช่องว่างงานได้
และถ้าเป็นงานละครที่มักมีคิวต่อเนื่อง สองวันสามวัน อันนี้แทบตัดออกได้เลย
เด็กที่มีงานละครในมือรออยู่ มักจะไม่ได้ลีลาศไป)
- อยู่ที่หน้าตา พอขายต่อได้อยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าพอขายได้ แมทช์โปรดักส์ ก็เป็นโอกาสที่ดี
- แล้วก็อยู่ที่มองว่า พักฟื้น ใช้เวลานานขนาดไหน (คือเหนื่อยจนทำงานอื่นได้ไม่ดีหรือเปล่า)
- และถ้าเกิดอุบัติเหตุ ช่วงเวลาที่ไม่สามารถรับงานได้หลังงานนี้ คิดเป็นกี่วัน
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธงาน จะทำให้โอกาสได้งานจากผู้ใหญ่ท่านนี้ในอนาคต ก็ลดลงตามลงไป
เรียกว่าลดความเอ็นดูลง (แต่ก็เห็นว่าสองค่ายก็ไม่กินเส้นกันมาสักพักอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะเด็กที่
ค่ายเอ็นดู มักไม่ใช่ลูกรักของผู้ใหญ่ท่านนี้ และกลับกัน เด็กที่ผู้ใหญ่ท่านนี้เอ็นดู ก็ไม่ได้อีเวนท์จากค่าย
-- กล่าวหาลอยๆ จากการสังเกต ไม่มีหลักฐาน)
*** เรตออนไลน์เนอะ (เราไม่พูดถึงเรตจริงละกัน)
*** ตอบโดยภาพรวม ไม่เจาะจงเด็ก ~ คือยุติการตามโดยเจาะจงไปสักพักแล้ว ติดภาระส่วนตัว
*** สำหรับเคสตัวอย่างของเด็กที่ได้งานเพิ่มหลังจากได้ลีลาศไปแล้ว ที่มีหลายๆท่านได้ให้ความเห็นในกระทู้
เอาตรงๆ จากคนผ่านเรื่องราวทั้งหลังบ้านหน้าบ้าน ... เด็กได้งานไม่ใช่โอกาสลอยมานะครับ
เด็กที่ได้พิธีกร คือเด็กที่ไปฝึก ไปขอ ไปแคส
เด็กที่ได้ละคร คือเด็กที่เข้าหาผู้ใหญ่เอง (ซึ่งแยกวงการกันไปเลย แยกค่ายกันไปเลยนะ ไม่ใช่เพราะเค้ามาเห็นจากลีลาศ)
เด็กที่ได้งานอีเวนท์จากแบรนด์ (มีสองแบบ เจ้าของแบรนด์ชอบเองอยู่แล้ว / ไปเจอผ่านสื่ออื่นหรือรู้จักผ่านแฟนคลับ)
งานอื่นๆ ที่ต่อยอดมา ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามในการดิ้นรนหางานของเด็กทั้งนั้น
อย่าลืมความดิ้นรนของเด็กแล้วมองแต่ว่าได้โอกาสจากลีลาศเลย
คือเด็กว่าง ว๊างง ว่างง ขนาดนี้ก็เลยพูดยาก ว่าคุ้มไหม
** โพสต์นี้ไม่ได้บอกว่า ดีหรือไม่ดีนะ เพราะสำหรับเด็ก/แฟนคลับ แต่ละคน คงให้น้ำหนักแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน **
คิวซ้อมลีลาศน่าจะอยู่ในช่วง 10-20 วัน (นับวันเอานะ น่าจะราวๆนี้มั๊งครับ)
ตีไปกลมๆ เลขกลางๆ 15 วันซ้อม+แสดง
สำหรับเด็กที่งานแน่น (นับเฉพาะเงินเข้ากระเป๋าไม่แบ่งค่าย คือราคาจ้างแพงกว่านี้ หักที่ต้องแบ่งสังกัดออกแล้วเหลือเข้ากระเป๋า)
