Zootopia เป็นอนิเมชั่นที่เขียนเรื่องราวและตอนจบได้เหมือนกับเป็นตัวแทนของโลกในอุดมคติ แถวบ้านเรียกโลกสวย แตในความเป็นจริงแล้ว เราเองก็อยากอยู่กันในโลกที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? อยากตื่นมามีทุ่งดอกทานตะวันบานอยู่ข้างเตียง คงไม่มีใครอยากตื่นมามีถังขยะอยู่บนหัวหรอกนะ
นี่เลยเป็นประเด็นน่าสนใจที่เราน่าจะเอามาพูดคุยคิดทบทวนกัน แต่ชอบเรื่องนี้ตรงที่ย่อยสารยากๆ มานำเสนอได้อย่างน่ารักน่าชังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดชนชั้น anti racist , การเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของแต่ละคน หรือแม้กระทั่งฉุกให้เราย้อนกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องราวความฝันในวัยเด็ก และนั่นคือสิ่งที่เราจะขยายให้มันชัดเจนเห็นภาพขึ้นอีกนิดนึง
เชื่อว่าทุกคนคงเคยมีความฝันความคิดที่อยากจะทำให้โลกนี้ดีกว่าเดิม อยากให้มันสงบสุข อยากให้มันไม่มีความขัดแย้ง อยากให้ทุกคนมีบ้านอยู่ อยากให้ทุกคนมีตังค์ใช้ อยากให้มันเป็นอย่างนู้นเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ต้องย้อนกลับมายอมรับความจริงและจากสภาพขี้ปากคนอื่นว่า เราทำไม่ได้หรอก มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด โลกไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น แล้วเราก็โยนความคิดนี้ทิ้งไป เพราะด้วยความเชื่อและความ(ไม่)จริงที่ถูกยัดเยียดว่า เป็นไปไม่ได้
แต่การจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง มันก็ต้องเริ่มที่จะทำ แล้วจะเริ่มที่ตรงไหนดี ? สิ่งที่เริ่มง่ายที่สุดก็คือตัวเรา เริ่มที่คนอื่นไม่ได้ก็มาเริ่มที่ตัวเรา ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ บางทีถนนที่เราสร้างอาจจะไม่ได้พาเราไปถึงจุดหมาย แต่อย่างน้อยที่สุด ถนนก็ถูกสร้างมาแล้ว ย่อมมีคนได้เห็นย่อมมีคนได้ใช้ สร้างเป็นเรื่องราวและสถานที่ที่อยู่รอบข้างถนน และสักวันนึง อาจจะมีคนที่ขับรถผ่านมาด้วยความตั้งใจแบบเรา แล้วมาแล้วเติมต่อถนนเส้นนั้นให้ไปถึงจุดหมายก็เป็นได้
"การเริ่มต้น อาจจะไม่ใช่ 100% แต่มันก็ไม่ได้เป็น 0% เช่นกัน"
นี่คือสิ่งที่ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้สอนให้กับเราครับ
ว่าด้วยเรื่อง Zootopia กับ mindset ที่แอบแฝง [Spoil]
Zootopia เป็นอนิเมชั่นที่เขียนเรื่องราวและตอนจบได้เหมือนกับเป็นตัวแทนของโลกในอุดมคติ แถวบ้านเรียกโลกสวย แตในความเป็นจริงแล้ว เราเองก็อยากอยู่กันในโลกที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? อยากตื่นมามีทุ่งดอกทานตะวันบานอยู่ข้างเตียง คงไม่มีใครอยากตื่นมามีถังขยะอยู่บนหัวหรอกนะ
นี่เลยเป็นประเด็นน่าสนใจที่เราน่าจะเอามาพูดคุยคิดทบทวนกัน แต่ชอบเรื่องนี้ตรงที่ย่อยสารยากๆ มานำเสนอได้อย่างน่ารักน่าชังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดชนชั้น anti racist , การเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของแต่ละคน หรือแม้กระทั่งฉุกให้เราย้อนกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องราวความฝันในวัยเด็ก และนั่นคือสิ่งที่เราจะขยายให้มันชัดเจนเห็นภาพขึ้นอีกนิดนึง
เชื่อว่าทุกคนคงเคยมีความฝันความคิดที่อยากจะทำให้โลกนี้ดีกว่าเดิม อยากให้มันสงบสุข อยากให้มันไม่มีความขัดแย้ง อยากให้ทุกคนมีบ้านอยู่ อยากให้ทุกคนมีตังค์ใช้ อยากให้มันเป็นอย่างนู้นเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ต้องย้อนกลับมายอมรับความจริงและจากสภาพขี้ปากคนอื่นว่า เราทำไม่ได้หรอก มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด โลกไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น แล้วเราก็โยนความคิดนี้ทิ้งไป เพราะด้วยความเชื่อและความ(ไม่)จริงที่ถูกยัดเยียดว่า เป็นไปไม่ได้
แต่การจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง มันก็ต้องเริ่มที่จะทำ แล้วจะเริ่มที่ตรงไหนดี ? สิ่งที่เริ่มง่ายที่สุดก็คือตัวเรา เริ่มที่คนอื่นไม่ได้ก็มาเริ่มที่ตัวเรา ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ บางทีถนนที่เราสร้างอาจจะไม่ได้พาเราไปถึงจุดหมาย แต่อย่างน้อยที่สุด ถนนก็ถูกสร้างมาแล้ว ย่อมมีคนได้เห็นย่อมมีคนได้ใช้ สร้างเป็นเรื่องราวและสถานที่ที่อยู่รอบข้างถนน และสักวันนึง อาจจะมีคนที่ขับรถผ่านมาด้วยความตั้งใจแบบเรา แล้วมาแล้วเติมต่อถนนเส้นนั้นให้ไปถึงจุดหมายก็เป็นได้
"การเริ่มต้น อาจจะไม่ใช่ 100% แต่มันก็ไม่ได้เป็น 0% เช่นกัน"
นี่คือสิ่งที่ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้สอนให้กับเราครับ