เริ่มกันเลยนะครับ ผมเพิ่งกลับมาจากยุโรปกับทริป 41 วัน 8มกราคม - 17 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมานี้นะครับ ยังไม่พร้อมที่จะทำรีวิวใหญ่เนื่องจากข้อมูลสาระสำคัญเยอะมาก ผมจึงคัดข้อมูลที่มีความสำคัญและยังไม่ค่อยมีคนทำรีวิวมากนักมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ข้อมูลดีดีกันก่อนครับ
จุดเริ่มต้นของรีวิวนี้เริ่มโรงแรมในปรากชื่อ Rezidence Davids ผมเดินทางมาปรากด้วยรถบัสจากเวียนนา ออสเตรีย ที่พักนี้ถือว่าทำเลดีมากระดับ 5 ดาว เนื่องจากติดรถไฟฟ้าสถานี Praha, ÚAN Florenc , และ สถานีศูนย์กลางรถบัส ÚAN Florenc เมื่อรถบัสจอดให้เดินออกไปทางจุดขายตั๋วเดินผ่าน burger king จุดขายตั๋วไปจะเจอทางออกและสถานีรถไฟฟ้าตั้งอยู่ เดินเลี้ยวไปทางขวามุมตึกก็จะเจอที่พักอยู่ด้านตรงข้ามถนน ติดกับร้านอาหารเวียดนาม ขออภัยไม่มีรูปด้านหน้าที่พัก แต่หาไม่ยากครับ
ตัดมาวันเดินทางกลับประเทศไทยเลยนะครับ เราจองรถบัสไปสนามบินเริ่มต้นจากสถานีรถบัส ÚAN Florenc ติดกับที่พักเลยขึ้นรถของ Student Agency ค่ารถ 2 คน = 130 Czk (26 Czk = 1 Euro / 1 Euro = 39.55 กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ครับ ) ประมาณ 200 บาทไทยครับคนละ 100 ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึงสนามบินให้ลงที่ Terminal 2 นะครับ ผมลงผิดที่ Terminal 1 เดินไกลพอสมควร
น้ำหนักกระเป๋ามีให้คนละ 23kg ถือขึ้นเครื่องได้ 10kg กระเป๋าผมเกิน 23kg โดนไปใบละ 1100 Czk = ประมาณ 1600 ไทยครับ
กระเป๋าถือขึ้นเครื่องก็ห้ามเกิน 10kg โดยเด็ดขาดแต่ไม่รู้เป็นอะไรคนเอเชียส่วนใหญ่จะโดน ฝรั่งเดินขึ้นเครื่องเฉยเลย ผมโดนให้โหลดครับแต่ไม่เสียเงินนะครับถือว่าโชคดีไปน้ำหนัก 10.45 kg
ได้ที่นั่ง 3E 3F ขนาดมาตรฐานแอร์เอเชียครับ บินด้วย Airbus A319 ครับ
ขึ้นเครื่องแล้วครับได้ค่าตั๋ว 2 คนจาก Priceline.com 2คน = 4300 บาทไม่มีอาหารผมเครื่องบริการนะครับ แต่รวมกระเป๋าแล้ว ปราก ไป สต๊อกโฮมครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงเราก็มีถึงสนามบินสต๊อกโฮมแล้วครับ
วันเดินทางกลับไทยผมต้องขึ้นเครื่อง Norwegian 16 กุมภาพันธ์ 59 แต่เรามาถึง 15 กุมภาพันธ์ จริงๆจะมาวันที่ 16 ก็ได้แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงตัดสินใจเดินทางล่วงหน้ามา 1 วันและไม่เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองสต๊อกโฮมเนื่องจากค่ารถแพงไม่คุ้มกับเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง จึงตัดสินใจนอนสนามบินแทนครับ
เรา2คนเดินทางมาถึงเวลา 14.00 ของวันที่ 15 และ ขึ้นเครื่องกลับไทยวันที่ 16 14.35 เท่ากับว่าต้องใช้ชีวิตในสนามบิน 24 ชั่วโมงพอดีเป๊ะครับ

ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากเล่นเกม wifi จัดกระเป๋า หาของกิน เนื่องจาก TAX Free จะต้องทำเรื่องวันที่จะบินเท่านั้นไม่สามารถดำเนินการล่วงหน้าได้
ของกินในร้านแม็คโดนัลด์และเซเว่นอีเลฟเว่นกระชากค่าครองชีพมากๆแฮมเบอร์เซ็ตละประมาณ 400 บาทไทย , ไส้กรอก+โค้ก 200 บาท แต่จะมีร้านนึงผมจำชื่อร้านไม่ได้ อยู่ข้างๆ Global Tax Free
จุดที่รีวิวทั้งหมดจะอยู่ใน Terminal 5 Stockholm Airport เท่านั้นนะครับ
ซ้ายมือจากในรูปด้านบนนี้จะมีร้านที่ผมบอกนะครับ ไส้กรอก + โค้ก ประมาณ 60 บาทไทยครับ และ ตรงกลางรูปด้านบนจะเห็นบูธของ Global Blue Tax Free ซึ้งเดี๋ยวผมจะมารีวิวต่อไปนะครับ
อัตราแลกเปลี่ยน 1 SEK = 4.25 บาทไทยครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งเล่นเกม + wifi จน 18.00 ก็เริ่มเดินสำรวจหาที่นอนกันครับ
***Wifi ของสนามบินสต๊อกโฮมฟรี 3ชม หรือ 100mb แรกคำนวนจากอย่างใด อย่างหนึงถึงก่อนแล้วจะตัด ผมมารู้ทีหลังตอนดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ตตอนแรกก็คิดว่าจะเสียเงินค่า wifi แต่หลังจากที่มันตัดไป เราสามารถเชื่อมต่อใหม่ได้เรื่อยๆไม่จำกัด ไม่มีการล็อคให้จ่ายเงินแต่อย่างใดครับ ชื่อ Wifi Airport Free Wifi ครับ***
ร้านสีเหลืองๆในรูปด้านบนนี้ครับที่ขายของถูก เพิ่งหารูปเจอครับ ไกลๆก็จะเห็นบูธ Global Blue อยู่ซ้ายมือในรูปครับ
การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า
พวกเรานั่งรอกันหน้าบูธ Global Blue จนถึงเวลาไปหาที่นอนถัดจากบูธการบินไทยตามภาพ เดินประมาณ 20 เมตรจะเจอป้ายเขียนว่า Arrival Hall ชี้ลูกศรลง ให้เราลงบันไดเลื่อนไปพอถึงด้านล่างจะเป็นสามแยก (ขออภัยไม่มีภาพ)
1 ซ้ายมือไป Custom Stamp เพื่อตรวจของทำ Tax Free (มีร้าน 7-11)
จากจุดนี้เดินไปทางซ้ายมือผ่าน 7-11 ไปประมาณ 200 เมตรไกลพอควรราวๆ 5-10 นาที จะเจอจุด Custom Stamp อยู่ซ้ายมือในมุมอับป้ายเล็กมากๆสังเกตุดีดีนะครับ
2. ขวามือไป Terminal 3,4 (มีร้านขายของจำชื่อไม่ได้) หน้าร้านขายของนี้จะมีจุดแลกเงินเรทดีที่สุดใน Terminal 5 ผมเชคให้แล้ว ฮ่าๆ
3.ตรงไปด้านหน้าจะมีบันไดเลื่อนอีก ลงไปจะเป็นที่ตั้งของตู้ฝากกระเป๋าอัติโนมัติ และ จุดนอนของพวกเราหน้าตู้นี้นั้นเองครับ
บรรยากาศที่นอนของเราหน้าจุดส่งของประมาณไปรษณีย์ ราวๆ2ทุ่ม เวลาสวีเดนครับ
ใกล้ๆกันจะมีตู้ฝากกระเป๋าอัตโนมัติครับ 60SEK ใส่กระเป๋าไซต์ 20 นิ้วได้ 2 ใบเป้ใบเล็กๆได้ 1 ใบครับ เท่าที่สำรวจดู (ลืมถ่ายรูปด้านในอีกแล้ว)

ขนาดราคา 80SEK สามารถใส่กระเป๋าไซต์ 28 + 24 ได้ครับกะด้วยตาเปล่านะครับใหญ่พอสมควรเลยครับผม
ผมใช้บริการขนาด 60SEK ไปเนื่องจากเป็นห่วงของในกระเป๋าตอนเราหลับ ประเทศเขาค่อนข้างปลอดภัยแต่ด้วยนิสัยเราซึ้งใช้เวลาทั้งชีวิตในประเทศไทยต้องกังวลไว้ก่อนดีที่สุดครับฮ่าๆๆๆ
