iLaw ระดมความคิดเห็น รับกระแสร่างพ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ จะกลับมา

ไอลอว์ชวนชาวเน็ตช่วยกันคิด ช่วยกันคุย กับคำถามว่า "ถ้ารัฐดูข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้ทุกอย่าง กลัวไหม? และกลัวอะไร?" ในบรรยากาศที่ชุดกฎหมายความมั่นคงดิจิทัลกำลังจะกลับมาเข้าสู่การพิจารณาของสนช.กันแล้ว

ตามกฎหมายของไทยปัจจุบัน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำควาผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงข้อมูลการสื่อสารของประชาชนบนอินเทอร์เน็ตได้ เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดบางประการเท่านั้น และต้องได้รับอนุญาตจากศาลเสมอ โดยต้องระบุเหตุจำเป็นและขอบเขตการตรวจสอบข้อมูลเสนอต่อศาลด้วยทุกครั้ง แต่อำนาจที่มีข้อจำกัดนี้ก็ถูกมองว่าทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สะดวกนัก และอาจไม่ทันการณ์ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสาธารณะ

หลายต่อหลายครั้งที่รัฐบาลพยายามหาเครื่องมือเพื่อเพิ่มอำนาจในการจัดการการสื่อสารบนโลกออนไลน์ไห้ง่ายดายขึ้น เช่น การเสนอร่างกฎหมายชุดความมั่นคงดิจิทัล เมื่อต้นปี 2558 รวมถึงมาตรการ Single Gateway แต่หลายฝ่ายที่เป็นห่วงสิทธิขึ้นพื้นฐานของผู้ใช้เน็ตก็ออกมาคัดค้านอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนการสอดส่องโลกออนไลน์โดยรัฐก็มีไม่ใช่น้อย คนกลุ่มนี้เป็นห่วงการปล่อยให้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตไหลเวียนไร้การควบคุมดูแล จึงเห็นควรให้รัฐเข้ามาช่วยตรวจสอบการกระทำที่ผิดกฎหมาย หนึ่งในคำถามที่มีต่อฝ่ายคัดค้าน คือ "ถ้าไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร?"

ไอลอว์จึงชวนผู้ใช้เน็ตมาลองตอบคำถามนี้ด้วยกัน "ถ้ารัฐดูข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้ทุกอย่าง กลัวไหม? และกลัวอะไร?"

ตอบยังไงก็ได้ แสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระ ถ้ากลัวก็ลองอธิบายถ้าไม่กลัวก็ตอบไม่กลัวได้ ช่วยกันเล่าความคิดและความรู้สึกมาแลกเปลี่ยนกันหน่อย เนื่องในโอกาสที่ร่างกฎหมายชุดความมั่นคงดิจิทัล ได้เดินทางไปยังที่ต่างๆ จนเวียนกลับมาครบและกำลังจะถูกส่งให้สนช.พิจารณาต่อ ในเดือนมีนาคมนี้แล้ว แม้จะยังไม่เห็นร่างล่าสุดว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ต้องเกี่ยวกับการให้รัฐเข้ามาสอดส่องการใช้งานอินเทอร์เน็ตแน่นอน

----------------------------------

หากยังพอคุ้นๆ กันบ้าง เมื่อต้นปี 2558 ร่างกฎหมายชุดความมั่นคงดิจิทัล 10+3 ฉบับ หรือที่บางท่านเรียกว่า ชุดกฎหมายกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล ถูกเสนอเข้าครม.ไปครั้งนึง ก่อนที่ชาวเน็ตจะรวมพลังกันคันค้านจนหลายฝ่ายออกมายอมรับว่าร่างกฎหมายชุดนี้ยังต้องแก้ไขอีกมาก และหวังว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นผู้ทำหน้าที่แก้ไขให้ดีขึ้น

ในบรรดาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึง 13 ฉบับ มี 3 ฉบับที่กระทบกับสิทธิเสรีภาพบนโลกออนไลน์เป็นพิเศษและน่าจับตามอง ได้แก่

1. ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ ซึ่งเดิมตามมาตรา 35(3) กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจตรวจสอบการสื่อสารของประชาชนได้ทุกช่องทาง โดยไม่มีขอบเขตและไม่มีกระบวนการตรวจสอบใดๆ เลย http://ilaw.or.th/node/3404

2. ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเดิมกำหนดว่าการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก็ได้ เพียงแค่แจ้งให้ทราบเฉยๆ และให้ย้ายหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปสังกัดภายใต้หน่วยงาน "ความมั่นคงไซเบอร์" http://ilaw.or.th/node/3405

3. ร่างแก้ไขพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งจะแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นว่าการหมิ่นประมาทออนไลน์ไม่ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และจะเข้มงวดเรื่อง “ภาพโป๊เด็ก” โดยกำหนดให้ผู้จัดทำ-เผยแพร่-ครอบครอง มีโทษจำคุกหกปี โดยที่นิยามเรื่องภาพโป๊เด็กยังไม่ชัดเจน http://ilaw.or.th/node/3393

ร่างกฎหมายเหล่านี้เคยถูกคัดค้านกันอย่างหนักมาแล้วรอบหนึ่ง จนรัฐบาลรับปากว่าจะแก้ไขร่างให้รัดกุมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพมากขึ้น

ปัจจุบันร่างกฎหมายทั้งสามฉบับยังอยู่ในขั้นตอนที่รอครม.เห็นชอบ โดยปลัดกระทรวง ICT ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะยื่นให้สนช.พิจารณาภายในเดือนมีนาคมนี้ ถึงตอนนี้ประชาชนยังไม่เห็นว่าสุดท้ายมีการแก้ไขจริงหรือไม่ ข้อกังวลต่างๆ ของสังคมได้ถูกปรับปรุงหรือยัง ซึ่งอาจต้องรอจนกว่าร่างกฎหมายต่างๆ ผ่านครม.เดินทางเข้าสู่สนช.แล้วก็ได้ ถึงได้เห็นกันว่าเป็นอย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่