- คิวมินิคอนเสิร์ตหนึ่งคิวได้ค่าตัวประมาณ 30000-50000 / ทำงานหน้างานราวๆ 2 ชั่วโมง ซ้อมราวๆ 3 ชั่วโมง
- คิวงานอีเวนท์(ที่ไม่ใช่การกุศล) มีตั้งแต่ 20000 ไล่ยาวไปเลย / ทำงานหน้างานราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง เตรียมสคริปราวๆ 1-2 ชั่วโมง
- คิวงานพิธีกร อยู่ในเลข 4 หลัก หน้างาน 1 ชั่วโมงครึ่ง เตรียมสคริปราวๆ 1-2 ชั่วโมง
- คิวละคร บทตัวนำๆ นักแสดงหน้าใหม่ 8000-13500 ต่อตอน / ทำงานหน้างาน+ท่องบท 6-8 ชั่วโมง
- คิวงานจ้างผับจริงๆ ก็เรต 20000-50000 แล้วแต่ร้านกับจำนวนคน
******** แต่ เด็กรุ่นนี้ งานแน่นเกิ๊น อย่างที่บอกไง
ในแง่ของ Exposure .. ลีลาศปีก่อนๆ อยู่แต่บนสื่อทรู และอย่างที่หลายท่านบอก ก็คือแค่โชว์เปิดตัว
ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญของงานอยู่ที่ "ลีลาศ" ต่างหาก ดังนั้นภาพข่าว ก็จึงได้แต่เรื่อง "ลีลาศ"
โฟกัสที่เรื่องกีฬา และศิลปินเต้น ก็แค่ผ่านตา ไปเน้นที่นักเต้นจริงๆ ซะมากกว่า
เทียบกับ Mini-concert -> งานนี้ exposure ค่อนข้างต่ำ (อยู่ในวงแฟนคลับ)
งานพิธีกร -> กลุ่มผู้ติดตามรายการ / อันนี้ exposure เยอะหน่อย
งานอีเวนท์ -> ถ้ามีร้องเพลงบ้าง ก็ได้กลุ่มลูกค้าของอีเวนท์เพิ่มด้วย
ละคร -> อันนี้ exposure เยอะสุดล่ะในกลุ่มงานช่วงนี้ คือได้กลุ่มแฟนคลับคนอื่นๆด้วย ถ้าทำได้ดี
แต่ผู้ใหญ่ที่มาดูเด็กเต้นลีลาศ จะหยิบไปทำงานอื่นต่อหรือเปล่า บางคนอาจจะมองว่ามันเกี่ยวกัน
(ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันก็เกี่ยวกันแหล่ะ แต่มากขนาดนั้นหรือเปล่า)
คือ คนจะส่อง (แมวมอง) ส่องตั้งแต่อยู่ในบ้าน ส่องตามอีเวนท์ต่างๆ ดูตามภาพข่าว อยู่แล้ว
แล้วเอาจริงๆ ผู้ใหญ่ที่หาคนไปทำงาน มันน้อยมากเลยที่จะ "เจาะจงด้วยตัวเอง" ส่วนมากก็จะเป็น
ผ่าน "ฝ่ายจัดหาศิลปิน"/"แมวมอง"/"Organizer" อยู่แล้ว ดังนั้น ผมเอง มองตัวงานจริงๆ ก็เหมือน
งานโชว์หน้าตาและบุคลิกท่าทาง ซึ่งหลายคน posture ดีมาแต่แรกก็จะไม่ได้อะไรเพิ่มไปมากมาย
(แต่ถ้าเป็นคนที่ posture ไม่ดีมาทำให้ดีขึ้นมันก็ดีไง)
แล้วด้วยเวลาเต้น คือมันไม่ได้อยู่นิ่ง ดูแล้วเอาไปทำงานไรต่อ พรีเซนเตอร์ก็ไม่ได้โชว์ทักษะขาย
พิธีกรก็ไม่ได้โชว์เรื่องพูด งานร้องเพลงก็นิดหน่อย งานแสดงก็ไม่ได้เห้นสีหน้า .... เห็นแล้วคือแบบ
มองไม่ออกเลย ว่าจะเอาไปต่อยอดใช้งานอะไรได้อีก (นอกจากมีหน้าตาไว้ขายได้อยู่แล้วตั้งแต่แรก)
ก็นั่นแหล่ะ ตรงนี้อยู่ที่คนจะมอง ...