มีภาษาอังกฤษแสดงชัดเจน ตู้ฝากจะมี2จุดในบริเวณใกล้เคียงกัน

จุดแรกรับเฉพาะเหรียญเท่านั้น , อีกจุด รับทั้งเหรียญและบัตรเครดิตครับ
แล้วพบกันใหม่ตอนเช้าสวัสดีครับ
เช้าแล้วครับ มาต่อกันเลย
9 โมงเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สนามบินสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดนครับ ขั้นแรกเราไปแสตมป์บิล Tax Free ที่ร้านที่เราไปช็อปปิ้งออกมาให้ ยกตัวอย่าง Gucci , Coach , Puma , Nike , Adidas อะไรก็ว่าไปครับ โชว์ของให้เรียบร้อย ตอนผมไปโชคดีเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจเลย ไม่รู้ว่าเยอะหรือว่าขี้เกียจ ฮ่าๆๆ ประมาณ 20 กว่าบิล เป็นเงินเกือบ 300 ยูโร ช็อปอะไรขนาดนั้น (ลืมถ่ายรูปอีกตามเคย)
Global Blue กับ premier tax free คนละบริษัทนะครับ ดูให้ดีดี หาก premier tax free แสตมป์เรียบร้อยถ้าเราจะรับเงินคืนด้วยบัตรเครดิต ให้ใส่ตู้รับจดหมายหน้าสำนักงาน Custom Stamp ได้เลย ส่วนใครเป็นของ Global Blue ก็ตามผมมาทางนี้ครับ
หากใครยังจำได้สำนักงาน Custom Stamp อยู่ในชั้นของ Arrival Hall ของ Terminal 5 นะครับให้เราขึ้นบันไดเลื่อนกลับไปที่ departure Hall ด้านบนเดินทางไปขวาผ่านเค้าเตอร์การบินไทยไป 20 เมตร จะเจอจุดนี้ครับ
ก็ให้เรายื่นเอกสารทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ เอกสารทุกใบต้องสแตมป์แล้ว และ ชื่อที่อยู่ต้องตรงกับบัตรเครดิตผู้ซื้อสินค้า เพื่อลดความยุ่งยากในการตรวจเอกสารและความรวดเร็วนะครับ หลังจากเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะถามว่ารับเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต
1.บัตรเครดิต จบที่ตรงนี้เลย
2.เงินสด ผ่านขั้นตอนเชคอิน และ ตรวจกระเป๋าสัมภาระ (security) เค้าเตอร์รับเงินสดของ Global Blue อยู่บริเวณ Gate 1
ตรงนี้ครับ เอกสารที่ผ่านการตรวจจากด้านนอกมาแล้ว จะผ่านการตรวจซ้ำ แต่จะรวดเร็วขึ้นเพียงไม่นานก็จะได้รับเงินสดครับ เจ้าหน้าที่จะถามว่ารับเป็น US หรือ EURO ก็ตามแต่เราสะดวกครับ
ตัดกลับมาที่ขั้นตอนการเชคอินสายการบิน Norwegian กันนะครับ มีปัญหาเรื่องกระเป๋าทุกทีฮ่าๆ น้ำหนักเกินครับรู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้วเลยซื้อเพิ่มก่อนเชคอินโดนไป 40 EURO ต่อ น้ำหนัก 20 KG ครับ ใครใคร่เข้าช่องอัติโนมัติก็เข้า ใครใคร่เข้าช่องพนักงานบริการก็ตามผมมาครับ 5555
เข้าไปเสร่อมาแล้วรอบนึงในช่องอัติโนมัติถอยดีกว่า (กังวลว่าคนข้างหลังจะรอนานจริงๆก็ไม่ได้ยากอะไรลองไปเล่นๆดูได้นะครับ) เจ้าหน้าที่ก็ตรวจกระเป๋าให้ตามปกติ ใครใช้กระเป๋า Backpack แบบผมเจ้าหน้าที่จะให้ไปเข้าช่องพิเศษ special baggage ใกล้ๆกันเท่านี้ก็ผ่านขั้นตอนเชคอินเข้ามาด้านในครับ
ช็อปปิ้งกันตามอัธยาศัยครับส่วนใหญ่แพงกว่าในเมือง ถูกเป็นบางอย่างครับ วันนี้เราจะขึ้นเครื่องกันที่ Gate 18 เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนไทยเยอะมากครับ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ 14.35 หลังจากรอคอยมา 24 ชั่วโมงเต็มๆ
รักคุณเท่าฟ้า ไม่ใช่เครื่องของเรานะครับแพง ฮ่าๆ
เป็น boeing 787-8 dreamliner ตัวใหม่แต่การจัดวางที่นั่งรู้สึกจะแคบกว่า Air india ตอนขาไปนิดนึงหรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่มั่นใจนะครับด้วยว่า Norwegian เป็น Low cost แต่ Air india เป็น Full Service
ทั้งทริป 41 วันแทบจะไม่เจอคนไทยเลยใน 6 ประเทศ 14 เมือง พอขึ้นเครื่องปั้บรู้สึกเหมือนอยู่ประเทศไทยเลยครับผม พี่ๆแอร์และสจ๊วตน่ารักมากๆบริการดีพูดจาดีมาก Flight 16 กพ 59 เวลา 14.35 ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ต้อนรับเป็นอย่างดีครับ คนไทยบนเครื่องต้องพูดได้ว่าเยอะเกือบจะครึ่งๆเลยทีเดียวครับ ลูกเรือ 100% ไทยครับผม สะดวกสบายมากๆ
ข้อจำกัดของ Norwegian
1.หูฟัง 3$ ไม่มีบริการฟรี ต้องเตรียมไป
2.กระเป๋าและการเลือกที่นั่ง แนะนำให้ซื้อแบบ Low Fare + ไปเลยนะครับถูกกว่า
ส่วนอื่นๆผ่านหมดครับ 95/100 ดีมากครับ บินตรง 11 ชั่วโมงถึงกรุงเทพก่อนเวลาครับซิ่งมากๆ
อาหารมื้อแรก
อาหารเช้าก่อนถึงกรุงเทพ
ระบบความบันเทิงบนเครื่องเยี่ยมมากครับ หนังใหม่เก่าครบครันทีเดียว
ก่อนเครื่องจะแลนดิ้งที่กรุงเทพครับ
เช้าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ราวๆ 7 โมงเช้ากรุงเทพก็ตอนรับเราด้วยหมอกหนาทึบ ไหว้พระแลนดิ้งกันเช่นเคย (ผมจะกลัวเวลามองไม่เห็นพื้นเวลาแลนดิ้งครับ) คล้ายๆอาการโรคกลัวเครื่องบิน ฮ่าๆ เหวอเลยทีเดียว
ถึงแล้ว
[CR] {Mini รีวิว} นอนสนามบิน Stockholm , Tex Refund Stockholm Airport , สายการบิน Czech Airline , Norwegian , ตู้ฝากกระเป๋า
จุดเริ่มต้นของรีวิวนี้เริ่มโรงแรมในปรากชื่อ Rezidence Davids ผมเดินทางมาปรากด้วยรถบัสจากเวียนนา ออสเตรีย ที่พักนี้ถือว่าทำเลดีมากระดับ 5 ดาว เนื่องจากติดรถไฟฟ้าสถานี Praha, ÚAN Florenc , และ สถานีศูนย์กลางรถบัส ÚAN Florenc เมื่อรถบัสจอดให้เดินออกไปทางจุดขายตั๋วเดินผ่าน burger king จุดขายตั๋วไปจะเจอทางออกและสถานีรถไฟฟ้าตั้งอยู่ เดินเลี้ยวไปทางขวามุมตึกก็จะเจอที่พักอยู่ด้านตรงข้ามถนน ติดกับร้านอาหารเวียดนาม ขออภัยไม่มีรูปด้านหน้าที่พัก แต่หาไม่ยากครับ
ตัดมาวันเดินทางกลับประเทศไทยเลยนะครับ เราจองรถบัสไปสนามบินเริ่มต้นจากสถานีรถบัส ÚAN Florenc ติดกับที่พักเลยขึ้นรถของ Student Agency ค่ารถ 2 คน = 130 Czk (26 Czk = 1 Euro / 1 Euro = 39.55 กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ครับ ) ประมาณ 200 บาทไทยครับคนละ 100 ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึงสนามบินให้ลงที่ Terminal 2 นะครับ ผมลงผิดที่ Terminal 1 เดินไกลพอสมควร