ส่วนผู้ใหญ่ในค่าย คือถ้าผู้ใหญ่ในค่ายต้องอาศัยลีลาศถึงจะเห็นเด็ก แล้วเลือกหยิบเด็กไปใช้ละก็ ผมว่า
มันก็พลาดตั้งแต่แรกแล้ว คือผู้ใหญ่ค่ายยังไม่สนใจเลย ใครจะมาดันได้อีก ก็มองไม่ออกเหมือนกัน
ดังนั้น ความเห็นส่วนตัว ใน 15 วันของลีลาศ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆเลย คุ้มไหม
- อยู่ที่มองว่าเด็กคนนั้น จะได้งานอื่นเกิน 2-3 งาน ในช่วง 15 วันนั้นไหม
(ซึ่งมันเป็นวันที่กระจัดกระจาย ดังนั้น ถึงจะงานอีเวนท์ ก็ไม่ใช่ว่าจะมุดลงช่องว่างงานได้
และถ้าเป็นงานละครที่มักมีคิวต่อเนื่อง สองวันสามวัน อันนี้แทบตัดออกได้เลย
เด็กที่มีงานละครในมือรออยู่ มักจะไม่ได้ลีลาศไป)
- อยู่ที่หน้าตา พอขายต่อได้อยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าพอขายได้ แมทช์โปรดักส์ ก็เป็นโอกาสที่ดี
- แล้วก็อยู่ที่มองว่า พักฟื้น ใช้เวลานานขนาดไหน (คือเหนื่อยจนทำงานอื่นได้ไม่ดีหรือเปล่า)
- และถ้าเกิดอุบัติเหตุ ช่วงเวลาที่ไม่สามารถรับงานได้หลังงานนี้ คิดเป็นกี่วัน
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธงาน จะทำให้โอกาสได้งานจากผู้ใหญ่ท่านนี้ในอนาคต ก็ลดลงตามลงไป
เรียกว่าลดความเอ็นดูลง (แต่ก็เห็นว่าสองค่ายก็ไม่กินเส้นกันมาสักพักอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะเด็กที่
ค่ายเอ็นดู มักไม่ใช่ลูกรักของผู้ใหญ่ท่านนี้ และกลับกัน เด็กที่ผู้ใหญ่ท่านนี้เอ็นดู ก็ไม่ได้อีเวนท์จากค่าย
-- กล่าวหาลอยๆ จากการสังเกต ไม่มีหลักฐาน)
*** เรตออนไลน์เนอะ (เราไม่พูดถึงเรตจริงละกัน)
*** ตอบโดยภาพรวม ไม่เจาะจงเด็ก ~ คือยุติการตามโดยเจาะจงไปสักพักแล้ว ติดภาระส่วนตัว
*** สำหรับเคสตัวอย่างของเด็กที่ได้งานเพิ่มหลังจากได้ลีลาศไปแล้ว ที่มีหลายๆท่านได้ให้ความเห็นในกระทู้
เอาตรงๆ จากคนผ่านเรื่องราวทั้งหลังบ้านหน้าบ้าน ... เด็กได้งานไม่ใช่โอกาสลอยมานะครับ
เด็กที่ได้พิธีกร คือเด็กที่ไปฝึก ไปขอ ไปแคส
เด็กที่ได้ละคร คือเด็กที่เข้าหาผู้ใหญ่เอง (ซึ่งแยกวงการกันไปเลย แยกค่ายกันไปเลยนะ ไม่ใช่เพราะเค้ามาเห็นจากลีลาศ)
เด็กที่ได้งานอีเวนท์จากแบรนด์ (มีสองแบบ เจ้าของแบรนด์ชอบเองอยู่แล้ว / ไปเจอผ่านสื่ออื่นหรือรู้จักผ่านแฟนคลับ)
งานอื่นๆ ที่ต่อยอดมา ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามในการดิ้นรนหางานของเด็กทั้งนั้น
อย่าลืมความดิ้นรนของเด็กแล้วมองแต่ว่าได้โอกาสจากลีลาศเลย
แสดงความคิดเห็น
ทำไม ฟค รุ่นก่อนๆ ถึงลุ้นให้เด็กที่ตัวเองเชียร์ไม่ได้งานลีลาศ?