น้ำหนักกระเป๋ามีให้คนละ 23kg ถือขึ้นเครื่องได้ 10kg กระเป๋าผมเกิน 23kg โดนไปใบละ 1100 Czk = ประมาณ 1600 ไทยครับ
กระเป๋าถือขึ้นเครื่องก็ห้ามเกิน 10kg โดยเด็ดขาดแต่ไม่รู้เป็นอะไรคนเอเชียส่วนใหญ่จะโดน ฝรั่งเดินขึ้นเครื่องเฉยเลย ผมโดนให้โหลดครับแต่ไม่เสียเงินนะครับถือว่าโชคดีไปน้ำหนัก 10.45 kg
ได้ที่นั่ง 3E 3F ขนาดมาตรฐานแอร์เอเชียครับ บินด้วย Airbus A319 ครับ
ขึ้นเครื่องแล้วครับได้ค่าตั๋ว 2 คนจาก Priceline.com 2คน = 4300 บาทไม่มีอาหารผมเครื่องบริการนะครับ แต่รวมกระเป๋าแล้ว ปราก ไป สต๊อกโฮมครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงเราก็มีถึงสนามบินสต๊อกโฮมแล้วครับ
วันเดินทางกลับไทยผมต้องขึ้นเครื่อง Norwegian 16 กุมภาพันธ์ 59 แต่เรามาถึง 15 กุมภาพันธ์ จริงๆจะมาวันที่ 16 ก็ได้แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงตัดสินใจเดินทางล่วงหน้ามา 1 วันและไม่เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองสต๊อกโฮมเนื่องจากค่ารถแพงไม่คุ้มกับเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง จึงตัดสินใจนอนสนามบินแทนครับ
เรา2คนเดินทางมาถึงเวลา 14.00 ของวันที่ 15 และ ขึ้นเครื่องกลับไทยวันที่ 16 14.35 เท่ากับว่าต้องใช้ชีวิตในสนามบิน 24 ชั่วโมงพอดีเป๊ะครับ
ของกินในร้านแม็คโดนัลด์และเซเว่นอีเลฟเว่นกระชากค่าครองชีพมากๆแฮมเบอร์เซ็ตละประมาณ 400 บาทไทย , ไส้กรอก+โค้ก 200 บาท แต่จะมีร้านนึงผมจำชื่อร้านไม่ได้ อยู่ข้างๆ Global Tax Free
จุดที่รีวิวทั้งหมดจะอยู่ใน Terminal 5 Stockholm Airport เท่านั้นนะครับ
ซ้ายมือจากในรูปด้านบนนี้จะมีร้านที่ผมบอกนะครับ ไส้กรอก + โค้ก ประมาณ 60 บาทไทยครับ และ ตรงกลางรูปด้านบนจะเห็นบูธของ Global Blue Tax Free ซึ้งเดี๋ยวผมจะมารีวิวต่อไปนะครับ
อัตราแลกเปลี่ยน 1 SEK = 4.25 บาทไทยครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งเล่นเกม + wifi จน 18.00 ก็เริ่มเดินสำรวจหาที่นอนกันครับ
***Wifi ของสนามบินสต๊อกโฮมฟรี 3ชม หรือ 100mb แรกคำนวนจากอย่างใด อย่างหนึงถึงก่อนแล้วจะตัด ผมมารู้ทีหลังตอนดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ตตอนแรกก็คิดว่าจะเสียเงินค่า wifi แต่หลังจากที่มันตัดไป เราสามารถเชื่อมต่อใหม่ได้เรื่อยๆไม่จำกัด ไม่มีการล็อคให้จ่ายเงินแต่อย่างใดครับ ชื่อ Wifi Airport Free Wifi ครับ***
ร้านสีเหลืองๆในรูปด้านบนนี้ครับที่ขายของถูก เพิ่งหารูปเจอครับ ไกลๆก็จะเห็นบูธ Global Blue อยู่ซ้ายมือในรูปครับ
การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า
พวกเรานั่งรอกันหน้าบูธ Global Blue จนถึงเวลาไปหาที่นอนถัดจากบูธการบินไทยตามภาพ เดินประมาณ 20 เมตรจะเจอป้ายเขียนว่า Arrival Hall ชี้ลูกศรลง ให้เราลงบันไดเลื่อนไปพอถึงด้านล่างจะเป็นสามแยก (ขออภัยไม่มีภาพ)
1 ซ้ายมือไป Custom Stamp เพื่อตรวจของทำ Tax Free (มีร้าน 7-11)
จากจุดนี้เดินไปทางซ้ายมือผ่าน 7-11 ไปประมาณ 200 เมตรไกลพอควรราวๆ 5-10 นาที จะเจอจุด Custom Stamp อยู่ซ้ายมือในมุมอับป้ายเล็กมากๆสังเกตุดีดีนะครับ
2. ขวามือไป Terminal 3,4 (มีร้านขายของจำชื่อไม่ได้) หน้าร้านขายของนี้จะมีจุดแลกเงินเรทดีที่สุดใน Terminal 5 ผมเชคให้แล้ว ฮ่าๆ
3.ตรงไปด้านหน้าจะมีบันไดเลื่อนอีก ลงไปจะเป็นที่ตั้งของตู้ฝากกระเป๋าอัติโนมัติ และ จุดนอนของพวกเราหน้าตู้นี้นั้นเองครับ
บรรยากาศที่นอนของเราหน้าจุดส่งของประมาณไปรษณีย์ ราวๆ2ทุ่ม เวลาสวีเดนครับ
ใกล้ๆกันจะมีตู้ฝากกระเป๋าอัตโนมัติครับ 60SEK ใส่กระเป๋าไซต์ 20 นิ้วได้ 2 ใบเป้ใบเล็กๆได้ 1 ใบครับ เท่าที่สำรวจดู (ลืมถ่ายรูปด้านในอีกแล้ว)
ผมใช้บริการขนาด 60SEK ไปเนื่องจากเป็นห่วงของในกระเป๋าตอนเราหลับ ประเทศเขาค่อนข้างปลอดภัยแต่ด้วยนิสัยเราซึ้งใช้เวลาทั้งชีวิตในประเทศไทยต้องกังวลไว้ก่อนดีที่สุดครับฮ่าๆๆๆ
มีภาษาอังกฤษแสดงชัดเจน ตู้ฝากจะมี2จุดในบริเวณใกล้เคียงกัน
แล้วพบกันใหม่ตอนเช้าสวัสดีครับ
เช้าแล้วครับ มาต่อกันเลย
9 โมงเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สนามบินสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดนครับ ขั้นแรกเราไปแสตมป์บิล Tax Free ที่ร้านที่เราไปช็อปปิ้งออกมาให้ ยกตัวอย่าง Gucci , Coach , Puma , Nike , Adidas อะไรก็ว่าไปครับ โชว์ของให้เรียบร้อย ตอนผมไปโชคดีเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจเลย ไม่รู้ว่าเยอะหรือว่าขี้เกียจ ฮ่าๆๆ ประมาณ 20 กว่าบิล เป็นเงินเกือบ 300 ยูโร ช็อปอะไรขนาดนั้น (ลืมถ่ายรูปอีกตามเคย)
Global Blue กับ premier tax free คนละบริษัทนะครับ ดูให้ดีดี หาก premier tax free แสตมป์เรียบร้อยถ้าเราจะรับเงินคืนด้วยบัตรเครดิต ให้ใส่ตู้รับจดหมายหน้าสำนักงาน Custom Stamp ได้เลย ส่วนใครเป็นของ Global Blue ก็ตามผมมาทางนี้ครับ
หากใครยังจำได้สำนักงาน Custom Stamp อยู่ในชั้นของ Arrival Hall ของ Terminal 5 นะครับให้เราขึ้นบันไดเลื่อนกลับไปที่ departure Hall ด้านบนเดินทางไปขวาผ่านเค้าเตอร์การบินไทยไป 20 เมตร จะเจอจุดนี้ครับ
ก็ให้เรายื่นเอกสารทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ เอกสารทุกใบต้องสแตมป์แล้ว และ ชื่อที่อยู่ต้องตรงกับบัตรเครดิตผู้ซื้อสินค้า เพื่อลดความยุ่งยากในการตรวจเอกสารและความรวดเร็วนะครับ หลังจากเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะถามว่ารับเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต
1.บัตรเครดิต จบที่ตรงนี้เลย
2.เงินสด ผ่านขั้นตอนเชคอิน และ ตรวจกระเป๋าสัมภาระ (security) เค้าเตอร์รับเงินสดของ Global Blue อยู่บริเวณ Gate 1
ตรงนี้ครับ เอกสารที่ผ่านการตรวจจากด้านนอกมาแล้ว จะผ่านการตรวจซ้ำ แต่จะรวดเร็วขึ้นเพียงไม่นานก็จะได้รับเงินสดครับ เจ้าหน้าที่จะถามว่ารับเป็น US หรือ EURO ก็ตามแต่เราสะดวกครับ
ตัดกลับมาที่ขั้นตอนการเชคอินสายการบิน Norwegian กันนะครับ มีปัญหาเรื่องกระเป๋าทุกทีฮ่าๆ น้ำหนักเกินครับรู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้วเลยซื้อเพิ่มก่อนเชคอินโดนไป 40 EURO ต่อ น้ำหนัก 20 KG ครับ ใครใคร่เข้าช่องอัติโนมัติก็เข้า ใครใคร่เข้าช่องพนักงานบริการก็ตามผมมาครับ 5555
เข้าไปเสร่อมาแล้วรอบนึงในช่องอัติโนมัติถอยดีกว่า (กังวลว่าคนข้างหลังจะรอนานจริงๆก็ไม่ได้ยากอะไรลองไปเล่นๆดูได้นะครับ) เจ้าหน้าที่ก็ตรวจกระเป๋าให้ตามปกติ ใครใช้กระเป๋า Backpack แบบผมเจ้าหน้าที่จะให้ไปเข้าช่องพิเศษ special baggage ใกล้ๆกันเท่านี้ก็ผ่านขั้นตอนเชคอินเข้ามาด้านในครับ
ช็อปปิ้งกันตามอัธยาศัยครับส่วนใหญ่แพงกว่าในเมือง ถูกเป็นบางอย่างครับ วันนี้เราจะขึ้นเครื่องกันที่ Gate 18 เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนไทยเยอะมากครับ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ 14.35 หลังจากรอคอยมา 24 ชั่วโมงเต็มๆ
รักคุณเท่าฟ้า ไม่ใช่เครื่องของเรานะครับแพง ฮ่าๆ
เป็น boeing 787-8 dreamliner ตัวใหม่แต่การจัดวางที่นั่งรู้สึกจะแคบกว่า Air india ตอนขาไปนิดนึงหรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่มั่นใจนะครับด้วยว่า Norwegian เป็น Low cost แต่ Air india เป็น Full Service
ทั้งทริป 41 วันแทบจะไม่เจอคนไทยเลยใน 6 ประเทศ 14 เมือง พอขึ้นเครื่องปั้บรู้สึกเหมือนอยู่ประเทศไทยเลยครับผม พี่ๆแอร์และสจ๊วตน่ารักมากๆบริการดีพูดจาดีมาก Flight 16 กพ 59 เวลา 14.35 ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ต้อนรับเป็นอย่างดีครับ คนไทยบนเครื่องต้องพูดได้ว่าเยอะเกือบจะครึ่งๆเลยทีเดียวครับ ลูกเรือ 100% ไทยครับผม สะดวกสบายมากๆ
ข้อจำกัดของ Norwegian
1.หูฟัง 3$ ไม่มีบริการฟรี ต้องเตรียมไป
2.กระเป๋าและการเลือกที่นั่ง แนะนำให้ซื้อแบบ Low Fare + ไปเลยนะครับถูกกว่า
ส่วนอื่นๆผ่านหมดครับ 95/100 ดีมากครับ บินตรง 11 ชั่วโมงถึงกรุงเทพก่อนเวลาครับซิ่งมากๆ
อาหารมื้อแรก
อาหารเช้าก่อนถึงกรุงเทพ
ระบบความบันเทิงบนเครื่องเยี่ยมมากครับ หนังใหม่เก่าครบครันทีเดียว
ก่อนเครื่องจะแลนดิ้งที่กรุงเทพครับ
เช้าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ราวๆ 7 โมงเช้ากรุงเทพก็ตอนรับเราด้วยหมอกหนาทึบ ไหว้พระแลนดิ้งกันเช่นเคย (ผมจะกลัวเวลามองไม่เห็นพื้นเวลาแลนดิ้งครับ) คล้ายๆอาการโรคกลัวเครื่องบิน ฮ่าๆ เหวอเลยทีเดียว
ถึงแล้ว